รัสเซียลั่นปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ที่คาดว่าจะนำมาซึ่งพัฒนาการสำคัญ และเรียกร้องให้เคียฟวางอาวุธทันที ขณะที่เซเลนสกี ชี้มอสโกกำลังเริ่ม “ศึกดอนบาส” ซึ่งเป็นเฟสที่ 2 ของสงคราม ด้านขบวนการแบ่งแยกดินแดนโปรมอสโกเผยกำลังเตรียมบุกโรงงานเหล็กใหญ่ที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของยูเครนในมาริอูโปล หลังจากรัสเซียประกาศเส้นตายอีกครั้งให้ทหารยูเครนและนักรบรับจ้างต่างชาติในโรงงานดังกล่าวเลือกระหว่างยอมจำนนกับยอมตาย
เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีอินเดีย ทูเดย์ ทีวีเมื่อวันอังคาร (19 เม.ย.) ว่า รัสเซียได้เริ่มขั้นตอนใหม่ของปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ซึ่งเขาคาดว่า จะนำมาซึ่งพัฒนาการที่สำคัญมาก
วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกคำแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลยูเครนอธิบายเหตุผล และสั่งให้นักรบยุติการต่อต้านกองทัพรัสเซียทันที รวมทั้งเรียกร้องให้นักรบวางอาวุธโดยสมัครใจ
อย่างไรก็ดี คำแถลงดังกล่าวไม่ได้พาดพิงโดยตรงถึงปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหม่ทางด้านตะวันออกของยูเครน แต่เตือนว่า มอสโกมีหลักฐานตามเวลาจริงเกี่ยวกับอาชญากรรมใหม่ๆ ที่เคียฟกำลังเตรียมการอยู่
กองทัพรัสเซียสำทับว่า ทหารยูเครนและนักรบรับจ้างต่างชาติในโรงงานเหล็กอาซอฟสตัล ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของยูเครนในเมืองมาริอูโปล ตกอยู่ใน “หายนะ” และเสนอเส้นตายอีกครั้งให้นักรบเหล่านั้นยอมจำนนภายในเที่ยงวันอังคาร
ทั้งนี้ สมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียเผยว่า กองกำลังโปรมอสโกกำลังเตรียมบุกโรงงานอาซอฟสตัล ซึ่งเป็นโรงหลอมเหล็กใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป
ทางด้านสภาเมืองมาริอูโปลอ้างว่า มีพลเรือนอย่างน้อย 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ยังซ่อนอยู่ใต้โรงงานอาซอฟสตัล ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มอาคารมากมาย เตาสูงสำหรับถลุงเหล็ก และรางรถไฟ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน แถลงเมื่อคืนวันจันทร์ (18) ว่า กองทัพรัสเซียพยายามรุกฝ่าแนวต้านของยูเครนเกือบตลอดแนวรบในภาคตะวันออก และเริ่มต้น “ศึกดอนบาส” หรือเฟสที่ 2 ของสงครามยูเครนที่คาดการณ์กันมานาน
เซเลนสกี เสริมว่า กองกำลังขนาดใหญ่ของรัสเซียกำลังโฟกัสปฏิบัติการรบนี้ ก่อนสำทับว่า ไม่ว่ารัสเซียจะส่งทหารมามากเพียงใด ยูเครนจะต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง
ขณะที่แอนดริว เยอร์แม็ก หัวหน้าคณะทำงานของเซเลนสกี ยืนยันว่า กองทัพยูเครนแข็งแกร่งมากและสามารถต้านทานการรุกรานของรัสเซียได้
ทั้งนี้ หลังจากถอนกำลังจากเคียฟซึ่งมีการต่อต้านอย่างเข้มแข็งจากยูเครนในเดือนมีนาคม รัสเซียส่งทหารสู่ภาคตะวันออกของยูเครนและรวมพลครั้งใหม่เพื่อบุกภาคพื้นดินในเมืองโดเนตสก์และลูฮันสก์ในเขตดอนบาส อีกทั้งยังโจมตีระยะไกลต่อเป้าหมายอื่นๆ ทั่วยูเครนที่รวมถึงกรุงเคียฟ
เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า กองทัพรัสเซียต้องการควบคุมเบ็ดเสร็จในโดเนตสก์ ลูฮันสก์ และเคอร์สัน ควบคู่กับการระดมยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายทางด้านตะวันตกของยูเครน
สำนักงานประธานาธิบดียูเครนระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 8 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ 13 คนจากการโจมตีและการต่อสู้ในหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ในลูฮันสก์และโดเนตสก์ นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บ 17 คนจากกระสุนปืนใหญ่และขีปนาวุธที่ยิงจากเครื่องยิงหลายลำกล้องในแคว้นคาร์คีฟทางเหนือของดอนบาส
อย่างไรก็ตาม โอเล็กซี อเรสโตวิช ที่ปรึกษาของเซเลนสกี ยืนยันว่า ปฏิบัติการรบของมอสโกในภาคตะวันออกจะต้องประสบความล้มเหลว เนื่องจากมอสโกมีกำลังพลไม่พอรับการต้านทานของยูเครน
ชาติตะวันตกและยูเครนกล่าวหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย รุกรานยูเครนโดยปราศจากเหตุผล และทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของอเมริกาที่วิจารณ์การกระทำของมอสโกว่าเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” จะประชุมทางไกลกับพันธมิตรในวันอังคารเพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน ซึ่งรวมถึงการทำให้รัสเซียรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส บอกว่า การหารือระหว่างเขากับปูตินชะงักงัน หลังรายงานการสังหารหมู่ในยูเครน
รัสเซียปฏิเสธมาตั้งแต่ต้นว่า ไม่ได้ต้องการโจมตีพลเรือนยูเครน อีกทั้งอ้างว่า มีหลักฐานว่า ถูกยูเครนและฝ่ายตะวันตกช่วยกันจัดฉากเพื่อป้ายสีตนในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)