เมืองไทย 360 องศา
รายการ CareTalk กับ “พี่โทนี่” หนึ่งในรายการให้ความรู้และเสนอทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาให้สังคมไทยของกลุ่ม CARE คิดเคลื่อนไทย รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดกว่า 54 ครั้งที่ผ่านมา
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ก้าวเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งซึ่งมีการแข่งขันอย่างเข้มข้นมากขึ้น ทำให้รายการ CareTalk กับพี่โทนี่ ถูกจับตาจากหลายกลุ่มคน หลายกลุ่มการเมือง ด้วยหลายวัตถุประสงค์
กลุ่ม CARE ในฐานะ Think Tank ไม่ปรารถนาให้รายการ CareTalk กับพี่โทนี่ในฐานะรายการให้ความรู้ ถูกนำไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์หลักของรายการ
ดังนั้น กลุ่มแคร์ จึงขอ“งดรายการ” CareTalk กับพี่โทนี่ไปจนกระทั่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้ และเราจะกลับมาพบกันใหม่อีกครั้งแบบจัดเต็มหลังการเลือกตั้ง ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2566
ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้จับจ้องไปที่การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ให้ทุกท่านจับจ้องไปที่โอกาสครั้งสำคัญที่เราจะได้ร่วมกัน “กำหนดอนาคต” ของพวกเรา
กลุ่ม Care คิดเคลื่อนไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “คนไทย” ทุกคน จะใช้วาระโอกาสอันสำคัญนี้ ในการร่วมกันพาเพื่อนร่วมชาติออกจาก “หลุมดำแห่งความทนทุกข์” และร่วมกันเดินทางสู่ “เส้นชัยแห่งความสำเร็จ” ด้วยการ “เลือกให้ชนะขาด”
เพื่อคืนคุณภาพชีวิตที่ดี คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คืนความเป็นปกติสุข คืนประชาธิปไตย ให้แก่สังคมไทย เพื่ออนาคตของลูกหลาน และอนาคตของพวกเราทุกคน
นั่นเป็นท่าทีและการประกาศของกลุ่มการเมืองที่สนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย จะหยุดการสนทนากับ “โทนี่” เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ซึ่งก็คือ จะกลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้งคือ วันที่ 14 พฤษภาคม นั่นแหละ
แน่นอนว่า สำหรับทุกความเคลื่อนไหวย่อมมีเรื่องการเมืองเจอปน คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าจะมองในมุมไหนเท่านั้นเอง ซึ่งการออกมาบอกว่า “จะหยุด” ชั่วคราวนั้น ก็ย่อมมองออกเหมือนกันว่า “หยุดเพื่อคงความได้เปรียบ” เอาไว้ต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาหลายคนมองว่า การออกมาพูดของ นายทักษิณ ทีไรมันก็เหมือนกับไป “เพิ่มเรตติ้ง” ให้กับฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกที
และที่สำคัญยังรวมถึงมีเจตนา “ลดความเสี่ยง” ในเรื่องข้อหา “ครอบงำพรรคเพื่อไทย” เสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนเรื่องยุบพรรคตามมาอีก ดังนั้นเมื่อบวกลบดูแล้ว ก็น่าจะหยุดชั่วคราวตามที่ประกาศนั่นแหละ แต่เชื่อว่าความหมายก็คือน่าจะเป็นการหยุดแบบเปิดเผย แต่ขณะเดียวกันคำถามก็คือในเรื่อง “เกมใต้ดิน” ล่ะ ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่หรือไม่ ซึ่งสำหรับคอการเมืองที่ติดตามมานานย่อมต้องมองออกว่า “น่าจะยังต้องมี” ไปตามปกติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีก่อนที่จะหยุดเกมบนดินชั่วคราวก็ยังไม่วายทิ้งทวนให้ “เลือกให้ชนะขาด” ซึ่งความหมายก็คือ “ไม่แบ่งให้ใคร” ซึ่งเชื่อว่าพรรคที่จะสะเทือนมากที่สุดก็คือ พรรคก้าวไกลนั่นเอง ไม่ใช่ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถึงอย่างไรการเมืองมันแบ่งเป็นสองขั้วแบบนี้มานาน และจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน
