xs
xsm
sm
md
lg

จีนผงาดยุติศึกซาอุฯ-อิหร่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



ท่ามกลางบรรยากาศร้อนระอุของสงครามยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ และตะวันตกยังพยายามราดน้ำมันเข้าสู่ไฟสงคราม ด้วยการส่งอาวุธนานาชนิด รวมทั้งเงินทองมหาศาลไปช่วยผู้นำยูเครน ด้วยเหตุผลเพื่อพิทักษ์โลกเสรีที่ต้องให้ประเทศยูเครนพิทักษ์อธิปไตย และบูรณภาพเหนือดินแดน รวมทั้งการกำหนดอนาคตของชาติที่สามารถเลือกจะเข้าเป็นสมาชิกของนาโตให้ได้

ด้านหนึ่งเป็นการทุ่มสรรพกำลังของสหรัฐฯ ไปที่ยูเครน...เพื่อบั่นทอนทำให้รัสเซียอ่อนกำลังลง (War of Attrition) โดยเป็นการกำหนดให้สมรภูมิดุเดือดอยู่ที่ยูเครน และยุโรป

ขณะที่สหรัฐฯ อยู่ห่างไกลจากสมรภูมิเพื่อยังทำมาค้าขายต่อไป

อีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ก็กำลังเปิดศึกกับจีนในด้านการปิดล้อม ทั้งด้านการค้า, เทคโนโลยี และรวมถึงการรวบรวมกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคง จัดตั้งกลุ่ม Quad และ AUKUS ซึ่งก็เสมือนกลุ่มนาโตแห่งเอเชีย-แปซิฟิกดีๆ นี่เอง (อย่างที่อดีตนายกฯ หญิง ลิซ ทรัสส์ ได้เคยรุกเร้าว่า นาโตจะต้องจัดตั้งขึ้นทั่วโลก เพื่อปิดล้อมทั้งจีนและรัสเซีย!)

บทบาทของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ได้ลดลงหลังสงครามอิรักและการต่อสู้กับไอซิส รวมถึงการถูกกลุ่มตอลิบานบุกเข้ากรุงคาบูลเมื่อสิงหาคม 2021 ทำให้ทหารอเมริกันและพันธมิตรนาโตหนีออกจากอัฟกานิสถานอย่างทุลักทุเล

จีนได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดช่องว่างในตะวันออกกลาง ซึ่งอเมริกาได้ลดน้ำหนักกองกำลังลง เห็นได้ชัดคือ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไบเดนกับมกุฎราชกุมาร MBS ของซาอุฯ (กรณีการสังหารนักหนังสือพิมพ์ชื่อดัง คาช็อกกี) ที่ตกต่ำลงอย่างมาก ขนาดไบเดนลงทุนเดินทางไปเฝ้า MBS เพื่อขอร้องให้ซาอุฯ เพิ่มการผลิตน้ำมันเพื่อทำให้ราคาน้ำมันโลก (และที่สหรัฐฯ ลดลงมาเป็นการลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และทั่วโลก)...ปรากฏหลังไบเดนเดินทางกลับบ้าน ทางซาอุฯ ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมทั้งกลุ่มโอเปกก็ประกาศลดการผลิตน้ำมันด้วย โดยไม่แยแสต่อการขอร้องของไบเดนแต่ประการใด

อีกเรื่องก็คือ กบฏฮูตีของเยเมนได้ยิงโดรนเข้าใส่บริษัทน้ำมันอารามโกของซาอุฯ และพุ่งตรงไปเกิดไฟไหม้ใกล้พระราชวังที่ริยาดด้วย...ปรากฏทางสหรัฐฯ ดูจะเพิกเฉยต่อการเข้าช่วยซาอุฯ และถอนความช่วยเหลือซาอุฯ ในสงครามเยเมนทั้งหมด

ขณะที่จีนได้เพิ่มการสัมพันธ์ทั้งกับกลุ่มตอลิบาน และปธน.สี ได้เดินทางไปซาอุฯ พร้อมการต้อนรับอย่างเลอเลิศ (เมื่อเทียบกับการต้อนรับไบเดน)

ประเทศจีนเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมหาศาล เป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่งของโลก เพราะจีนเป็นประเทศผู้ผลิตอุตสาหกรรมใหญ่ของโลก (โรงงานของโลก) ซึ่งต้องพึ่งพิงทั้งน้ำมันและแก๊สเป็นเชื้อเพลิงสำคัญ…ซึ่งปธน.สี ได้ตกลงซื้อน้ำมันซาอุฯ โดยใช้เงินหยวนของจีนก็ได้ (โดยไม่ต้องใช้ดอลลาร์)

