xs
xsm
sm
md
lg

สงครามเศรษฐกิจอเมริกา-รัสเซีย ใครแพ้-ใครชนะ???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Dmitry Peskov โฆษกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
เปิดฉากสัปดาห์นี้...เอาเป็นว่า ระหว่างที่ “สงครามทางทหาร” ของกองทัพหมีขาวรัสเซีย ที่ได้ยกพหลพลโยธาบุกเข้าไปในพื้นที่ประเทศเล็กๆ อย่างยูเครน จะไปถึงไหนต่อไหน บุกเร็ว หรือบุกช้า สามารถยึดเมืองแต่ละเมือง สามารถพิชิตศึกพิชิตชัย ได้อีกสักเมื่อไหร่? ตอนไหน? อันนั้น...คงต้องไป “อัพเดต”เอาเองก็แล้วกัน โดยอาศัย “ข่าวล่า-มาเรือ”ที่บรรดา “ผู้เชี่ยวชาญ” ทั้งหลายในบ้านเรา ซึ่งมีอยู่เยอะแยะมากมาย เสียเหลือเกิน ได้เจาะ-เกาะ-ติด ได้รายงานให้พอรับรู้ รับทราบ แบบชนิดวันต่อวัน นาทีต่อนาที ไม่น้อยไปกว่าข่าวคราวเรื่อง “คุณน้องแตงโม” อะไรประมาณนั้น...

แต่ที่ต้องขออนุญาตเชิญชวนให้ “ตามไปดู”ในช่วงนี้...ก็น่าจะเป็นเรื่องของ “สงครามทางเศรษฐกิจ” ระหว่างคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ที่ในแง่ทางการทหารแล้ว ต้องเลี่ยงไปตั้งรับกองทัพรัสเซียอยู่แถวๆ ประเทศโปแลนด์ ลิทัวเนีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ฯลฯ อะไรไปโน่น แต่ในแง่การเศรษฐกิจ ได้หันมาสุมหัว รวมตัว หันมาเล่นงานประเทศหมีขาว แบบชนิดกะจะเอาให้ “ตายคาตีน”ให้จงได้ หรือได้ทำให้เกิดสีสันบรรยากาศ แบบที่โฆษกรัสเซีย “นายDmitry Peskov” ได้ออกมาบอกเล่าเก้าสิบไว้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “ไม่ต้องสงสัยเลย...ว่าอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ได้ประกาศสงครามทางเศรษฐกิจกับรัสเซียเรียบร้อยแล้ว”อะไรประมาณนั้น...

เพราะด้วยสิ่งที่เรียกว่า “สงครามทางเศรษฐกิจ” นี่แหละ...ที่อาจเป็นตัว “ชี้ขาด” เป็นตัวชี้วัดชัยชนะและความพ่ายแพ้ของฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด ได้แบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด มากเสียยิ่งกว่าการบุกยึดเมืองโน้น เมืองนี้ การได้ครอบครองพื้นที่แค่ประมาณ “แมวดิ้นตาย”ในดินแดนเล็กๆ อย่างประเทศยูเครนเป็นไหนๆ การงัดเอามาตรการแซงชั่นในระดับ “สุดโหด” ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก มาเล่นงานรัสเซียในข้อหา “บุกยูเครน” คราวนี้ มันจึงหนักหนา-สาหัสยิ่งกว่าการใช้จรวด หรือขีปนาวุธใดๆ ในการปะทะแบบตรงไป-ตรงมากับรัสเซีย ไม่ว่าตั้งแต่การตัดขาดรัสเซียออกจากระบบการโอนเงิน-โอนทอง ที่เรียกว่า “SWIFT”การห้ามซื้อ-ห้ามขายพลังงานน้ำมัน แก๊สและถ่านหินจากรัสเซีย ไปจนถึงช่วงล่าสุด...หรือเมื่อช่วงวันศุกร์ (11 มี.ค.) ที่ผ่านมา ที่ผู้นำอเมริกัน “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา”ได้ออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัด ว่าแม้แต่เหล้าวอดก้าจากรัสเซีย เพชร เครื่องประดับอัญมณี สินค้าฟุ่มเฟือย อาหารทะเล ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรที่เคยสั่งเข้ามาจำหน่ายในอเมริกา ต่างต้องถูก “ห้ามเข้า”หรือต้องเจอกับ “กำแพงภาษี” ชนิดไม่มีโอกาสขาย ไม่มีโอกาสจำหน่ายให้กับชาวอเมริกันได้อีกต่อไปโดยเด็ดขาด แม้แต่สัมพันธภาพระหว่างรัสเซียกับองค์กรการเงินระหว่างประเทศ หรือ “IMF”และธนาคารโลก ก็จะถูกกีดกัน ตัดขาด ชนิดกะจะให้ประเทศนี้ “เจ๊ง...คาตา”ให้จงได้ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

