xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะของรัสเซียไม่ใช่เข้าครองเคียฟ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


วลาดิมีร์ ปูติน
แม้แต่ในช่วงอีสเตอร์ (ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของคริสต์ศาสนิกชน-วันเริ่มต้นชีวิตใหม่-เป็นการเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิในเขตภูมิอากาศอบอุ่น โดยเป็นวันเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์ หลังจากถูกตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์) ก็มิวายยิงต่อสู้กันอย่างยิบตาในสงครามยูเครน

เริ่มจากทางยูเครนออกมารับความชอบกับการส่งขีปนาวุธไปทำลายเรือธงสำคัญของรัสเซียชื่อ มอสควา จนเกิดไฟไหม้เรือ ซึ่งทางรัสเซียก็ออกมาชี้แจงว่า เป็นไฟไหม้เฉยๆ ไม่ได้มีสาเหตุจากโดนยิงด้วยขีปนาวุธ เพราะการโดนขีปนาวุธร้ายแรงจากยูเครน เรือพิฆาตยักษ์ของรัสเซียลำนี้ต้องพังพินาศระดับหักเป็นสองท่อนกลางลำแล้ว...

แต่กองทัพรัสเซียได้มีการระดมยิงขีปนาวุธและยิงระเบิดเข้าถล่มเกือบ 1,500 เป้าหมายทั่วทั้งยูเครน...โดยไปหนักเอาบริเวณใกล้ๆ เมืองหลวงเคียฟ...ทั้งๆ ที่ได้ประกาศตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมว่า ได้ประสบผลสำเร็จในขั้นตอนแรกของปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนแล้ว...และจะเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนที่สองคือ กองทัพรัสเซียจะมุ่งโจมตีเขตดอนบาสส์ และเขตเมืองสำคัญเป็นเมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนคือเมืองมาริอูโปล และโอเดสซา

ฝ่ายอดีตแม่ทัพนายกองฝ่ายตะวันตกได้ออกมาฟันธงว่า รัสเซียกำลังกู้หน้าจากการเสียหน้าอย่างมาก ที่ถูกลูบคมโดยยูเครนที่ยิงขีปนาวุธเข้าโจมตีเรือรบมอสควา

วิธีกู้หน้าของรัสเซีย คือรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธเข้าใส่เป้าหมายทางทหารของยูเครนทั่วประเทศ รวมทั้งในบริเวณเมืองหลวงเคียฟ ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ (ซึ่งรัสเซียได้ออกประกาศว่าได้ถอนกำลังออกจากเขตเคียฟแล้ว)

ขนาดโป๊ปออกมาสวดมนต์อวยพรช่วงอีสเตอร์ขอให้หยุดรบกันช่วงอีสเตอร์ ก็ดูเหมือนทั้งฝ่ายรัสเซียและฝ่ายยูเครนจะไม่ได้ยินคำอ้อนวอนนี้

รวมทั้งเลขาธิการยูเอ็น ขอให้หยุดยิง 4 วันในสัปดาห์อีสเตอร์ (ซึ่งทั้งรัสเซียและยูเครนจะฉลองอีสเตอร์หลังจากการฉลองของตะวันตก 4 วัน) ก็ไม่เป็นผลใดๆ

และปูตินเองก็ออกมาประกาศช่วงนี้ด้วยว่า การเจรจาสันติภาพได้มาถึงทางตันแล้ว หลังจากฝ่ายตะวันตกได้ยกเอาภาพพลเรือนยูเครนที่เมืองบูชาถูกฆ่าหมู่ และนำเรื่องเข้าสมัชชาใหญ่ยูเอ็นให้ขับรัสเซียออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน

ทั้งปูตินและรมต.ต่างประเทศลาฟรอฟ ได้ย้ำว่ามีบางประเทศ (หมายถึงสหรัฐฯ) ไม่อยากให้การเจรจาสันติภาพเดินหน้าต่อ จึงพยายามทำลายการเจรจาโดยยกเรื่องบูชา (ที่รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ...แต่เป็นการจัดฉากของยูเครน เพราะกองกำลังรัสเซียได้ถอนออกจากบูชาตั้งแต่ 30 มี.ค. และช่วงนั้น-นายกเทศมนตรีเมืองบูชา ก็ได้ออกมาแถลงว่า กองทัพรัสเซียถอนออกไปหมดแล้ว...รัสเซียตั้งข้อสังเกตว่า นายกเทศมนตรีไม่ได้พูดถึงสภาพมีศพพลเรือนถูกยิงมือไพล่หลังเกลื่อนถนน... แต่ทำไมมาพบศพใหม่ๆ บนท้องถนน หลังจากกองทัพรัสเซียถอนออกหมดไปแล้วตั้ง 4-5 วัน?)

ทั้งปูตินและลาฟรอฟอธิบายว่า บางประเทศ (หมายถึงสหรัฐฯ และนาโต) ต้องการให้มีการสู้รบต่อไปอีก (สหรัฐฯ ส่งอาวุธพร้อมความช่วยเหลือยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนอีก 800 ล้านเหรียญ) เพื่อซื้อเวลา...เพื่อทำให้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย จะได้ออกผล...ทำลายเศรษฐกิจรัสเซียให้เสียหาย... และน่าจะหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคณะบริหารจากปูตินหรืออาจมีการลุกฮือโดยประชาชนรัสเซีย หรือการรัฐประหารโดยนายพลรัสเซีย ก็เป็นไปได้

ในการประชุมผ่านวิดีโอลิงก์ระหว่างปูตินและเจ้าหน้าที่เศรษฐกิจระดับสูงของรัสเซีย (ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์) เมื่อ 19 เม.ย.นี้เอง ปูตินได้เน้นว่า การคว่ำบาตรอย่างรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่ตะวันตกทำกับรัสเซีย กลับส่งผลทำร้ายตะวันตกเอง เพราะทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงมากในประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้ว...สำหรับรัสเซียกลับทำให้เกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงเกือบ 6 หมื่นล้านเหรียญ เพราะขายดิบขายดีและยังได้เงินรูเบิลมาเข้ากระเป๋าสบายๆ รวมทั้งค่าเงินรูเบิลก็กลับไปแข็งกว่าระดับก่อนวันที่ 24 กุมภาฯ (ที่บุกยูเครน) ด้วยซ้ำ อยู่ที่ระดับ 79 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์; ซึ่งหลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรระบบ SWIFT กับรัสเซีย และคว่ำบาตรพลังงานจากรัสเซีย รูเบิลได้อ่อนลงไปถึง 130 รูเบิลต่อ 1 เหรียญ! เพราะได้ประกาศควบคุมเงินไหลออกทันทีและบังคับให้ลูกค้ามาซื้อสินค้า (จำเป็น) ของรัสเซียด้วยรูเบิลนั่นเอง

อีกประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะถึงวันประกาศชัยชนะของรัสเซียในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คือวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งปกติจะมีการฉลองใหญ่โตมากที่จัตุรัสแดงของมอสโก

ในปีนี้ นักวิเคราะห์ต่างจับตาว่า จะมีสวนสนามใหญ่แสดงพลังเข้มแข็งของกองทัพรัสเซียต่อหน้า ผบ.สูงสุดของรัสเซียหรือไม่ (ก็คือปธน.ปูติน)

นักวิเคราะห์สงครามที่มีตำแหน่งสำคัญในสถาบันสำคัญของสหรัฐฯ เช่น สถาบันไอเซนฮาวร์, สถาบันป้องกันประเทศนาโตที่โรมชื่อ Dr.Can Kasapoglu ได้เขียนไว้ในทวิตเตอร์ตั้งแต่ 8 เมษายนนี้ว่า ในวันที่ 9 พฤษภาคมวันแห่งชัยชนะของรัสเซียในปีนี้ ปธน.ปูตินคงจะประกาศชัยชนะจากการเข้าครอบครองดินแดนทางตะวันออกของยูเครน โดยสามารถยึดเมืองท่าสำคัญ (ทางออกทะเลดำของยูเครนที่ส่งออกข้าวสาลี, แร่ธาตุ, แม่ปุ๋ย ทำรายได้หลักเข้ายูเครน) คือ มาริอูโปล และสามารถยึดแคว้นดอนบาสส์ทั้งหมดได้ โดยจะเป็นระเบียงแถบยาวเชื่อมตั้งแต่ดอนบาสส์-กับคาบสมุทรไครเมีย-กับเมืองท่ามาริอูโปล และอาจเลยไปถึงเมืองท่าใหม่โอเดสซาของยูเครนด้วย

ซึ่งการยึดระเบียบทั้งแถบนี้ได้ทั้งหมดของรัสเซีย จะทำให้ประเทศยูเครนกลายเป็นประเทศไม่มีทางออกทางทะเล! ทั้งทะเลอาซอฟและทะเลดำ...จะนับเป็นชัยชนะของรัสเซียที่น่าจะสร้างความนิยมต่อปูตินให้เขาอยู่ในอำนาจได้อีกนาน...ซึ่งอาจต้องถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่งแบบ ปธน.สี จิ้นผิง ของจีน

ดังนั้น เป้าหมายซึ่งทางการบุกเข้ายูเครนนั้น ไม่ใช่เพื่อครอบครองเมืองเคียฟ หรือยึดครองทั้งประเทศยูเครน

แต่เป้าหมายอยู่ที่ภาคตะวันออก ซึ่งปูตินก็ได้ประกาศในการเริ่มปฏิบัติการทางทหารเมื่อ 24 กุมภาฯ ว่า เขาไม่ต้องการครอบครองยูเครน

และเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ศ.ดร.จอห์น เมียร์ไชเมอร์ (Dr.John Mearsheimer) แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ได้มาให้สัมภาษณ์ทางสื่อจีน CGTN เรื่อง Great Power Politics ซึ่งได้วิเคราะห์ว่า นาโตและสหรัฐฯ คือผู้ที่นำพาให้เกิดสงครามในยูเครนในครั้งนี้ เพราะรัสเซียจะทนไม่ได้และได้เตือนมาตลอด (ตั้งแต่ 2008 ที่รัฐบาลยูเครนในครั้งนั้นได้ขอสมัครเป็นสมาชิกของนาโต-แต่ถูกผู้นำเยอรมนี นางแมร์เคิล และผู้นำฝรั่งเศส ซาร์โคซี ได้ร่วมกันปฏิเสธไม่รับยูเครนเข้านาโต) โดยศ.เมียร์ไชเมอร์ ได้เปรียบเทียบสหรัฐฯ ยุค ปธน.เคนเนดี ไม่ยอมให้มีการติดตั้งขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ที่สหภาพโซเวียตได้ส่งมาติดตั้งที่คิวบา (The Cuban Missiles Crisis) ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่รัสเซียจะไม่ยอมให้ยูเครนมาเป็นหอกข้างแคร่เช่นกัน

แล้วพวกกองทัพรัสเซียจะรู้รายละเอียดพื้นที่ของยูเครนแบบทะลุปรุโปร่ง และสามารถยึดครองยูเครนได้หมด เพราะอดีต ปธน.วิกเตอร์ ยานูโควิช ของยูเครนที่สนิทกับเครมลิน และถูกรัฐประหาร (โค่นจากอำนาจโดยสหรัฐฯ หนุนหลัง) ในปี 2014 ก็มีข่าวว่า มีส่วนอำนวยการให้ข้อมูลต่างๆ ขณะนั่งรออยู่ที่เบลารุส ในขณะเริ่มต้นบุกยูเครนด้วยซ้ำ

แม้อดีตแม่ทัพนายกองตะวันตกจะวิเคราะห์ว่า กองทัพรัสเซียภายใต้รมต.กลาโหม เซอร์เก ชอยกู ได้ดำเนินการสงครามผิดพลาดที่ไม่สามารถยึดเมืองหลวงเคียฟได้ใน 24 ชม.แรก หรืออาทิตย์แรก แต่ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะกองทัพรัสเซีย ไม่มีแผนจะยึดเคียฟตั้งแต่ต้น เพราะเป้าหมายที่แท้จริงคือ การยึดภาคตะวันออก และปิดทางไม่เข้ายูเครนออกทะเลได้ต่างหาก


กำลังโหลดความคิดเห็น