อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร อุ้มท้องหาเสียงไปทั่วประเทศ เธอกำหนดคลอดในเดือนพฤษภาคมที่มาถึงซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่กำหนดการเลือกตั้งซึ่งขีดไว้คร่าวๆ ว่าจะเป็นวันที่ 7 พฤษภาคม ไม่รู้ว่าเป้าหมายที่ต้องการระหว่างสืบสายเลือดตระกูลชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีกับเป้าหมายชัยชนะเพื่อเปิดพื้นที่ให้พ่อได้กลับบ้านนั้น อะไรที่เธอต้องการมากกว่ากัน
ทักษิณนั้นประกาศชัดแล้วว่าจะกลับบ้านแน่ในปีนี้ จะเป็นคำพูดที่เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน เพราะจริงๆ เขาบอกว่าจะกลับมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นความจริงมาตลอด
ทักษิณกล่าวผ่านรายการทางคลับเฮาส์เมื่อช่วงเดือนมกราคมปีนี้ว่า “ยังไงก็จะกลับอยู่เมืองนอกมานานแล้ว...กลับไปโดยไม่อาศัยพรรคไหน...ไม่มีเกี้ยเซียะกับพลังประชารัฐแน่นอน” และบอกด้วยว่า “ไม่ต้องกังวลเพราะจะไม่มีการออกกฎหมายใดๆ”
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ไม่มีใครห้ามทักษิณกลับประเทศไม่มีใครไล่ทักษิณหรือเนรเทศทักษิณไปอยู่ต่างประเทศ แต่เพราะเขาหนีคดีทุจริตไปเอง
คนที่เคยไปพบกับทักษิณที่ดูไบบอกว่า ทางกลับบ้านของทักษิณคือ การกลับเข้ามาติดคุกแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ แน่นอนว่า ก่อนจะไปถึงเงื่อนไขนั้นสิ่งที่ทักษิณต้องการก็คือ อำนาจรัฐ และต้องมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ทักษิณมั่นใจได้ว่า จะทุ่มกายถวายใจให้มีหลายคนชี้เป้าไปที่นายชัยเกษม นิติสิริ
ชัยเกษมในขณะดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐฟ้องร้องทักษิณ และยังเป็นหนึ่งในฐานะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ร่วมทำคำวินิจฉัยเรื่องเสร็จที่ 568-569/2549 เกี่ยวกับโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว รวมทั้งสั่งไม่ฟ้องการทุจริตในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อมาเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
แต่ถามว่าโอกาสในการได้อำนาจรัฐของทักษิณนั้นง่ายไหม ต้องตอบว่าไม่ง่าย เพราะจะเป็นรัฐบาลได้ทักษิณต้องมีเสียงอยู่ในมือถึง 376 เสียง แม้ใครต่อใครเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับ 1 แบบแบเบอร์ แต่ก็เชื่อกันว่ายังไม่ถึงเป้าหมายแลนด์สไลด์อย่างที่คาดหมาย แลนด์สไลด์ที่คาดหวังว่าจะได้ ส.ส.ถล่มทลายเกิน 250 คน อย่างเก่งพรรคเพื่อไทยก็น่าจะมีเสียงที่ 200 บวกลบ และต่อให้รวมกับพรรคแนวร่วมในฝ่ายเดียวกันก็ยังไม่ถึง 376 เสียง
และต้องไม่ลืมว่าทางเดียวที่ทักษิณจะกลับมามีอิสรภาพก็คือการขอพระราชทานอภัยโทษ เชื่อว่า ทักษิณจะไม่ดึงพรรคก้าวไกลที่ท้าทายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาร่วมรัฐบาล ดังนั้นการจะได้อำนาจรัฐมาจึงเป็นไปได้สูงมากที่ต้องพึ่งพาพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันที่มีฐานเสียงของ ส.ว.ในมือส่วนหนึ่ง ซึ่งพรรคนั้นก็คือ พรรคพลังประชารัฐของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงพรรคที่เปิดใจแล้วว่าพร้อมร่วมกับทุกขั้วอย่างพรรคภูมิใจไทย
ถ้าพล.อ.ประวิตรไม่ตกม้าตายคือได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน อำนาจการต่อรองก็ต้องอยู่ในมือของพล.อ.ประวิตรว่าจะยอมมอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้เขาเพื่อเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ไหม แม้ทักษิณเคยบอกว่าจะไม่เกี้ยเซียะกับพรรคพลังประชารัฐ แต่เชื่อว่า คำพูดทางการเมืองนั้นพลิกผันไปได้ตามสถานการณ์ เมื่อสถานการณ์หลังเลือกตั้งไม่เป็นใจยังไงทักษิณก็ไม่มีทางเลือกไปมากกว่านี้ แล้วตอนนั้นอุ๊งอิ๊งก็คลอดลูกพอดีจะเอาเวลาที่ไหนมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ขนาดจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ก็ยังต้องลาออกหลังจากคลอดลูก