อันนี้นี่แหละ...ที่มันจะเป็นตัวส่งผลให้กับการ “ชั่งน้ำหนัก” ว่าฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใด จะตกเป็น “ฝ่ายแพ้” หรือ “ฝ่ายชนะ” กันแน่และโดยที่ “ผู้เชี่ยวชาญ”หลายต่อหลายราย เขาได้ออกมาชั่ง-ตวง-วัด เปรียบเทียบน้ำหนักและช่วงชกของแต่ละฝ่ายแบบชนิดปอนด์ต่อปอนด์ ดูๆ แล้ว...แนวโน้มที่ประเทศหมีขาวรัสเซียจะตายคาเขียง หรือตายคาตีน คุณพ่ออเมริกาและตะวันตกน่าจะเป็นอะไรที่ยากเอามากๆ ตรงกันข้าม...โอกาสที่ประเทศอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกเองนั่นแหละ ที่จะกลายเป็นฝ่าย “นอนมา” โดยมี “พระ”สวดนำหน้า หรือมีโอกาส “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี”ต้อง “กุศลาธัมมา-อกุศลาธัมมา”ต้องหันไป “สวดศพ”สูงยิ่งขึ้นไปทุกที...

คือดูง่ายๆ...แค่การงัดเอามาตรการแซงชั่นน้ำมันและแก๊สของรัสเซีย ก็พอสะท้อนแนวโน้มดังกล่าวได้ชัดเจนพอสมควรแล้วหรือมันไม่ได้เป็นมาตรการที่ผ่านการตระเตรียม ไม่ได้วางแผนรองรับก่อนหน้านั้นเอาไว้เลยแม้แต่น้อย จู่ๆ ก็งัดเอามาใช้เพื่อหวังให้รายได้หลักในการส่งออกของประเทศนี้ พังพินาศ วอดวายให้จงได้ จนทำให้ “ราคาน้ำมัน” ในตลาดโลก พุ่งโด่งไปถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรืออาจพุ่งไปถึง 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันหนึ่ง-วันใดก็เป็นได้ ขณะที่ราคาแก๊สอันเป็นที่ปรารถนาและต้องการของชาวยุโรปในช่วงนี้เสียเหลือเกิน พุ่งระเบิดเถิดเทิงไปถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อ 1,000 คิวบิกเมตร ก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ไม่ใช่แค่เฉพาะชาวรัสเซีย ประเทศรัสเซียเท่านั้น แต่เดือดร้อนไปทั่วทั้งยุโรป อเมริกาหรือทั่วทั้งโลกเอาเลยก็ว่าได้...

ยิ่งเพิ่งคิดจะมาส่งตัวแทนไปเจรจากับ “ผู้นำเผด็จการ”ที่ตัวเองต่อต้านและแซงชั่นมานานแสนนาน อย่างผู้นำเวเนซุเอลาหรือผู้นำประเทศซาอุฯ ที่เคยถูกเหยียดหยามว่า “น่ารังเกียจ” ในกรณีการฆาตกรรมอดีตนักหนังสือพิมพ์ชาวซาอุฯ ให้ช่วยผลิตน้ำมันเพิ่ม หรือผลิตน้ำมันส่งขายไปยังอเมริกาทดแทนน้ำมันรัสเซียที่ขาดหายไปประมาณวันละ 90,000-200,000 บาร์เรลเป็นอย่างน้อย อันนี้...ยิ่งเป็นตัวสะท้อนชัดเจน ว่าเป็นการคิดโจมตี ลงโทษ ฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ได้คิดหน้า-คิดหลังเอาไว้เลย การถูก “ตบหน้า”โดยซาอุฯ และยูเออี ที่ไม่คิดแม้กระทั่งจะ “รับโทรศัพท์” จากผู้นำอเมริกา ต่อการวิงวอน ขอร้องดังกล่าว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความ “เบบี้”ในการเปิดฉาก “สงครามเศรษฐกิจ” ต่อรัสเซีย อย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด หรืออย่างที่ผู้อำนวยการบริหารด้านการเงินบริษัท “Navigator Principle Investor” “นายKyle Shostak” สรุปเอาไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้นั่นแหละว่า...“รัฐบาลไม่ได้มีแผนสำรองสำหรับทางเลือกใดๆ หลังประกาศแบนน้ำมันรัสเซียเอาเลยแม้แต่น้อย และนั่นจะนำไปสู่การก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอเมริกา ในอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้...”

