สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค.) กล่าวหาจีนและรัสเซียยุยงส่งเสริมเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ ด้วยการขัดขวางการตอบโต้ร่วมกันของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในประเด็นดังกล่าว กระตุ้นให้ปักกิ่ง และมอสโกออกมาตอบโต้ว่า การซ้อมรบระหว่างวอชิงตันกับโซลต่างหากที่เป็นต้นตอ
ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ โวยวายใส่ปักกิ่งและมอสโก ต่อกรณีปฏิเสธมีส่วนร่วมในการทูตที่สุจริตใจ พร้อมกล่าวหาว่าการทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของทั้ง 2 ชาติ เท่ากับเป็นการยุยงส่งเสริมเกาหลีเหนือให้ทำการยิงขีปนาวุธโดยไม่ต้องรับโทษใดๆ
"ต้องเห็นเกาหลีเหนือละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอีกมากมายแค่ไหน ก่อนที่จีนและรัสเซียจะหยุดปกป้องรัฐบาลเกาหลีเหนือ" โธมัส-กรีนฟิลด์ กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
คำกล่าวหานี้มีขึ้น หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน จีนและรัสเซียใช้สิทธิวีโต้ญัตติหนึ่งในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานเปียงยาง
นับตั้งแต่นั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็ไม่เคยผ่านมติใดๆ ในประเด็นนี้อีกเลย แม้เกาหลีเหนือทำการยิงขีปนาวุธหลายต่อหลายครั้ง โดยหนล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
การดำเนินการอย่างเป็นเอกฉันท์กับเกาหลีเหนือหนสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ณ ขณะนั้น โดยวอชิงตันเป็นหัวหอกของการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ 3 ญัตติ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐิจหนักหน่วงเล่นงานเปียงยาง 3 รอบ หลังทำการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์
ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (20 มี.ค.) 9 ชาติสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ประณามการยิงขีปนาวุธในจำนวนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนของเกาหลีเหนือ โดยบอกว่าวิกฤตที่กำลังลุกลามบานปลายขึ้นก่อความเสี่ยงไม่ใช่กับแค่ในภูมิภาค แต่ยังเป็นภัยต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลกอีกด้วย
"เกาหลีเหนือกำลังทดสอบความแน่วแน่และจุดประสงค์ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องดำเนินการ" ถ้อยแถลงระบุ
จีนและรัสเซียปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เบื้องหลังใดๆ กับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ พร้อมระบุว่า ต้นตอที่ควรถูกกล่าวโทษก็คือการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ต่างหาก
(ที่มา : เอเอฟพี)