อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ เกล็นน์ เบ็ค พิธีกรคนดังเมื่อวันศุกร์ (24 ก.พ.) บ่งชี้ว่ายูเครนอาจเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุลอบวินาศกรรมก่อความเสียหายแก่ท่อลำเลียงนอร์ดสตรีมเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน พร้อมไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ในการแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวของ ซีย์มอร์ เฮิร์ซ นักข่าวสืบสวนสอบสวนคนดังเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ชาวสหรัฐฯ ซึ่งออกมาอ้างเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าท่อลำเลียงนอร์ดสตรีมเป็นเป้าหมายของวอชิงตัน ในปฏิบัติการลับตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทาง ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อเมริกาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แต่ปฏิเสธคำครหาที่ว่ามอสโกเป็นฝ่ายลงมือทำลายท่อลำเลียงของตนเอง
"มันอาจเป็นเรา และมันอาจเป็นยูเครน และมันอาจเป็นประเทศที่ 3 บางชาติที่ต้องการให้เกิดปัญหา แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่รัสเซีย นี่คือแหล่งรายได้หลักอันมหาศาลของพวกเขา พวกเขาไม่ระเบิดท่อเพื่อสร้างประเด็นหรอก นี่คือหนึ่งสิ่งที่ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจ" ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุว่า ทุกๆ อย่างนั้นเป็นการกล่าวโทษรัสเซียโดยพวกคนที่น่ารังเกียจ
อดีตประธานาธิบดีรายนี้บ่งชี้ด้วยว่าสหรัฐฯ อาจทำงานภายใต้การร่วมมือกับยูเครน เล็งเป้าเล่นงานท่อลำเลียง เนื่องด้วยเคียฟกลายเป็นประเด็นที่ครอบงำเหนือวอชิงตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "เรามอบเงินให้พวกเขาไปแล้วน่าจะราวๆ 150,000 ล้านดอลลาร์และยุโรปมอบทุกอย่างให้พวกเขา แทบไม่เหลืออะไรเลย"
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นสัปดาห์ ทรัมป์ ซึ่งยืนยันว่าจะลงมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวอีกสมัยในศึกเลือกตั้ง 2024 ประกาศจะยุติความขัดแย้งยูเครนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หากว่าเขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย "ผมจะเริ่มโทรศัพท์ทันที ไม่ใช่จากวันแรกที่ผมรับตำแหน่ง แต่เป็นจากวันแรกที่ผมได้รับชัยชนะ" เขากล่าว ณ เวทีหาเสียงในฟลอริดา
อดีตประธานาธิบดีรายนี้ยังกล่าวโทษ "พวกกระหายสงคราม" และพวกสากลนิยมที่ซ่องสุมอยู่ตามกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมและเครือข่ายอุตสาหกรรมความมั่นคงแห่งชาติ" ต่อความพยายามผลักดันนโยบายแห่งความเป็นปรปักษ์ต่างๆ
"ผมเป็นเพียงประธานาธิบดีคนเดียวที่ปฏิเสธคำแนะนำหายนะของนายพลทั้งหลาย ข้าราชการและที่เรียกกันว่าพวกนักการทูตของวอชิงตัน คนเหล่านั้นรู้เพียงอย่างเดียว ว่าจะนำพาเราเข้าสู่ความขัดแย้งต่างๆ ได้อย่างไร" เขากล่าวในวิดีโอหาเสียงที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.)
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)