ทักษิณเคยกลับมาประเทศไทยครั้งหนึ่งแล้วก้มลงกราบแผ่นดินเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 หลายคนยังคงจะยังไม่ลืมภาพแห่งความทรงจำนั้น ครั้งนั้นทักษิณจากเมืองไทยไปเพียง 1 ปี 5 เดือนหลังถูกรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 วันนั้นทักษิณพูดว่า
“…วันนี้ผมขออาศัยเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งเพราะต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยผมไประเหเร่ร่อนมาทั่วโลกขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความอบอุ่นแก่ผมและครอบครัวเท่ากับแผ่นดินไทย เพราะฉะนั้นผมจะขอกลับมาอาศัยอยู่อย่างมีความสุขอย่างมีความอบอุ่นและขอตายในผืนแผ่นดินไทยนี้…”
แต่ก่อนที่ศาลจะพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ ทักษิณและพจมานได้ขออนุญาตศาลฎีกาฯ เดินทางออกนอกประเทศ โดยให้เหตุผลเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประเทศจีนและญี่ปุ่นและเดินทางไปดูโอลิมปิกที่จีนในปี 2551 แล้วก็ไม่เดินทางกลับมาอีกเลย ส่วนพจมานเดินทางกลับมาเมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง จากนั้นทักษิณก็ถูกศาลจำคุกในคดีต่างๆ อีกรวม 12 ปี ถึงตอนนี้ก็ยังมีคดีที่ ป.ป.ช.ยังไต่สวนอยู่อีก 2 คดี
ทักษิณไปใช้ชีวิตเร่ร่อนในต่างประเทศมาแล้ว 15 ปี คงต้องดูว่าทักษิณจะกลับมากราบแผ่นดินอีกครั้งไหม แล้วยิ่งลักษณ์ที่หลบหนีไปอีกคนจะกลับมาด้วยไหม
แต่วันนี้เราคงต้องยอมรับว่าเวลานี้กระแสของพรรคเพื่อไทยนั้นแรงมาก มีโอกาสสูงมากกว่าพรรคการเมืองไหนๆ ที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยที่ทำให้พรรคเพื่อไทยมาแรงเพราะคนเริ่มโหยหาทักษิณก็มาจากการอยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นเอง เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มเบื่อกับการอยู่ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์
แม้ว่าขณะนี้สังคมไทยจะแบ่งเป็นขั้วการเมืองอย่างชัดเจน คนต่างขั้วต่างไม่เปลี่ยนใจที่จะเลือกพรรคการเมืองในฝั่งตัวเอง แต่คนที่น่าจะพลานุภาพมากและเป็นเสียงตัดสินใจชี้ขาดคือ คนกลางๆ ทางการเมืองที่ไม่อยู่ในขั้วการเมืองไหนซึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้เสียงที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงนั้นดังมาก
หากถามว่าไม่มีความเป็นไปได้เลยหรือที่อุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบสายเลือดชินวัตร เพราะเธอมีกระแสนิยมสูงมากในเกือบทุกภาค แม้กระทั่งภาคใต้เธอก็ยังมาเป็นอันดับสองรองจากพล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องบอกว่าทางที่เป็นไปได้คือ เพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์และรวบรวมเสียงในฝ่ายเดียวกันให้ได้ 376 เสียงโดยไม่พึ่งพาเสียงของ ส.ว.หรือพึ่งหาเสียงของ ส.ว.ข้างน้อยที่ประกาศว่าฝ่ายไหนรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกิน 250 คนจะยกมือให้ฝ่ายนั้น ซึ่งเมื่อมองจากความเป็นจริงโอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นแทบจะไม่มีเลย
และถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 แล้วยอมเปิดทางให้กับพล.อ.ประวิตรจริงๆ สิ่งที่เขาจะต้องร้องขอคือ การหาทางให้เขากลับบ้านเพื่อแลกกับเสถียรภาพในรัฐบาลเพราะพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดและมีอำนาจต่อรองมากที่สุด หากสถานการณ์เป็นไปตามที่คาดและมั่นใจว่ากลับมาแล้วปลอดภัยแม้จะต้องเข้าคุกก่อนก็เชื่อว่าทักษิณจะกลับมาแน่ ส่วนอุ๊งอิ๊งนั้นยังมีโอกาสข้างหน้ารออยู่หลังจากนั้นเพราะอายุยังน้อย
แต่ถามว่าทักษิณกลับมาแล้วจะใช้ชีวิตออกห่างจากการเมืองหรือไม่นั้น หลายคนไม่เชื่อแม้ว่าเขาจะบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองก็ตาม เพราะนั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของทักษิณ แต่ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จทักษิณก็คงต้องจบชีวิตในต่างแดน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan