ข่าวกรองใหม่ที่ตรวจสอบทบทวนโดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บ่งชี้ว่าพวกฝักใฝ่ยูเครนกลุ่มหนึ่งลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีมเมื่อเดือนกันยายน 2022 แต่ระบุไม่พบหลักฐานความเกี่ยวข้องของรัฐบาลเคียฟ สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สในวันอังคาร (7 มี.ค.)
สหรัฐฯ และนาโต้เรียกการโจมตี ซึ่งเกิดขึ้น 7 เดือนตามหลังรัสเซียรุกรานยูเครนและก่อความเสียหายแก่ท่อลำเลียง 3 ใน 4 เส้นที่ลอดใต้ทะเลบอลติก เป็นการลอบก่อวินาศกรรม ส่วนรัสเซียกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของบรรดาชาติตะวันตกผู้สนับสนุนยูเครน และเรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการสืบสวนอย่างอิสระ
นิวยอร์กไทม์ส อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกว่าไม่พบหลักฐานว่าประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน หรือผู้ช่วยระดับสูงของเขาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการดังกล่าว หรือผู้ลงมือกระทำการภายใต้คำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนรายใด
จอห์น เคอร์บี โฆษกของทำเนียบขาว บอกกับผู้สื่อข่าวในวันอังคาร (7 มี.ค.) ว่าวอชิงตันกำลังรอผลการสืบสวนที่กำลังดำเนินการอยู่ในเยอรมนี สวีเดน และเดนมาร์ก เพื่อทำการสรุป และบอกว่าจากนั้นถึงจะมองถึงความเป็นไปได้ของการใช้มาตรการต่างๆ ตามมา
ในการตอบสนองต่อรายงานข่าวดังกล่าว มีโคโล โพดอลยัค ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีเซเลนสกี บอกกับรอยเตอร์ว่ารัฐบาลเคียฟ "ไม่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง" ในเหตุโจมตีก่อวินาศกรรม และไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ส่วน ดมิทรี โพลยานสกี รองผู้แทนทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวกับรอยเตอร์ว่า รายงานข่าวนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าความเคลื่อนไหวของมอสโก ในความพยายามผลักดันให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนอิสระเป็นสิ่งที่ถูกที่ถูกเวลาเป็นอย่างมาก และบอกว่าพวกเขาจะขอให้ลงมติในร่างญัตติหนึ่งในช่วงปลายเดือนมีนาคม
นิวยอร์กไทม์สระบุว่า การทบทวนข่าวกรอง บ่งชี้ว่าพวกที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดท่อลำเลียง เป็นคนสัญชาติยูเครนหรือรัสเซีย หรือไม่ประกอบด้วยกลุ่มคนทั้ง 2 สัญชาติ ที่ต่อต้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
แต่ข่าวกรองไม่ได้เจาะถึงสมาชิกของกลุ่ม ใครเป็นผู้บงการหรือเป็นผู้จ้างวานสำหรับปฏิบัติการดังกล่าว "เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธเปิดเผยถึงลักษณะของข้อมูลข่าวกรอง หนทางที่พวกเขาได้มาหรือรายละเอียดความหนักแน่นของหลักฐาน และพวกเขาบอกว่ายังไม่มีข้อสรุปที่หนักแน่นเกี่ยวกับเรื่องนี้" นิวยอร์กไทม์สระบุ
เป็นที่น่าสังเกตว่ารายงานของรอยเตอร์และนิวยอร์กไทม์ส ไม่ได้พาดพิงถึงรายงานข่าวของ ซีย์มอร์ เฮิร์ซ นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ชาวสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคนที่ออกมาอ้างเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าท่อลำเลียงนอร์ดสตรีมเป็นเป้าหมายของวอชิงตัน ในปฏิบัติการลับตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เฮิร์ช อ้างว่าแหล่งข่าวรับรู้เรื่องราวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเขาว่า สหรัฐฯ ลงมือร่วมกับนอร์เวย์ ในการลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงแห่งนี้ ในปฏิบัติการที่ทาง เฮิร์ช กล่าวอ้างว่าออกแบบมาเพื่อขัดขวางไม่ให้รัสเซียโกยเงินจากการขายก๊าซธรรมชาติราคาถูกแก่เยอรมนีและยุโรป และบีบให้เยอรมนีมอบความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครน ที่กำลังทำศึกสงครามกับรัสเซีย
บทความของเขา เฮิร์ซ อ้างว่าทีมประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ นำระเบิดไปวางไว้ที่ท่อลำเลียงใต้ทะเล ที่ป้อนก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังเยอรมนี ในเดือนมิถุนายน 2022 ภายใต้ฉากหน้าการซ้อมรบร่วมนาโต้ BALTOPS 22 ในทะเลบอลติก
ในการออกมาแฉครั้งนี้ เฮิร์ซ ระบุว่า ระเบิดถูกจุดชนวนในอีก 3 เดือนต่อมา แบบทางไกล ผ่านตัวส่งสัญญาณที่ติดอยู่กับทุ่นโซนาร์ที่หย่อนลงไปในทะเลโดยเครื่องบินลาดตระเวน P8 ของกองทัพเรือนอร์เวย์
ท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม ซึ่งสร้างโดยก๊าซพรอม รัฐวิสาหกิจทางพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย เป็นการเชื่อมต่อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังเยอรมนี โดยนอร์ดสตรีม 1 สร้างเสร็จมาตั้งแต่ปี 2011 ส่วนนอร์ดสตรีม 2 สร้างเสร็จในปี 2021 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากยูเครนและพันธมิตรบางส่วนของเยอรมนี ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ ซึ่งเกรงว่ามันอาจเปิดทางให้มอสโกใช้ขู่กรรโชกเบอร์ลิน ด้วยการขู่จำกัดอุปทาน
สุดท้าย เยอรมนีตัดสินใจระงับออกใบอนุญาตท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 2 ท่ามกลางสัญญาณในเวลานั้นว่ารัสเซียกำลังเตรียมการรุกรานยูเครน และนับตั้งแต่มอสโกเปิดฉากรุกรานจริง ยุโรปได้ลดการนำเข้าทางพลังงานจากรัสเซียลงอย่างมาก
(ที่มา : รอยเตอร์/นิวยอร์กไทม์ส)