ขณะที่จีนแอบซื้อน้ำมันจากอิหร่านมาตลอด (รวมทั้งจีนก็ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แม้สหรัฐฯ จะประกาศคว่ำบาตรไม่ให้พันธมิตรสหรัฐฯ ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย)

กลุ่มความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่เริ่มต้นโดยจีน ขณะนี้ได้ขยายเป็น SCO++ซึ่งมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมมากมาย เพื่อสลายขั้วอำนาจเดียวของโลก ที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำ

เช่นเดียวกับกลุ่ม BRICS ก็มีเครื่องหมายบวก โดยพ่วงด้วยหลายประเทศที่จ่อคิวจะเข้าร่วม

ทั้งสองกลุ่มนี้มีประเทศที่ไม่เป็นมิตรกันก็เข้าร่วมเช่น อินเดีย และปากีสถาน ก็อยู่ใน SCO

ดังนั้น ความสำเร็จที่มุขมนตรีดูแลงานต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือ อดีตรมต.ต่างประเทศหวัง อี้ ได้ประกาศความสำเร็จที่จีนเป็นกาวใจที่ทำให้ประเทศคู่อริในตะวันออกกลางคือ ซาอุฯ และอิหร่านสามารถทำข้อตกลงจะเปิดสัมพันธ์โดยตั้งสถานทูตในแต่ละประเทศ

ทั้งๆ ที่ทั้งสองประเทศมีความแตกต่างทางนิกายศาสนา และขาดสะบั้นความสัมพันธ์มาเป็นเวลายาวนานตั้งแต่ 1979 ที่เกิดปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน และสหรัฐฯ พยายามยุยงให้ซาอุฯ และประเทศอาหรับ ตัดความสัมพันธ์กับอิหร่าน โดยกล่าวหาอิหร่านว่าเป็นประเทศนิยมความรุนแรง

แม้สมัยโอบามาได้พยายามหว่านล้อมเพื่อทำสัญญา JCPOA กับอิหร่านเมื่อปี 2015 เพื่อเลิกปิดล้อมอิหร่านจากการคว่ำบาตรไม่ให้อิหร่านส่งน้ำมันออกมาขาย โดยแลกกับอิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

แต่ทรัมป์ได้ฉีกสัญญา JCPOA ทิ้ง; มิหนำซ้ำลูกเขยทรัมป์คือ จาเร็ด คุชเนอร์ ได้จัดทำข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accord) โดยร่วมมือกับอิสราเอล เพื่อตั้งป้อมให้ประเทศอาหรับเข้ามาเป็นพันธมิตรกับอิสราเอล และโดดเดี่ยวอิหร่าน

ด้วยแผนอันแยบยลของจีนที่ได้โอกาสที่สหรัฐฯ กำลังลดน้ำหนักในตะวันออกกลาง (เพื่อมาทุ่มกับสงครามตัวแทนที่ยูเครนและการปิดล้อมจีนอย่างหนัก)

จีนจึงสามารถเล่นบทใหญ่เป็นมหาอำนาจที่ใฝ่สันติภาพ และกำลังสานสันติภาพในคู่อริให้ทั้งโลกเห็น

หรือรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้จะเป็นของหวัง อี้??

ขณะเดียวกัน การสร้างสันติภาพครั้งนี้กำลังเกิดขึ้นในท่ามกลางความแตกแยกอย่างหนักในสหรัฐฯ ระหว่างเดโมเครตและรีพับลิกัน รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังได้รับผลพวงจากการไร้เสถียรภาพของสถาบันการเงินถึง 2-3 แห่งในสหรัฐฯ ขณะนี้

ขณะที่จีนเพิ่งได้ผู้นำ (วาระที่ 3 ของสี) หลังประกาศครม.ชุดใหม่ ที่พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากปิดประเทศมา 3 ปี

และในอาทิตย์นี้ ปธน.สี มีไปมอสโก ซึ่งอาจมีการเริ่มต้นขบวนการสันติภาพในยูเครนระหว่างปูตินกับผู้นำยูเครน หลังจากก่อนนั้นจีนกำหนดการเดินทางได้เสนอแผนสันติภาพถึง 12 ข้อ ซึ่งแม้จะไม่สามารถสงบศึกได้ทั้งหมด แต่ก็อาจกรุยทางไปสู่สันติภาพในอนาคตไม่ไกลจากนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น