ป่านนี้มหกรรมลงนาม MOU “มู” บันทึกตกลงความเข้าใจของ 8 พรรคราบรื่นเป็นไปด้วยดีหรือไม่ บทความนี้เขียนก่อนการพบปะกัน 1 ชั่วโมง รอไม่ได้
แต่ “มู” จะเป็นไปอย่าง “หมูๆ” หรือไม่ นั่นยังเป็นเพียงเบื้องต้น หนทางยังอีกยาวไกลสำหรับก้าวไกลในความพยายามจะชิงอำนาจการบริหารประเทศจากพวกลุง
“มู” เป็นความเข้าใจเบื้องต้น ไม่ใช่สนธิสัญญา ดังนั้น มีได้ก็ฉีกทิ้งได้ ถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว อย่างเช่นประเด็นโควตารัฐมนตรี ใครจะได้อะไรให้คุ้มทุน
ที่แพลมๆ ออกมา มีเงื่อนไขเพื่อหาทางปรองดองกันให้ได้นั้น ถ้าสำเร็จ คงเป็นระยะสั้น ช่วงนี้จัดฉากความร่วมมือกระแสประชาธิปไตยตามคนรุ่นใหม่เสียก่อน
พวกเขี้ยวโง้งรอ “ส้มหล่น” จะช้าหรือเร็ว ก็ต้องหล่น ผลประโยชน์เป็นตัวกำหนดเกม ทุกคนย่อมมองว่าเสียงตัวเองมีค่า ไม่ตกน้ำ ตกที่ไหนเงินงอก นั่นเลย
เพียงเรื่องข้อตกลง เงื่อนไขต่างๆ อย่างเช่น มาตรา 112 ก็เป็นอุปสรรคสำคัญ ขวางกั้นความเป็นไปได้ของรัฐบาลนำโดย “คนรุ่นใหม่” ที่ยังต้องรับรู้ว่า “ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าขิงอ่อน” อาบน้ำร้อน น้ำเย็น ผ่านโลกมาเยอะ มีเฒ่าสารพัดพิษด้วย
จาก “มู” ไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลก็ต่อเมื่อ กกต.รับรองผลแล้ว มีเวลาอีกประมาณ 50 วัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ รวมทั้งชะตากรรมของผู้นำว่าที่ ส.ส.
ต้องเป็น ว่าที่ ส.ส.ก่อนจะเป็นว่าที่ นายกฯ ฉะนั้นการที่เด็กรุ่นใหม่ตะโกนเรียกขวัญใจว่า “ท่านนายกฯ” กระหึ่มเมืองนั้น เข้าข่ายเป็น “วัยรุ่นใจร้อน” ขัดใจไม่ได้
เพียงแค่ประเด็น “มีกรณ์ ไม่มีกู” ก็ทำให้ท่านหัวหน้าแกว่งอย่างแรง พลิกตัวจากกระแสถล่มแทบไม่ทัน ต้องยกเลิกการประชุมช่วงเกือบดึก กอบกู้สถานการณ์
ที่ไปประกาศเรื่อง “มู” รอบก่อน ว่าที่พันธมิตรมีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนซ่อนมีดไว้ในรอยยิ้มน้อยๆ บางช่วงเมื่อผู้สื่อข่าวถาม ทุกคนอยากรู้ว่า ใครจะได้อะไร คุ้มมั้ย
ยิ่งพรรคคนรุ่นใหม่ประกาศว่าจะจัดการเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน เสียงก้องในใจของบางพวกคงร่ำร้องว่า “แล้วอย่างนี้พวกกูจะถอนทุนได้หรือไม่ว้อย”
เอาเหอะ ปัญหาสำคัญไม่ใช่เพียงการเรียกร้อง ผสมกดดันให้ ส.ว.มายกมือให้ ยังต้องได้รับคำมั่นว่าพรรคนายห้างดูไบสนับสนุนเพราะมี 141 เสียง นี่หวาดเสียวมาก
ถ้ารวมเอาประชาชาติของป๋าวันนอร์ อีก 10 เสียง ก็มี 151 เสียง น้อยไป 1 เสียงเท่านั้น ถ้าคุณหญิงหน่อยมาร่วมอีก 6 เสียง ก็เกินหน้าก้าวไกลแล้ว
เพื่อไทยปล่อยให้ก้าวไกลไปหาเสียงจาก ส.ว.เพิ่มอีกให้เสียงรวม 376 เสียง ไม่ใช่เรื่องง่าย บรรดา “คนแก่ไม่เจียมกะลาหัว” ยังเคืองที่โดนเด็กปรามาสถอนหงอก
