โลกยังไม่ลืมว่าวันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นวันครบรอบ 20 ปีของปฏิบัติการลวงโลกของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในการยกกองทัพกว่า 200,000 นาย อาวุธทันสมัยร้ายแรงสารพัดบุกเข้าไปทำสงครามทำลายประเทศอิรัก
ใช้อาวุธ เครื่องบิน ขีปณาวุธถล่มกองทัพอิรัก เข่นฆ่าประชาชน ทำลายบ้านเมืองพินาศทั้งกรุงแบกแดด เคอร์คุก และโมซูล สร้างคุกลับ “อาบูกาเรียบ” ทรมานนักโทษผู้คุมขังอย่างทารุณเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลก
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เป็นหัวโจกในการทำสงครามรุกรานอิรัก ในปี 2003 อ้างว่าต้องการไล่ล่าติดตามกลุ่มผู้ก่อการร้ายซึ่งเคยลอบสังหารบิดาตัวเองคือ ประธานาธิบดี จอร์จ บุชหลังจากบุกอิรักรอบแรกในปี 1990
อีกเป้าหมายหนึ่งของสหรัฐฯ คือการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองของอิรักให้เป็นรูปแบบประชาธิปไตยอย่างที่โลกตะวันตกต้องการ จะได้เป็นแบบอย่างสำหรับประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง
ประเทศอิรักต้องถูกโจมตี โดยสหรัฐฯ ครั้งแรกอ้างว่าต้องปลดปล่อยประเทศคูเวตจากการยึดครองของอิรักครั้งที่ 2 คือการค้นหาอาวุธมหาประลัย ซึ่งไม่มีอยู่จริงเป็นการกุเรื่องโดยขบวนการซีไอเอและฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ และอังกฤษ
จอร์จ บุชตัวพ่อ ได้นำกองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรรุกรานอิรักในปี 1990 ในสงครามพายุทะเลทราย ทำลายกองทัพอิรักย่อยยับแต่ไม่บุกเข้าถึงเมืองแบกแดด เป็นสงครามที่ปิดเกมไม่สำเร็จ
จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ตัวลูกรับงานต่อด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือประกาศว่าใครไม่เข้าร่วมกับสหรัฐฯ ก็ต้องเป็นฝ่ายตรงข้ามสหรัฐฯ ไม่มีพื้นที่ยืนสำหรับคนเป็นกลาง
ข้ออ้างที่ยกเมฆโดยสำนักข่าวกรองซีไอเอ คือรัฐบาลอิรักนำโดยประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ครอบครองอาวุธมหาประลัย อาวุธชีวภาพเป็นภัยคุกคามต่อชาวโลก
สื่อหลักของโลกตะวันตกประโคมข่าวเป็นทอดๆ เพื่อจะให้รัฐบาลสหรัฐฯ และอังกฤษหาเหตุบุกเข้าไปในอิรักโดยไม่ได้มีฉันทานุมัติของสหประชาชาติ
พลเอกโคลิน พาวเวลล์ นั้นอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศถือหลอดสีขาวขนาดเล็กไปบีบน้ำตาพูดในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง อ้างว่าเป็นตัวอย่างของอาวุธชีวภาพร้ายแรงของอิรัก
นายโดนัลด์ รัมเฟลด์ รัฐมนตรีกลาโหมก็ตอกย้ำว่าอิรักมีอาวุธร้ายแรงและย้ำว่าต้องจัดการกับอิรัก ทางฝ่ายผู้นำอังกฤษนายโทนี่ แบลร์ ก็อ้างว่าได้รับข่าวกรองจากหน่วยงานของอังกฤษยืนยันเช่นเดียวกัน
ยังมีข้ออ้างอีกว่าอิรักให้ที่พักพิงแก่กลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ซึ่งได้จี้เครื่องบินพาณิชย์ พุ่งเข้าชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในกรุงนิวยอร์กจนถล่มมีคนเสียชีวิตกว่า 3,000 คนสร้างความช็อกไปทั่วโลก
