จีนในวันจันทร์(27ก.พ.) ปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าโรคระบาดใหญ่โควิด-19 มีสาเหตุจากการรั่วไหลหลุดออกจากห้องปฏิบัติการหนึ่งของปักกิ่ง ตามหลังสื่อมวลชนตะวันตกรายงานกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯสรุปแล้วว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดว่ากรณีนี้จะเป็นต้นตอของโรคระบาด ทั้งที่ทางทำเนียบขาวและประชาคมข่าวกรองของอเมริกายังไม่ฟันธงในเรื่องนี้
ข้อสรุปดังกล่าว ซึ่งบันทึกอยู่ในรายงานลับสุดยอดของสำนักงานของนายแอฟริล เฮนส์ (Avril Haines) ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล ถือเป็นการกลับลำของกระทรวงพลังงานอเมริกา ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุว่ายังไม่ได้ข้อสรุปว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลและนิวยอร์กไทม์ส รายงานอ้างผู้คนที่ได้อ่านรายงานลับสุดยอดดังกล่าว ระบุกระทรวงพลังงานลงความเห็นในเรื่องนี้ภายใต้ "ความเชื่อมั่นระดับต่ำ" เป็นการตอกย้ำว่าหน่วยงานต่างๆยังคงมีความเห็นแตกแยกกันเกี่ยวกับแหล่งที่มาของโควิด-19 และโรคระบาดใหญ่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020
กระนั้นก็ตาม ข้อสรุปของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งว่ากันว่ามีพื้นฐานจาก “ข้อมูลข่าวกรองใหม่” ก็ยังนับว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากกระทรวงพลังงานนั้นกำกับดูแลเครือข่ายห้องปฏิบัติการแห่งชาติ รวมถึงห้องแล็บบางแห่งซึ่งทำการศึกษาวิจัยด้านชีวภาพในระดับก้าวหน้า
ข้อสรุปนี้ทำให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ที่เชื่อว่าโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตประชากรโลกไปเกือบ 7 ล้านคน มีต้นตอจากความผิดพลาดในห้องแล็บจีน ซึ่งทำให้เชื้อไวรัสรั่วไหลออกสู่ภายนอก
อย่างไรก็ตามล่าสุด จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(27ก.พ.) ว่ารัฐบาลอเมริกายังคงไม่บรรลุความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร แม้มีรายงานข่าวอ้างกระทรวงพลังงานสรุปว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าไวรัสจะหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการหนึ่งในจีน
"ประชาคมข่าวกรองและหน่วยงานที่เหลือของรัฐบาลยังคงตรวจสอบเรื่องนี้" เคอร์บีกล่าว "ยังไม่มีข้อสรุปอย่างชัดเจน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะพูด หรือผมควรรู้สึกเช่นไร ที่ผมต้องออกมาปกป้องรายงานข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อบ่งชี้ในเบื้องต้น สิ่งที่ประธานาธิบดีต้องการคือข้อเท็จจริง"
โพลิติโก เว็บไซต์ข่าวการเมืองสหรัฐฯ รายงานด้วยว่ามีหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆหลายแห่งที่เห็นแย้งกับข้อสรุปของทางกระทรวงพลังงาน โดย 4 หน่วยงานลงความเห็นภายใต้ "ความเชื่อมั่นระดับต่ำ" ว่าไวรัสติดต่อโดยธรรมชาติผ่านสัตว์ ส่วนอีก 2 หน่วยงาน ในนั้นรวมถึงซีไอเอ ยังไม่ลงความเห็นในข้อสรุประหว่าง 2 ทฤษฎีแหล่งที่มาของโควิด-19
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เน้นย้ำว่ายังคงมีมุมมองในหลากหลายในประเด็นนี้ "ในตอนนี้ ยังคงไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนที่ปรากฏออกมาจากประชาคมนานาชาติ ในเรื่องเกี่ยวกับคำถามดังกล่าว" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น
ในส่วนของจีน ได้ออกมาปฏิเสธอีกรอบ โดย เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้ "หยุดโหมกระพือคำกล่าวอ้างว่าโควิดมีต้นตอจากการรั่วไหลออกจากห้องปฏิบติการ หยุดป้ายสีจีน และหยุดเล่นการเมืองในประเด็นแกะรอยหาแหล่งที่มาโควิด"
เหมา หนิง กล่าวระหว่างแถลงข่าวด้วยว่า "ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ที่ร่างโดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญร่วมจากจีนและองค์การอนามัยโลก ไม่พบความเป็นไปได้ของการรั่วไหลหลุดจากห้องปฏิบัติการ"
ด้าน ทาริค จาซาเรวิค โฆษกองค์การอนามัยโลก เปิดเผยกับเอเอฟพีในวันจันทร์(27ก.พ.) ว่าองค์การอนามยโลกยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการค้นพบของกระทรวงพลังงานสหรรัฐฯ และกำลังเดินหน้าตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่มี
"เราเรียกร้องจีนและประชาคมวิทยาศาสตร์ดำเนินการศึกษาต่างๆนานาที่จำเป็น เพื่อสรุปหาแหล่งที่มาของไวรัส และจนกว่าเราจะมีหลักฐานเพิ่มเติม ทุกสมมุติฐานยังวางอยู่บนโต๊ะ" จาซาเรวิคกล่าว
ในเดือนกุมภาพันธ์ องค์การอนามัยโลกสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ "จนกว่าเราจะได้คำตอบเกี่ยวกับแหล่งที่มาของโควิด" พร้อมปฏิเสธรายงานข่าวหนึ่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าหน่วยงานแห่งนี้ได้ละทิ้งการสืบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประชาคมนักวิทยาศาสตร์เล็งเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ต้องหาข้อสรุปเกี่ยวกับแหล่งที่มาของโรคระบาดใหญ่ เพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้ดีขึ้น หรือแม้แต่ป้องกันโรคระบาดใหญ่โรคต่อไป
(ที่มา:เอเอฟพี/โพลิติโก/รอยเตอร์)