หลายคนเชื่อว่าการเมืองจะไม่มีการโหวตแบบข้ามฟาก หรือ “สวิงขั้ว” อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันอย่างที่รู้กันก็คือ การเร่งเร้าให้เลือกแบบ “ยุทธศาสตร์” มันก็คือการบีบให้เหลือ “สองขั้ว” และหากบอกว่าฝ่ายที่มีแนวโน้มกินรวบคือ พรรคเพื่อไทย แต่ก็เป็นการรวบคะแนนหรือ “เก็บแบงก์ย่อย” กลับคืนมาในฝั่งของตัวเองที่เคยเสียให้กับพรรคก้าวไกล ไปเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 จากการถูกยุบพรรคไทยรักษาชาติ
แต่อีกด้านหนึ่ง มันก็ไปบังคับให้ต้องเลือกข้าง ซึ่งอีกข้างหนึ่งมันก็น่าจะส่งผลดีกับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคที่เขาสังกัด คือพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะ “กระแสพรรค” หรือ คะแนน “ปาร์ตี้ลิสต์” ที่น่าจะทำให้ได้ ส.ส.ระบบนี้เป็นกอบเป็นกำ นอกเหนือจากแบบส.ส.เขต ที่มีกระแสในบางพื้นที่ เช่น ภาคใต้ เป็นต้น ซึ่งหลายฝ่ายยังฟันธงว่านาทีนี้พรรคร่วมรัฐบาลน่าจะยังได้เปรียบ ยังสามารถกลับมา “จับขั้วเดิม” ได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าต้องมาดูว่าพรรคไหนจะได้ที่นั่งมากที่สุด แต่ก็ยังเชื่อว่า “ลุงตู่” กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีลุ้นมากที่สุด
อย่าได้แปลกใจ ที่ล่าสุด พรรคเพื่อไทยเริ่มมีท่าทีอ่อนลงจากเดิมที่เคยห้าวเรียกร้องให้ “ปิดสวิตช์ส.ว.” ตอนนี้กลับอ้อนขอเสียงจาก ส.ว. ให้โหวตตามเจตนารมณ์ของประชาชน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุ พรรคการเมืองที่ปราศรัยโจมตีส.ว.ให้ยั้งปากไว้บ้าง เพราะสุดท้ายอาจต้องกลับลำว่า ตนคิดว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ ต้องถือว่าพรรคเพื่อไทย มีความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ให้พรรคอันดับหนึ่งดำเนินการก่อน
“ไม่ควรมีพรรคการเมืองใดคิดตั้งรัฐบาลแข่งโดยอาศัยเสียง ส.ว.เข้ามาช่วย และเชื่อว่าหากการเลือกตั้งชัดเจนตามที่กล่าวมาแล้ว ส.ว.จะเข้าใจเจตนารมณ์ประชาชนที่อยากให้เพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ และจะยึดเป็นแนวทางปฏิบัติในการโหวตเลือกนายกฯ โดยการสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเข้าแก้ปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา” นายประเสริฐ กล่าว
แน่นอนว่า นี่เป็นท่าทีที่อ่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัดของพรรคเพื่อไทย ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากลำดับผู้สมัครบัญชีรายชื่อส.ส.ของพรรคที่ดันบรรดาผู้อาวุโสทั้งอดีตหัวหน้าพรรค คนที่เคยร่วมงานตั้งแต่พรรคเพื่อไทยอยู่ในลำดับต้นๆ ขณะที่บรรดาคนใกล้ชิดของ “โทนี่” อยู่ในลำดับท้าย รวมไปถึงคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งถือว่าเป็นการจัดลำดับแบบรัดกุมอุดช่องว่างในอดีต โดยเชื่อว่าพวกลำดับต้นๆ ในลำดับ “เซฟโซน”จะเป็น ส.ส.อย่างเดียว ส่วนท้ายที่เป็นคีย์แมนวางไว้สำหรับเป็น “รัฐมนตรี” ขณะที่บัญชีแคนดิเดตนายกฯแยกลอยไปต่างหาก ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเขาแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เป็นต้นไป เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า หาก“อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่สะดวกใน “ครึ่งแรก”
ดังนั้น หากพิจารณาในภาพรวมๆ สำหรับพรรคเพื่อไทย และ “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้เหมือนกับเตรียมความพร้อมเต็มที่ เป็นการวางเดิมพันครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการ “เก็บคืน” กลับมาให้หมด แต่ขณะเดียวกันยิ่งเร่งมันก็เหมือนกับการช่วยกระตุ้นให้อีกขั้วคือฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งการเงียบชั่วคราวก็อาจเป็นผลดี อย่างน้อยก็เป็นการเซฟเอาไว้ในระดับหนึ่ง แต่เชื่อว่า “เกมใต้ดิน” ยังเข้มข้นต่อไป !!