โดยความเห็นชอบอย่างไม่มีเงื่อนไขของกว่า 30 ประเทศทำให้กองทัพของสหรัฐฯ อังกฤษ โปแลนด์ และออสเตรเลียบุกเข้าไปเข่นฆ่าทหารและประชาชนอิรัก
ประชาชนอิรักเสียชีวิต 5 แสนคน บ้านเมืองพินาศย่อยยับทรัพย์สินของประเทศถูกปล้นขนไปสหรัฐฯ ซัดดัมหลบหนีจนถูกจับได้และถูกแขวนคอในปี 2006
ปฏิบัติการบุกในแบบช็อกโลก Shock and awe สะท้อนความให้เห็นแสนยานุภาพของชาติมหาอำนาจที่ไม่เกรงใครแม้กระทั่งกฎหมายระหว่างประเทศ
ทหารสหรัฐฯ เสียชีวิตประมาณ 5,000 นายเทียบไม่ได้กับชาวอิรักซึ่งมีทหารพลเรือนเด็กรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน สูญเสียที่อยู่อาศัย
กองทัพสหรัฐฯ และพันธมิตรรบในอิรักนาน 7 ปีถอนทหารกลับไปแต่ได้สร้างปัญหามากบ้านเมืองแตกสลายหลายฝ่ายชิงอำนาจเป็นสงครามกลางเมือง
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดเพื่อบริหารประเทศ แต่เป้าหมายแท้จริงคือการควบคุมแหล่งก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ หวังจะคุมราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
แต่สหรัฐฯ ไม่สามารถยึดแหล่งน้ำมันดิบได้สำเร็จเพราะเกิดแรงต่อต้านจากคนอิรัก และถูกก่อกวนโดยกลุ่มก่อการร้ายและกองกำลังต่างๆ ที่ต่อต้านสหรัฐฯ
ที่เลวร้าย สงครามอิรักทำให้เกิดกองกำลังก่อการร้ายไอซิส มาจากอดีตทหารซึ่งจงรักภักดีต่อซัสดัม ฮุสเซน และได้ขยายตัวเป็นกองทัพก่อการร้ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังพล 4-5 หมื่นคนคุมพื้นที่ของอิรัก ซีเรีย และพื้นที่ของกบฏชาวเคิร์ด
ไอซิสจัดตั้งเป็นรัฐกาหลิบ มีคนจากหลายประเทศเข้าร่วม เป็นอาสาสมัครต้องใช้กองกำลังรัสเซียในซีเรียโจมตีทิ้งระเบิดรุนแรงจนย่อยสลายกองกำลังไอซิสเป็นกลุ่มย่อยปฏิบัติการในอิรักและอัฟกานิสถานแต่ไม่เข้มแข็งเหมือนแต่ก่อน
รัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ถือว่าได้ประกอบอาชญากรรมสงครามร้ายแรง ในอิรักลามไปยังประเทศลิเบียเกิดสงครามกลางเมือง
ด้วยความหวาดกลัว จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้นำสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศเพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกข้อหาเป็นอาชญากรสงคราม
ยิ่งกว่านั้น สหรัฐฯ และออกกฎหมายพิเศษให้สหรัฐฯ ยกกำลังบุกประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ ถ้าคนอเมริกันถูกจับคุมขังดำเนินคดีโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ
การยอมรับภายหลังว่าอาวุธร้ายแรงไม่มีอยู่จริงในอิรัก และเป็นข้อมูลลวงโลกโดยหน่วยงานซีไอเอ และฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ และอังกฤษเป็นการฟ้องให้ประชาคมโลกเห็นว่าทั้งสองประเทศสมควรถูกดำเนินคดีอาชญากรรมสงคราม
ความเป็นมหาอำนาจขั้วเดียวของสหรัฐฯ กำลังถูกท้าทายโดยจีนและรัสเซียมีความเห็นชอบจากประชาคมโลกที่ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างของสหรัฐฯ อย่างที่เคยเป็นมา