การลงคะแนนเสียงเลือกประธานสภาฯ ก้าวไกลอยากได้ ก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องง้อเสียง ส.ว.แต่กว่าจะถึงวันนั้น “อะไรก็เกิดขึ้นได้” เด็กก็เจี๊ยวได้ แถมยังมี “เสี่ยชูหวีด” มาประกบเอาแสงร่วมทุกนัด ถ้าเด็กมีประเด็นโวยวาย ทำให้ท่านหัวหน้าลำบากหนัก
ไม่อยากขัดใจเด็กอารมณ์ร้อน ไม่อยากให้ “เสี่ยชูหวีด” ได้เพิ่มราคา ทำให้งาน “มู” ไม่ได้นำไปสู่สถานการณ์ “หมู” อย่างที่ฝันหวานไว้ ยิ่งมีโผ ครม.ของใครก็ไม่รู้ ทำให้ดูว่าพรรคนายห้างดูไบได้แต่กระดูก เนื้อวากิวชั้นดี สงวนไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้เปิบ
แบบนี้เหมาะสำหรับขบวนการยุให้รำ ตำให้รั่ว ปล่อยของ “ไอโอ” สารพัด เพราะก้าวไกลมาโดยโซเชียล ก็ต้องโดนแก้เกมโดยโซเชียลเช่นกัน
เข้าตำรา “หนามยอก เอาหนามบ่ง” ในโลก “ไอโอ” ไม่รู้ใครเป็นใคร คนแก่สามารถปลอมเป็นกลุ่มเด็กได้ ยิ่งมีเงินยิ่งจ้างมือ “ไอโอ” กระหน่ำรัวๆ
ที่น่าตกใจคือ มีข่าวแพลม ยิ่งกว่าโยนหินถามทางมาว่า “ลุงป้อม” จะเป็นตัวพลิกเกม “เมื่อไม่เอาลุง พวกเองก็ไม่ได้อะไรเช่นกัน” จะได้รู้ว่าลุงไม่ธรรมดา
เค้าว่าเมื่อลุงป้อมไม่ได้เป็นนายกฯ เด็กที่รังเกียจลุงต้องรอวาระแห่งความผิดหวัง เป็นสถานการณ์ที่แก้ลำบาก ถ้าเกิดขึ้นจริง จะเป็นการพลิกเกมรวดเร็ว
แผนนี้คือว่า “ก่อน กกต.รับรองผลเลือกตั้ง ลุงป้อมประกาศวางมือ ทิ้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร. สละสิทธิ์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1
ก่อนการเปิดประชุมโหวตเลือกประธานสภาฯ ก็สลายพรรค พปชร.ทำให้ ส.ส. พรรค พปชร.ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย” ทำให้พรรคนายห้างดูไบมีเสียงอันดับ 1
แผนนี้เหี้ยมโหดอำมหิต เลือดเย็น ยิ่งกว่าโดนซามูไรทะลวงคว้านท้อง
เป็นไปได้หรือไม่ ต้องรอดู สมาชิกพรรคลุงป้อมมาจากพรรคนายห้างดูไบก็เยอะ แถมยังมี “ผู้กอง” อดีตคนสนิทของนายห้างเป็นตัวประสาน มีราคาทันที
โดนอย่างนี้ ย่อมไม่สุขเหมือนเคี้ยวอาหารร้าน Chez Miline ต้องรากแตกรากแตนเหมือนอาหารเป็นพิษ ถ้าเป็นจริง ต้องเป็นแผนลุงเจ็บแสบ สร้างบทเรียนให้เด็ก
“เมื่อกูไม่ได้เป็น ก็อย่าหวังว่าพวกมึงจะได้เป็น”
การเมืองแบบพาราสาวัตถี ไม่มีใครปรานีใคร พรรคคนรุ่นใหม่ต้องรออีก 4 ปี หรือเท่าไหร่ก็แล้วแต่ จนกว่าจะเลือกตั้งใหม่ให้แลนด์สไลด์มามากกว่า 350 หรือเต็มสภาฯ นั่นเลย ถ้าวันนั้นมีจริง
คิดเพ้อเจ้อไปอีก ถ้าลุงห้าวเป้งร่วมสางแค้น ตอบแทนคุณลุงป้อม ทำแบบเดียวกัน ให้ รทสช.ไปรวมกับ พปชร.แบบใครไปได้ก็ไป ก็ยิ่ง “คนกันเองทั้งนั้น”
นายห้างดูไบก็มีโอกาสกลับมา “เป็นนักโทษก็ได้” แต่จะอยู่ในสถานภาพผู้กอบกู้สถาบันจากความพยายามแก้ไขมาตรา 112 ของพวกเด็กๆ แบบนี้ก้าวไกลทำให้นายห้างดูไบดูดี ด้วยเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครส่งเสียงต้านพวกเด็กคิดการใหญ่
ดูต่อไป เส้นทางยังอีกยาวไกล ถ้าเป็นอย่างนี้ก้าวไกลไม่น่าจะไปได้ไกลแล้ว