วันนี้...คงต้องชวนไปเที่ยวป่าทั้งป่า หรือไปมองความคืบหน้าในแง่ “ภาพรวม” ของฉากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกกันอีกรอบน่าจะเหมาะกว่า ส่วนเรื่องการบุกยูเครน การตั้งโต๊ะเจรจาเพื่อหาข้อยุติระหว่างทั้งสองฝ่าย จะไปถึงไหนต่อไหน อันนั้น...คงพอติดตาม พอจะ “อัปเดต” กันได้ไม่ยาก เพราะเป็นข่าวคราวที่ออกจะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลก โดยอะไรจริง อะไรปลอม อะไรแฟกนิวส์ เฟกนิวส์ หรือฟักนิวส์ คงหนีไม่พ้นต้องอาศัย “สติ” ภายในตัวตนของแต่ละคน เป็นเครื่องวัดตัดสินเอาเองก็แล้วกัน...
คือเอาไป-เอามาแล้ว...คงต้องยอมรับว่า อุณหภูมิความขัดแย้งระหว่างหมีขาวรัสเซียกับคุณพ่ออเมริกาและตะวันตกในช่วงหลังๆ นี้...คงไม่ต่างไปจาก “สงคราม” ในอีกรูปแบบหนึ่งนั่นเอง!!! ถ้าพูดอย่างโฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov” อาจต้องใช้คำว่า “สงครามเศรษฐกิจ” แต่ถ้าว่ากันตามคำนิยามที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายSergey Lavrov” ได้สรุปไว้ ณ เวทีประชุม “Gorchakov Public Diplomacy Fund” เมื่อช่วงวันศุกร์ที่แล้ว (25 มี.ค.) ก็อาจต้องเรียกว่า “สงครามลูกผสมแบบเบ็ดเสร็จ” (Total, Hybrid War) อะไรประมาณนั้น หรือพร้อมจะ “ใส่” กันและกันในทุกๆ รูป ทุกๆ แบบ ทุกๆ ดอก ไม่ว่าตั้งแต่การทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ไปจนดนตรี กีฬา หรือแม้กระทั่งการเต้นรำ เต้นบัลเล่ต์ ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น เพียงแต่ยังไม่ถึงกับคิดจะขยายขอบเขตไปไกลถึงขั้น “สงครามโลกครั้งที่ 3” แบบชัดๆ จะจะ...
ดังนั้น...ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ ใครเป็นฝ่ายรุก-ฝ่ายถอย ในระหว่างนี้ จึงจะไปมองเฉพาะแค่การล้อมกรอบเมือง “Kyiv” หรือการบุกเมือง “Mariupol” ในยูเครนเพียงอย่างเดียว คงไม่น่าจะถูกเรื่องสักเท่าไหร่ แต่คงต้องมองไกลไปถึงเรื่องตลาดเงิน-ตลาดทอง ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและแก๊ส ตลาดข้าว-ปลา-อาหาร ฯลฯ หรือทั่วทั้ง “ตลาดโลก” เอาเลยโน่นแหละ ถึงพอจะเห็นการรุก-การถอย การช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้แบบถนัดชัดเจน อย่างเช่น การมองไปที่ “ค่ารูเบิล” ของรัสเซียช่วงนี้ ที่เมื่อต้องเจอกับการ “แซงชั่นมหาโหด” ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณี ตั้งแต่ยึดเงินทุนสำรองรัสเซียกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ยึดทรัพย์สินเอกชน ตัดขาดการเข้าถึงระบบโอนเงินตราระหว่างประเทศ หรือ “SWIF” ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย จนคาดๆ กันว่าระบบเศรษฐกิจรัสเซียน่าจะพังพินาศ ฉิบหาย ภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และปีต่อๆ ไป (2023-2024) อีกไม่น้อยกว่า 3-4 เปอร์เซ็นต์ ดังที่บรรษัทวาณิชธนกิจระดับโลกอย่าง “Goldman Sachs” เขาเคยคาดๆ เอาไว้ อันอาจกลายเป็นตัวส่งผลให้ “นักเชือด” หรือ “นักฆ่า” (The Butcher) อย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ที่ผู้นำอเมริกาอย่าง “โจ วิตถาร” (Creepy Joe) หรือ “โจ ซึมเซา” (Sleepy Joe) อันเป็นสมญานามที่ชาวอเมริกันเองมอบให้ นำมาใช้เรียกขานผู้นำรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ อาจถึงขั้นต้องเจอกับการลุกฮือ เจอกับการ “เปลี่ยนแปลงระบอบปกครอง” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
คือก่อนหน้าที่กองทัพหมีขาวตัดสินใจจะบุกยูเครนนั้น...ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียเมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร อยู่ที่ประมาณ 75 รูเบิลต่อดอลลาร์และ 85 รูเบิลต่อยูโรตามลำดับ แต่เมื่อตัดสินใจบุกและต้องเจอการแซงชั่นมหาโหดของอเมริกาและตะวันตก ว่ากันว่า...ค่าเงินรูเบิลตกจากหอคอย่น ลงมาอยู่ที่ประมาณ 132 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ และ 147 รูเบิลต่อ 1 ยูโรเอาเลยถึงขั้นนั้น เรียกว่า...เดินหน้าลงเหวในแนวเดียวกับประเทศคู่กัดของคุณพ่ออเมริกาในแถบละติน อย่างเวเนซุเอลาอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แต่หลังจากผ่านมาสักพัก...หรือหลังจากที่ราคาน้ำมัน ราคาแก๊สในตลาดโลกไม่เพียงพุ่งพรวดๆ พราดๆ ยังแถม “ขาดแคลน” ซะอีกด้วยต่างหาก รวมทั้งหลังจากผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ออกมาป่าวประกาศว่าบรรดา “ประเทศที่ไม่เป็นมิตร” กับรัสเซีย ถ้าอยากได้แก๊ส ได้น้ำมันเอาไปปั่นไฟ หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องไปควานหา “เงินรูเบิล” เอามาแลกเปลี่ยนกับน้ำมันและแก๊สจากรัสเซีย ไม่งั้นไม่ขาย หรือไม่ยอมให้แลกเปลี่ยน อันนี้นี่แหละ...ว่ากันว่าส่งผลให้เงินรูเบิลแข็งค่าโด่เด่ขึ้นมาโดยฉับพลัน-ทันที หรืออยู่ที่ประมาณ 95-96 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ๆ กับค่าเงินช่วงปกติแค่ไม่เท่าไหร่...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...เล่นเอาบรรดา “ประเทศที่ไม่เป็นมิตร” กับรัสเซียไม่ว่าในยุโรป หรือแม้แต่ในเอเชียอย่างคุณพี่ญุ่นปี่ ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ ออกอาการ “มึนซ์ซ์ซ์” กันไปเป็นแถบๆ เพราะความพยายามที่จะอาศัยการเปิดเกมรุกด้วย “สงครามลูกผสมแบบเบ็ดเสร็จ” เพื่อสร้างความฉิบหายวายวอด ให้กับเศรษฐกิจรัสเซีย ไปๆ-มาๆ แล้ว...มันชักไม่เป็นไปตามนั้น แถมยังเกิด “แรงสะท้อนกลับ” หลังจากบรรดาประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ อย่างจีนและอินตะระเดีย ไม่คิดจะเอาด้วยกับ “สงคราม” ชนิดนี้ของอเมริกาและตะวันตก โดยเฉพาะประเทศผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 3 ของโลก อย่างคุณปู่อินตะระเดีย ที่นอกจากจะหันไปซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มขึ้นแล้ว ยังพร้อมที่จะเปิดทางให้การซื้อน้ำมัน ซื้ออาวุธจากรัสเซียด้วย “เงินรูปี” สามารถนำเอาไปลงทุนในการซื้อตราสารหุ้นกู้ของเอกชนอินเดีย หรือทำให้เกิดการ “บายพาส” รายได้ของรัสเซีย โดยไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาเงินดอลลาร์ เงินยูโรใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
ส่วน “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” รายสำคัญของรัสเซีย อย่างคุณพี่จีนก็แทบไม่ต้องพูดถึง...เพราะนอกจากออกมาปฏิเสธ ต่อต้าน คัดค้าน การ “แซงชั่นรัสเซีย” อย่างตรงไป-ตรงมา อย่างแทบไม่สนใจ “คำขู่” ใดๆ ของคุณพ่ออเมริกาซะอีกต่างหาก แม้แต่คำขู่ล่าสุดของรัฐมนตรีพาณิชย์อเมริกา “นางGina Raimondo” เมื่อช่วงวันพุธ (23 มี.ค.) ที่ผ่านมา ที่บอกว่าถ้าจับได้ จับติด ว่าบริษัทจีนคิดจะขายชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ที่อาศัยเทคโนโลยีอเมริกาให้กับรัสเซีย ก็พร้อมที่จะสั่งปิด สั่งเล่นงานบริษัทจีนโดยทันที ส่งผลให้สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” เลยต้องออกมาป่าวประกาศไว้ในบทบรรณาธิการเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (24 มี.ค.) ที่ผ่านมาประมาณว่า... “China will respond firmly, if US hurts Chinese firm over Russia as threatened” หรือจีนพร้อมที่จะตอบโต้อเมริกาแบบชนิดดอกต่อดอก ถ้าคิดจะสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบริษัทจีนด้วยข้อกล่าวหา หรือคำขู่ใดๆ ก็แล้วแต่...
เฉพาะแค่ 2 ประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจที่มีประชากรเกือบครึ่งโลก อย่างจีนและอินเดีย ไม่คิดจะเอาด้วยกับอเมริกาและตะวันตก การเปิดฉาก “สงครามลูกผสม” หรือ “สงครามเศรษฐกิจ” ต่อรัสเซียคราวนี้...ก็เริ่มออก “ลางแพ้” หรือ “ลางร้าย” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน นั่นยังไม่รวมถึงประเทศพันธมิตรที่เคยเคียงบ่า-เคียงไหล่อเมริกาในตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบียและบริวาร ที่หันไปเซ็งลี้น้ำมันกับจีนด้วย “เงินหยวน” ซะเฉยเลย ไม่จำเป็นต้องแบก “เงินดอลลาร์” ให้เมื่อยหลัง เมื่อยไหล่อีกต่อไป และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้คอลัมนิสต์และนักสังเกตการณ์ต่างประเทศ อย่าง “นายDavid P. Goldman” เลยอดไม่ได้ต้องตั้งข้อสังเกตไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “Dollar reserve frays with India-Russia currency deals” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาถ่ายทอดไปเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ถึงการพุ่งขึ้นของ “ราคาทองคำ” ซึ่งเคยถูกนำมาเทียบเคียงกับราคาผลตอบแทนจาก “พันธบัตร” ที่รับประกันความมั่นคงปลอดภัยในภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หรือที่เรียกๆ กันว่า “TIPS” (Treasury inflation-protected security) ในแบบตีคู่เคลียคลอกันไปเสมอๆ แต่คราวนี้...ขณะที่ราคาทองพุ่งเอาๆ ราคาพันธบัตร “TIPS” ของอเมริกา กลับดันหัวทิ่ม หัวคะมำ เอาดื้อๆ...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...เมื่อเปรียบช่วงชก เปรียบน้ำหนักหมัดแบบชนิดปอนด์ต่อปอนด์แล้ว การเปิดฉาก “สงครามลูกผสม” หรือ “สงครามเศรษฐกิจ” ของอเมริกาและตะวันตกต่อรัสเซียคราวนี้ น่าจะนำไปสู่บทสรุปแบบที่อดีตนายกฯ และประธานาธิบดีรัสเซีย “นายDmitry Medvedev” ออกระบุไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นเอง นั่นคือ... “โลกแบบขั้วอำนาจเดียวได้ถึงจุดสิ้นสุดยุติลงไปแล้ว” หรือแบบที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน “วลาดีมีร์ ปูติน” ออกมาป่าวประกาศด้วยความมั่นอก-มั่นใจว่า “นี่คือ...จุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัย” อะไรประมาณนั้น เพราะแม้กระทั่งซีอีโอของบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกของอเมริกา อย่างบริษัท “Blackrock” ที่กระจายเงินลงทุนทั่วโลกไม่น้อยกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพีอเมริกาอย่าง “นายLarry Fink” ยังต้องออกมาสารภาพเอาไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าจาก “วิกฤตยูเครน” คราวนี้...กำลังนำไปสู่จุดสิ้นสุดของ “โลกาภิวัตน์” ที่เคยเฟื่องฟุ้ง รุ่งเรืองมาตลอด 3 ทศวรรษ และกำลังนำมาซึ่ง “ระเบียบโลก” แบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อันทำให้บริษัทต่างๆ ทั่วทั้งโลก หนีไม่พ้นต้องหันมาปรับตัว ปรับใจ ปรับรากฐานในระดับโครงสร้างกันใหม่หมด ใครแพ้-ใครชนะ ใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ ใน “สงครามลูกผสม” ระหว่างรัสเซียกับอเมริกาและตะวันตกคราวนี้ ก็ลองไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน...