ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (13 เม.ย.) ตำหนิประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และผู้นำเยอรมนี ที่ปฏิเสธเรียกเหตุเข่นฆ่าชีวิตผู้คนในยูเครน เป็นการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ตามอย่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้คำนิยามดังกล่าวหนึ่งวันก่อนหน้านี้ คำพูดที่เรียกเสียงประณามจากรัสเซียว่าเป็นสิ่งที่ "ไม่อาจยอมรับได้"
"สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันเจ็บปวดมากสำหรับเรา ดังนั้น ผมจะทำอย่างดีที่สุดในการพูดคุยกับเราในประเด็นนี้อย่างแน่นอน" เซเลนสกี กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับบรรดาผู้นำโปแลนด์ และรัฐต่างๆ ในแถบบอลติก ที่เดินทางมาเยือนกรุงเคียฟ
พวกผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีในวันพุธ (13 เม.ย.) ปฏิเสธเดินตามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กล่าวหารัสเซียกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน พร้อมเตือนว่าสงครามน้ำลายที่ลุกลามบานปลายจะไม่ช่วยหยุดสงคราม
เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวหากองกำลังของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยูเครน โดยบอกว่า "มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าปูตินพยายามจะลบล้างแม้แต่แนวคิดเรื่องความเป็นคนยูเครน มีการค้นพบหลักฐานเพิ่มขึ้นจากสิ่งเลวร้ายที่กองทัพรัสเซียได้กระทำลงไป และเราจะให้นักกฎหมายในองค์กรระหว่างประเทศเป็นผู้ตัดสินว่ามันเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ แต่สำหรับตัวผมแล้ว มันดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"
เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้คำจำกัดความนี้นิยามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ France 2 ทาง เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งกำลังเร่งหาเสียงเลือกตั้งเพื่อหวังกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย กล่าวว่า บรรดาพวกผู้นำควรระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ภาษา
"ผมอยากพูดว่ารัสเซียคือผู้ปลดปล่อยฝ่ายเดียวของสงครามที่โหดเหี้ยมที่สุด ซึ่งตอนนี้เป็นที่ยอมรับแล้วว่าทหารรัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม และเวลานี้มีความจำเป็นต้องหาตัวพวกผู้รับผิดชอบ และนำตัวพวกเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" มาครงกล่าว "สิ่งที่เกิดขึ้นมันบ้ามาก มันโหดเหี้ยมอย่างไม่น่าเชื่อ"
"แต่ในเวลาเดียวกัน ผมมองไปที่ข้อเท็จจริงต่างๆ และผมอยากพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการเดินหน้าเพื่อหาทางหยุดสงครามนี้ และเพื่อกอบกู้สันติภาพ ผมไม่มั่นใจว่าสงครามน้ำลายจะทำหน้าที่นี้ได้"
มาครง บอกว่าหนทางที่ดีที่สุดคือต้องระมัดระวังในการให้คำนิยามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ชาวยูเครนและชาวรัสเซียเป็นพี่น้องกัน"
อีกด้านหนึ่งในวันพุธ (13 เม.ย.) รัสเซียระบุว่าพวกเขา "ไม่อาจยอมรับได้" ต่อกรณีที่ ไบเดน ใช้คำ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" จำกัดความปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน พร้อมกล่าวหาวอชิงตันตีสองหน้ากับอาชญากรรมต่างๆ ที่พวกเขาก่อขึ้นด้วยตนเอง
"เราไม่เห็นด้วยอย่างแท้จริง และมองว่าความพยายามบิดเบือนสถานการณ์ในแนวทางแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าวในวันพุธ (13 เม.ย.) "มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประเทศที่ก่ออาชญากรรมกระฉ่อนหลายต่อหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้"
(ที่มา : เอเอฟพี)