xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ฮั้วเลื่อนซักฟอก รัฐบาลตู่เหนือกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา -นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ตั้งแท่นเปิดประชุมสภาสมัยสามัญเดือนพฤษภาคม จะอาศัยช่องโหว่ ตรงความอ่อนแอของรัฐบาล เชือด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้น็อกคาสภา

แต่ไปๆ มาๆ ทำท่าจะเจอโรคเลื่อนเข้าเสียแล้ว หลังมีรายงานข่าวออกมาว่า ฝ่ายค้านจะเขยิบโปรแกรมซักฟอกผู้นำไปเป็นเดือนสิงหาคม

ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหู เป็นการฮั้วกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านที่ต้องการให้การพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ผ่านวาระ 3 ไปก่อน

แต่ดูแล้ว มันน่าจะส่อไปทางสมประโยชน์มากกว่า ฝ่ายค้านไม่ได้มีอำนาจต่อรองรัฐบาลอะไรขนาดนั้น แม้จะมีความระส่ำระสายในรัฐบาลก็ตาม
เพราะหากเปิดเวทีซักฟอกในเดือนพฤษภาคมเลย แล้วเกิดน็อก “บิ๊กตู่” คาสภาได้ขึ้นมา หรือ “บิ๊กตู่” ชิงจังหวะยุบสภาหนีตายกลางคัน คนเดือดร้อนคือนักการเมืองเอง เนื่องจากจะเกิดเดดแอร์ทันที เพราะกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้

มันจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ชวนให้หวาดเสียวว่า จะมีคนเที่ยวขับรถถังออกมาปลดล็อก

แต่หากเลื่อนไปซักฟอกในช่วงเดือนสิงหาคม ช่วงนั้นน่าจะรู้แล้วว่ารัฐสภาจะให้ความเห็นชอบกฎหมายลูกทั้งสองฉบับหรือไม่ หรือผ่านแค่ฉบับใดฉบับหนึ่ง เหมือนที่มีข่าวลือก่อนหน้านี้

ถ้ากฎหมายลูก 2 ฉบับผ่านวาระ 3 แบบฉลุย ช่วงเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม เป็นช่วงที่รอกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะสามารถเขย่ารัฐบาลได้เต็มที่ เพราะไม่ต้องกลัวการยุบสภากลางคันอีกต่อไป

ขณะเดียวกัน เดือนสิงหาคมยังเป็นช่วงที่ใช้โหมโรงทางการเมืองได้ เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่จะต้องตีความระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่” ที่จะครบ 8 ปี หากใช้สูตรนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2557

การเมืองทั้งในและนอกสภาจะเข้มข้น รัฐบาลจะไปหรือจะอยู่ มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด

แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น มันต้องลุ้นการพิจารณากฎหมายลูกในเดือนพฤษภาคมนี้เสียก่อนว่า รัฐบาลจะมีรายการตุกติกอะไรอีกหรือไม่ โดยเฉพาะกระแสข่าวคว่ำกฎหมายลูกฉบับใดฉบับหนึ่งทิ้งเสีย เพื่อเปิดช่องให้มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งบัตรเดียวอีกครั้ง

แม้โอกาสจะเกิดขึ้นได้มีอยู่น้อย หากดูจากการที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ มีมติให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบแยกเบอร์ ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เปรียบ ประกอบกับเตรียมจะเคาะใช้สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ แบบหารด้วย 500 ซึ่งเป็นสูตรจัดสรรปันส่วนผสม ที่เท่ากับบัตรสองใบจะไร้ค่า แก้มาแต่เหมือนเดิม

เพราะชั้นคณะกรรมาธิการฯยังไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด ต้องโหวตกันไปในสภา ซึ่งอาจเห็นต่างกันได้ หากส.ว.ไม่เอาทั้งสองแบบ ไม่ยกมือให้ กฎหมายลูกแท้งอยู่ดี

ตอนนี้มันอยู่ที่รัฐบาลแล้วว่า ประเมินสถานการณ์เอาไว้อย่างไร กติกานี้มันเหมาะกับตัวเองหรือไม่ หรือกติกาเดิมมันดีกว่า ก็ลงมือปฏิบัติการเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้าได้อยู่ดี


และสิ่งที่ต้องจับตาก่อนลงมติวาระ 3 ซึ่งมีผลต่อทิศทางการโหวตแน่ๆ คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ออกแรงยื่นให้ศาลวินิจฉัยบัตร 2 ใบอีกรอบ ว่าขัดรัฐธรรมนูญ

นพ.ระวี ขอสวทบทแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ พรรคเล็กล้มความต้องการของพรรคใหญ่ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญรับ และวินิจฉัยว่า บัตรสองใบ และกฎหมายลูกที่กำลังร่างกันอยู่ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มันบ่งบอกอนาคตของการโหวตในสภาได้เหมือนกัน

ส.ว.อาจหยิบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาแอบอ้าง เพื่อใช้ในการคว่ำกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ และอาจเป็นการปูทางกลับไปสู่บัตรเลือกตั้งใบเดียว โดยการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้ง

แม้จะฟังดูเกิดขึ้นได้ยาก แต่ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ในยุคของ 3 ป.

กฎหมายลูก 2 ฉบับนี้ ไม่มีใครกล้าการันตีความปลอดภัยได้ แม้แต่ส.ส.ในสภาเอง

มันจึงอยู่ที่ฝ่ายอำนาจว่า ประเมินว่าตัวเองจะได้เปรียบตรงจุดไหน มันจะไปจุดนั้น ไม่มีทางที่เอาอำนาจกลับไปป้อนให้อีกขั้วแน่นอน

3 ป.เอง ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คงไม่เอ่ยปากพูดว่าช่วงหลังการประชุมเอเปคในปลายปีเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

เพราะตอนนี้การเตรียมการของฝั่งนี้ยังไม่ลงตัว พี่น้อง 3 ป. เล่นอะไรกันมั่วไปหมด “บิ๊กป้อม” เหมือนจะคุมอำนาจเบ็ดเสร็จภายในพรรคพลังประชารัฐ ด้วยการแต่งตั้งคนของตัวเองเข้ามาเป็นมือเป็นไม้ เพื่อส่งสัญญาณว่ายังเอาจริงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ให้ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ลุยเพิ่มสมาชิก ทำพื้นที่ต่อเนื่อง ประหนึ่งเป็นพรรคสำรอง

ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เดิมจะเปิดตัวบิ๊กเนม โดยเฉพาะในราย “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้า แต่ก็ต้องเลื่อนออกไป เพราะผู้ใหญ่ไม่อยากให้ดูไปขัดแย้งกับพรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม”

พี่น้อง 3 คนยังไม่ลงล็อกว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะเดินกันแบบไหนเลย


แม้ “บิ๊กตู่” จะระบุว่า “บิ๊กป้อม” ยืนยันพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ “บิ๊กตู่”ต่อในสมัยหน้า แต่ก็ไม่ได้ไว้วางใจพี่สุดที่เลิฟ ยังคงซุ่มทำพรรครวมไทยสร้างชาติ ชนิดที่ว่ามีความคืบหน้าต่อเนื่อง

 วงศ์วาน 3 ป.ไม่อยู่ในโหมดพร้อมที่จะเลือกตั้งเร็ว เพราะต้องเคลียร์กันก่อนว่าจะเดินอย่างไร และจะใช้กติกาไหนให้กลับมามีอำนาจอีกรอบ



กำลังโหลดความคิดเห็น