สมการการเมือง
ธรรมชาติปลายเทอมรัฐบาล ต่อมเกรงใจลดลงเป็นธรรมดา ตามคิวที่พักนี้พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ หันมารบกันเอง
ไม่ได้เป็นความขัดแย้งภายใน แต่เป็นการแย่งลูกค้าอย่างประชาชนในสนามเลือกตั้ง ในจังหวะที่นับถอยหลังรัฐบาล ไม่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 30 กันยายนนี้หรือไม่ หรือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะขยับขึ้นมาเป็นผู้นำถาวร รูปการณ์ก็ต้องเป็นแบบนี้
นับนิ้วตั้งแต่วันนี้ถ้ารัฐบาลเลื้อยไปเต็มเทอมในเดือนมีนาคม 2566 ก็เหลือเวลาอีก 5-6 เดือน กรรมการจะเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน ถือว่าเหลือเวลาไม่มาก ต้องรีบโกยแต้มกันตั้งแต่บัดนี้
และในอารมณ์ที่พรรคการเมือง ไม่ว่าจะพรรคไหนต่อให้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือพรรคร่วมฝ่ายค้าน เมื่ออยู่ในสนามเลือกตั้งทุกพรรคคือคู่แข่ง ใส่เต็ม ไม่มีไมตรีจิตต่อกัน
แม้แต่พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล พันธมิตรฝ่ายค้านในสภา ฐานคะแนนเป็นฐานเดียวกัน อย่างไรก็ต้องเปิดศึกแย่งลูกค้า ประดาบกันในสนามเลือกตั้งเหมือนกัน
เพียงแต่ตอนนี้ในพรรคร่วมรัฐบาลดูจะเล่นกันแรงกว่า 3 พรรคใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่กลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน เบิ้ลบลัฟกันไม่มีผ่อน
อย่างเมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี “บิ๊กป้อม” เป็นประธาน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ อาสาเป็นตัวเปิด จวกนโยบายไม่เก็บดอกเบี้ยผู้กู้ยืมในกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่าเป็นการจงใจหาเสียง
จากนั้นพรรคพวกในองคาพยพ สาวหมัดตามไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แสดงความคิดเห็นกันแรงๆ เป็นนโยบายที่ส่งเสริมให้ประชาชนเบี้ยวหนี้
นอกจากนี้ ยังมี “เสี่ยไก่” จุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยี่ห้อพรรคประชาธิปัตย์ แต่ใจรักลุงตู่ ผสมโรงเป็นโครงการทำให้คนไร้วินัย ฉายภาพกันเวอร์ๆ เลยว่า อาจทำให้ประเทศล่มสลายได้
ขณะที่รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย โต้โผนโยบายประชานิยม นิ่งกริบ ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค และ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค
อุณหภูมิในห้องเดือด ถึงขนาด “บิ๊กป้อม” ต้องเรียกหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเข้าห้องรับรอง เคลียร์กันให้จบว่าจะโหวตอย่างไร เพราะวันรุ่งขึ้นต้องยกมือกันแล้ว
แต่พรรคภูมิใจไทยเหมือนจะรู้ทัน “เสี่ยหนู” ไม่เข้า เพราะต้องรีบออกไปเป่าเทียนวันเกิด ในงานแฮปปี้เบิร์ธเดย์ 56 ปี ที่ตึกบัญชาการ 1 เหมือนไม่อยากจะเคลียร์จะคุย และมีแผนไว้แล้ว
เพราะวันรุ่งขึ้นที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา โดยไม่เก็บดอกเบี้ย ตามนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยไปหาเสียงไว้ โดยมีพรรคเพื่อไทย โผล่มาเซอร์ไพร์สยกมือให้หน้าตาเฉย ต่างจากพรรคร่วมรัฐบาล
คิวขบเหลี่ยมของพรรคร่วมรัฐบาล ยังลามไปถึง ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของพรรคภูมิใจไทย ที่อยู่ๆ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยยกมือให้ในวาระแรก ออกมาประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้
สองช็อตติดๆ มันก็ชัดว่า รายการนี้มันเป็นคิวสกัดดาวรุ่ง พรรคภูมิใจไทยที่ต้องยอมรับว่า ช่วงนี้อยู่ในสถานะขึ้นหม้อ ทำอะไรหล่อไปหมด
ผลงานเป็นเนื้อเป็นหนังมากกว่า 2 พรรคร่วมรัฐบาล อาศัยจังหวะที่สองพรรคร่วมรัฐบาลเจอปัญหาภายในเล่นงาน ลงพื้นที่ เข็นนโยบายโกยแต้มนำห่างไปเยอะ เข็นได้ทั้งการปลดล็อกกัญชา และล่าสุดไม่เก็บดอกเบี้ย กยศ.
นโยบายเด่นๆ ดังๆ เป็นโครงการของพรรคภูมิใจไทยหมด มันก็เลยต้องเบรกกันบ้าง
อย่างพื้นที่ภาคใต้ที่ 3 พรรคร่วมรัฐบาล แย่งลูกค้ากัน ต้องยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยมาแรงแซงโค้งจนเป็นตัวเต็งที่จะล้มได้ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ
มีนโยบายไปขายลูกค้าไม่พอ ช่วงที่ผ่านมา 3 ปีกว่ายังตุนกระสุนเอาไว้มหาศาล พละกำลังมีมากกว่าตอนเลือกตั้งปี 2562 เสียอีก
มันเลยปล่อยให้โชว์ออฟอย่างเดียวไม่ได้
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเอง จากเดิมก็หวังจะเป็นตัวแปร หรือพรรคอันดับ 3 เพราะต้องการรักษาสถานะไปได้ทั้งสองขั้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรืออีกขั้วหนึ่ง แต่ตอนนี้ในจังหวะที่ “บิ๊กตู่” ร่อแร่ และสถานการณ์ 3 ป. อยู่ในช่วงขาลง นับถอยหลัง เก็บฉากกลับบ้าน เก้าอี้นายกรัฐมนตรีในฝันของ “เสี่ยหนู” มันชักเข้าใกล้ขึ้นมาทุกที
พรรคเพื่อไทยที่ประกาศจะแลนด์สไลด์เป็นแค่ชื่อแคมเปญ โอกาสเกิดขึ้นอีกทำได้ยาก ภาคอีสานน่าจะโดนพรรคภูมิใจไทยเจาะได้หลายพื้นที่
ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง พรรคภูมิใจไทย ก็กวาดต้อนบรรดาบ้านใหญ่เข้าพรรค ตักคะแนนแบบช้อนเป็นพวงใหญ่ๆ มา
ขณะที่พื้นที่ภาคใต้ รอบนี้หวังมากกว่าเดิม เพราะกระแสพอดี และกระสุนเต็มโกดัง หากต้องเป็นพรรคอันดับสองรองจากพรรคเพื่อไทย โอกาสที่ “เสี่ยหนู” จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ มีมากขึ้น
เพราะอย่างไร ส.ว.ก็ไม่ยกมือโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ได้รับความไว้วางใจจากขั้วนี้มากกว่า
ถ้าเป็นแบบนี้ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย มีสิทธิ์เป็นชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล สูงมาก
คนมันกำลังรุ่ง ก็ต้องเจอสกัดกันเสียหน่อย เป็นธรรมดา!