การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เสียหายอะไร เพราะการได้รับการเสนอชื่อจากพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นก็ยึดโยงกับประชาชนอยู่แล้ว ถ้าจะแปลกก็ตรงพรรคเพื่อไทยที่ยืนยันมาตลอดว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.ทำไมไม่มีชื่ออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร และเศรษฐา ทวีสินในบัญชีรายชื่อ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต่างหากที่ต้องอธิบายต่อประชาชนว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
สำหรับพล.อ.ประยุทธ์นั้นต้องเตรียมตัวรับสภาพให้พร้อม หากไม่สามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ดังนั้นการไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อจึงเป็นทางออกที่ถูกต้องแล้ว คิดดูว่า หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้
พล.อ.ประยุทธ์จะต้องไปนั่งเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านอยู่ในสภาฯ ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีสถานะแบบนายชวน หลีกภัย ที่เป็นนักการเมืองเต็มตัว เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วเมื่อไม่ได้เป็นก็กลับไปเป็น ส.ส.ได้
ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ถ้าไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็กลับไปอยู่ในบ้านเท่านั้นเอง ส่วนควรจะอยู่ในค่ายทหารหรือไม่นั้น ก็ต้องไปพิจารณาความเหมาะควรเอาเอง ว่าที่ผ่านมามีใครเขาประพฤติปฏิบัติเช่นนี้หรือไม่
ถ้าถามผมว่าพล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาได้ไหม ผมวิเคราะห์สถานการณ์จากข้อมูล ณ เวลานี้ผมบอกได้เลยว่า ยากมาก แม้ว่าเพื่อนผม แด๊ก ธนกร วังบุญคงชนะ ที่กลายไปเป็นขุนพลคู่กายของลุงตู่จะบอกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส. 80-90 ที่นั่งจากเขต 60-70 ที่นั่งและจากบัญชีรายชื่ออีก 20 ที่นั่ง แต่ผมเชื่อว่าจะได้น้อยกว่านั้น
หากพรรครวมไทยสร้างชาติคาดหวังจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 20 เสียงก็ต้องได้คะแนนอย่างน้อย 6 ล้านเสียงขึ้นไปนะ ถามว่าจะได้ไหม ตอนที่พรรคพลังประชารัฐพูลทีมในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วยังได้มา 8.4 ล้านเสียง แต่ครั้งนี้สองลุงแยกทางกันแตกออกเป็นสองพรรค คิดว่ายังมีอิทธิฤทธิ์เท่าเดิมไหมล่ะ
พูดได้ว่าถ้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ส.ส.ใต้มากและไปถึงเป้าหมาย 90 ที่นั่งอย่างธนกรว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้น้อยกว่าครั้งที่แล้ว เพราะทั้งสองพรรคตกปลาในบ่อเดียวกันและบ่อภาคใต้มีปลาให้แย่งชิงกัน 58 ตัว หากเป็นเช่นนั้นถามว่ามีโอกาสไหมที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะรักษาเสียงข้างมากในสภาผู้แทนไว้ได้ ผมบอกว่ายากมาก เพราะผมไม่เชื่อด้วยว่าพรรคภูมิใจไทยเองจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิมมากนัก
ส่วนครั้งที่แล้วชนะได้เสียงข้างมากไม่ได้เหนือฝ่ายค้านมากนัก ถ้านับตอนที่ยังไม่มีงูเห่านั้นหรือหลังยุบพรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่แล้วได้เสียงจากอดีต ส.ส.ที่ดึงมาจากพรรคเพื่อไทยหลายคนแต่ตอนนี้หลายคนกลับไปพรรคเพื่อไทยแล้ว และได้เสียง ส.ส.จากพรรคปัดเศษอีก 10 กว่าเสียงแต่เลือกตั้งแบบบัตรสองใบคงไม่มี ส.ส.ปัดเศษอีกแน่ๆ
อย่าลืมว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วนั้นเลือกตั้งกันภายใต้อำนาจของ คสช. แต่ครั้งนี้เลือกภายใต้สถานการณ์ที่พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินมาแล้วกว่า 8 ปี แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะหาเสียงว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” แต่ผมสัมผัสได้ว่า ความต้องการการเปลี่ยนแปลงคนเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมืองนั้นรุนแรงกว่า ถ้าไม่พิจารณาจากขั้วทางการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนอยู่แล้ว แต่พิจารณาจากเสียงของคนกลางๆ ในสังคม
8 ปีกว่าที่ทำมาและได้ทำแล้วนั้นไม่น่าจะมีแรงฉุดให้คนจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่ขั้วการเมืองหันมาสนับสนุนให้ลุงตู่ได้ทำต่อ เพราะเขาต้องการความคิดความสามารถจากคนอื่นที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองหากย้อนกลับไปมองผลงานที่ผ่านมาของลุงตู่ที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จแบบไม่มีฝ่ายค้านเกือบ 5 ปีและเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งอีก 4 ปี
แต่ผมรู้นะครับว่า บรรดาองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ของฝ่ายอนุรักษนิยมยังเชื่อมั่นว่าลุงตู่จะชนะ และสามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งผมไม่ทราบหรอกว่า พวกเขาเหล่านี้เชื่อมั่นจากเหตุผลอะไร แต่ผมอ่านเอาจากการแสดงออกของพวกเขาผ่านการแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็รู้สึกได้ว่าพวกเขายังเชื่อว่าจะชนะ
เวลาผมเขียนบทความเพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงตามที่ผมได้สัมผัส เมื่อผมไปวิจารณ์ว่าพล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายอนุรักษนิยมจะไม่ชนะ คนที่เป็นกองเชียร์ของลุงตู่ก็จะมาค่อนขอดว่า ผมเปลี่ยนไปหรือรับงานมาจากฝ่ายตรงข้ามอะไรทำนองนี้ ทั้งๆ ที่ผมมองเห็นความเป็นไปเหล่านั้นและสะท้อนออกมาในฐานะที่ทำงานสื่อสารมวลชน ถ้าผมเชื่อว่าจะพ่ายแพ้แล้วผมเขียนให้เข้าใจว่าจะชนะนั่นสิที่เป็นสิ่งที่ผมไม่ควรทำ
ถามว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาได้ต้องทำอย่างไร คำตอบของผมก็คือ ต้องสามารถแย่งชิง ส.ส.ในภาคอีสานให้ได้จำนวนหนึ่งและลดทอนเป้าหมายในภาคอีสานของเพื่อไทยลงมาให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ที่ลงแข่งกันเองกับฝั่งเดียวกันในภาคใต้ซึ่งไม่ได้ส่งผลในภาพรวมให้ขั้วรัฐบาลเดิมกลับมาจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่โอกาสในภาคอีสานของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นแทบจะไม่มีเลย หรือจะหวังให้พรรคภูมิใจไทยแย่งชิง ส.ส.ในภาคอีสานมาจากพรรคเพื่อไทยให้ได้มากก็ไม่ง่ายนัก
ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ถึงตอนนี้ผมยังมองไม่ออกเลยนะว่าจังหวัดไหนบ้างที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะชนะได้ค่อนข้างจะแน่นอน
นอกจากนั้นถ้าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมรวมกันได้เกิน 250 คนแล้ว เงื่อนไขสำคัญก็คือพรรครวมไทยสร้างชาติต้องได้มากกว่าพรรคภูมิใจไทยด้วยนะจึงจะถึงโอกาสที่ลุงตู่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้
ถ้าถามว่ามวลชนฝั่งอนุรักษนิยมต้องทำอย่างไรหากพรรคขั้วตรงข้ามกลับมาเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีอาจจะชื่อ อุ๊งอิ๊ง แพทองธารผมก็คงต้องบอกว่า เราต้องยอมรับชะตากรรมร่วมกันถ้าคนส่วนมากเชื่อมั่นและไว้วางใจพรรคเพื่อไทยให้ได้เสียงข้างมาก แต่ถ้าถามผมตอนนี้ผมบอกว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของอุ๊งอิ๊งก็ไม่ง่าย เพราะผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่แลนด์สไลด์ และยากมากที่จะรวบรวมเสียงให้ได้ 376 เสียงขึ้นไปเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้ว่าส.ว.จำนวนหนึ่งประกาศว่า หากฝ่ายไหนได้เสียงข้างมากจะยกมือให้ฝ่ายนั้นก็ตาม
แม้พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเสียง ส.ส.จากพรรคฝั่งเดียวกันได้เกิน 250 เสียงเพื่อปิดทางขั้วรัฐบาลเดิมและปิดโอกาสของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเจอการต่อรองอย่างเข้มข้นของพรรคที่มีเสียง ส.ว.อยู่ในมือจำนวนหนึ่งอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อให้ถึง 376 เสียง ดังนั้นเมื่อถึงสถานการณ์ตรงนั้นต่างหากที่จะตัดสินว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแท้จริง
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถูกแล้วที่พล.อ.ประยุทธ์จะไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อ และวันนั้นเราก็คงต้องจำยอมยอมรับรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan