สหรัฐอเมริกาชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าอิทธิพล และบารมีของตัวเองต่อประชาคมโลกนั้นนับวันมีแต่จะเสื่อมถอย ความน่าเชื่อถือลดลง อำนาจทางการทหารและเศรษฐกิจกำลังถูกท้าทายอย่างแรง โดยเฉพาะจากจีน
ผู้นำทำเนียบขาว โจ ไบเดน แทบไม่มีราคาศักดิ์ศรีและบารมีเหลือ ในสายตาของพันธมิตรในยุโรป เพียงแต่ว่าประเทศเหล่านั้นยังเกรงใจที่จะบอกตรงๆ แต่ท่าทีเริ่มแสดงออกว่าจะหวังพึ่งสหรัฐฯ เต็มที่คงไม่ได้อีกแล้ว ทั้งดูยำเกรงอาวุธรัสเซียอีกด้วย
โจ ไบเดน มีความนิยมตกต่ำ ผลสำรวจล่าสุดคนอเมริกันชื่นชอบผลงานของผู้นำ 36% ทั้งที่ดำรงตำแหน่งไม่ถึง 2 ปี การเลือกตั้งครึ่งเทอมในเดือนพฤศจิกายนส่อเค้าว่าพรรคเดโมแครตจะเสียเสียงข้างมากทั้งสภาครองเกรสและวุฒิสภา
แม้กระทั่งย่านอเมริกาใต้ลงไปถึงละตินอเมริกาอิทธิพลของสหรัฐฯ เริ่มเสื่อมถอยหนัก หลายประเทศได้มีผู้นำการเมืองนิยมฝ่ายซ้ายซึ่งหมายความว่าหลังบ้านของสหรัฐฯ มีสภาวะแปลกปลอมเพิ่มมากขึ้น คุมไม่ได้เหมือนแต่ก่อน
สหรัฐฯ มุ่งขยายอำนาจและอิทธิพลเกินไปโดยเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า “อะไรที่ดีสำหรับอเมริกาก็จะต้องดีสำหรับประเทศอื่นด้วย” ซึ่งระบบการเมืองประชาธิปไตยเสรีนิยมได้รับการพิสูจน์ว่าไม่ได้เป็นหลักการที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับทุกประเทศ
ในย่านละตินอเมริกาสหรัฐฯ ก็เริ่มออกอาการอ่อนล้าด้านการค้าและการลงทุนเพราะไปมุ่งขยายอิทธิพลด้านการทหารมากเกินไป ไปยุ่งทำสงครามกับประเทศอื่นๆใช้แต่อำนาจไม่สร้างพระคุณ ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับประเทศที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้
อิรัก ลิเบีย ซีเรีย เป็นตัวอย่างที่ไม่ยอมลงให้กับสหรัฐฯ จึงต้องถูกทำลายด้วยสงครามและความไม่สงบยืดเยื้อต่อเนื่อง จนบ้านเมืองแทบล่มสลาย
ปรากฏการณ์ความเสื่อมถอยในย่านละตินอเมริกาเห็นได้ชัดเมื่อสหรัฐฯ จัดประชุมสุดยอดในกลุ่มประเทศทวีปอเมริกาแต่สั่งห้าม 3 ประเทศคือ เวเนซุเอลา นิการากัว และคิวบา เข้าร่วมประชุมเพราะเป็นประเทศที่มีการบริหารโดยฝ่ายซ้าย
ความลำพองอำนาจห้ามประเทศที่ตัวเองไม่ชอบเข้าร่วมประชุม ส่งผลให้ประเทศทั่วทั้งอเมริกาใต้และละตินอเมริกาแข็งข้อ มีผู้นำไม่กี่ประเทศเข้าร่วมประชุม ที่เหลือส่งเจ้าหน้าที่ หรือรัฐมนตรี โดยเห็นว่าไม่แฟร์กับ 3 ประเทศที่ถูกสั่งห้าม
ผลที่ตามมาก็คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือเสริมบารมีของสหรัฐฯ และผู้นำโจ ไบเดน นับว่าเป็นการเสียหน้าอย่างมาก ทั้งไม่มีอะไรเป็นแผนชัดเจน
ในช่วง 2 ทศวรรษ จีนขยายอิทธิพลในย่านละตินอเมริกาโดยได้ลงทุนถึง 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ใน 20 ประเทศ ในปี 2021 จีนมียอดการค้ากับละตินอเมริกาถึง 4 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การค้าของสหรัฐฯ ในย่านนั้นมีเพียง 2.95 แสนล้านดอลลาร์
ย่านละตินอเมริกามี 31 ประเทศ จีนได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ มากถึง 25 ประเทศ โดยเป็นโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งเท่ากับเป็นการขยายอิทธิพลในพื้นที่หลังบ้านของสหรัฐฯ
ความขี้เหนียวของสหรัฐฯ ในด้านการพัฒนาหรือช่วยเหลือประเทศต่างๆ มี น้อยกว่าจีน ในสงครามยูเครน โจ ไบเดน ประกาศให้ความช่วยเหลือก้อนใหญ่มากถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินส่วนใหญ่ไปเข้ากระเป๋าของบริษัทผู้ผลิตอาวุธเพื่อการทหาร
ในการประชุมสุดยอดของกลุ่มประเทศในย่านละตินอเมริกา โจ ไบเดนประกาศให้การช่วยเหลือเป็นเงินเพียง 617 ล้านดอลลาร์ เฉลี่ยแล้วได้ประเทศละประมาณ 20 ดอลลาร์ นับว่าเทียบไม่ได้กับการทุ่มเทเพื่อสงครามและการทหาร
ความพยายามของสหรัฐฯ ในการขยายอิทธิพลในย่านอาเซียนซึ่งมี 10 ประเทศนั้น สหรัฐฯ ได้เจียดเงินเพียงแค่ 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบกันไม่ได้กับจีนซึ่งได้ให้มากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ เมื่อนับถึงเดือนพฤศจิกายน 2021
ในย่านตะวันออกกลางอิทธิพลของสหรัฐฯ เริ่มถดถอย การเปลี่ยนตัวผู้นำทำเนียบขาวส่งผลให้เปลี่ยนนโยบายและท่าทีต่อกลุ่มประเทศต่างๆ ในกรณีที่สร้างความขายหน้าให้กับโจ ไบเดนก็คือการโทรศัพท์ไปหาผู้นำซาอุดีอาระเบีย แต่มกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด บิน ซัลมานไม่ยอมรับสายเพราะไม่พอใจที่ผู้นำทำเนียบขาวได้พูดจาเชิงหมิ่นแคลนก่อนหน้านี้
โจ ไบเดนประกาศจะไปเยือนซาอุดีอาระเบียช่วงกลางเดือนกรกฎาคม แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะได้มีโอกาสพบกับผู้นำประเทศใดบ้าง ทั้งอิสราเอลก็เปลี่ยนผู้นำประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งที่ 5 ในรอบ 3 ปี
สหรัฐฯ พยายามหวนคืนสู่ข้อตกลงด้านการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่านยังไม่สำเร็จ เกิดสภาวะตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน รวมถึงในพื้นที่ปาเลสไตน์ ที่ราบสูงโกลัน ความไม่สงบในเลบานอนเพราะปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง
โอกาสที่ยูเครนจะชนะสงครามกับรัสเซียยิ่งห่างไกล ทำให้กลุ่มพันธมิตรนาโตในยุโรปเริ่มออกอาการถอดใจ มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียส่งผลกระทบอย่างแรงต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน มีปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูง รวมถึงการขาดแคลนพลังงานเพราะรัสเซียลดการส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติให้
ความพยายามที่จะปกป้องไต้หวันจากการรุกรานของจีนก็ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือเมื่อจีนแสดงท่าทีแข็งกร้าว ไม่หวั่นอิทธิพลและแสนยานุภาพของสหรัฐฯ พญาอินทรีจะถูกมองว่าเป็นเสือกระดาษไม่สามารถคุกคามชาติมหาอำนาจอื่นอีก
โจ ไบเดนได้นำสหรัฐฯ เข้าสู่สภาวะตกต่ำมีปัญหาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โอกาสที่จะอยู่รอดเป็นผู้นำสมัยที่ 2 ดูขณะนี้แล้วแทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งถ้าไม่ชนะสงครามยูเครนความเป็นผู้นำโลกเสรีก็คงจะไม่เหลือ