หรือพูดง่ายๆ ว่า...มันกลับกลายเป็นผลสะท้อนที่ก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อนต่อบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ไม่น้อยไปกว่า หรืออาจหนักซะยิ่งกว่าชาวหมีขาวรัสเซียเอาเลยก็เป็นได้ ที่ต้องจ่ายค่าน้ำมันในราคาลิตรละ 4.17, 4.25 หรือปาเข้าไป 6 ถึง 7 ดอลลาร์เอาเลยก็มี หรือต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่ารายละ 2,000 ดอลลาร์ ถ้าว่ากันตามตัวเลขสถิติ ที่ “Justin Dargin”แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้คิดคำนวณเอาไว้ และย่อมทำให้ภาวะเงินเฟ้อในอเมริกา ที่พุ่งขึ้นไปแล้วถึง 7.5-7.9 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ไม่ว่าราคาอาหาร ที่อยู่อาศัย พลังงาน พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ยิ่งเข้าไปทุกที ยิ่งมีแต่พุ่งแล้ว-พุ่งอีก หรือทำให้ภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ปรากฏตัวให้เห็นอย่างชัดเจน ชนิดที่ผู้อำนวยการร่วมแห่งสถาบัน “Institute for the Analysis of Global Security”อย่าง “ดร.Gal Luft”ต้องออกมา “ฟันธง”เอาไว้ล่วงหน้าว่า... “อีกไม่กี่วันนับจากนี้...บรรดาชาวอเมริกันและตะวันตก จะเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากสงครามคราวนี้ และเป็นความรู้สึกที่สามารถรับรู้ได้ทุกครัวเรือน โดยจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งกลางเทอมในอเมริกาที่กำลังจะมาถึง ไปจนการเลือกตั้งในฝรั่งเศส ฯลฯ เพราะพลังงานจากรัสเซียไม่ได้เป็นสิ่งที่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในระยะสั้นด้วยแล้ว มันจึงกลายเป็นตัวที่จะก่อกวนโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปทั้งยุโรป โดยที่ใครคิดเห็นต่างไปจากนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หลอกตัวเอง หรือหลอกลวงสังคมไปด้วยกันทั้งสิ้น...”

ขณะที่ผู้ต้องเผชิญกับ “สงครามเศรษฐกิจ” ของอเมริกาและตะวันตก อย่างรัสเซียนั้น...ย่อมเป็นที่รับรู้ รับทราบว่า ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะตัดสินใจบุกยูเครน บริษัท “Rosneft” ของรัสเซีย ได้หันไปทำข้อตกลงกับบริษัท “CNPC” หรือ “China National Petroleum Corp”ของจีน ในอันที่จะส่งน้ำมันจำนวนประมาณ 200,821 บาร์เรลต่อวัน ไปยังโรงกลั่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ตามข้อตกลงในแผนระยะยาว 10 ปีล่วงหน้า แทนที่จะหันมาจำหน่ายในยุโรปเหมือนเดิม ไม่ต่างไปจากซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ได้ “ตบหน้า” คุณพ่ออเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาป่าวประกาศเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (10 มี.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง ว่าได้หันไปร่วมลงทุนกับบริษัท “North Huajin Chemical Industries Group Corporation”และบริษัท “Panjin Xincheng Industrial Group” ของจีน ในการสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่จังหวัด Liaoning อันมีกำลังผลิตไม่น้อยกว่า 300,000 บาร์เรลต่อวัน หรือเกิดการหันเหการค้า-การขาย-การลงทุน จากอเมริกาและตะวันตกมาสู่เอเชียและยูเรเชียอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ...

ด้วยเหตุนี้แนวโน้มที่ “ดร.Gal Luft”แห่งสถาบันวิเคราะห์ความมั่นคงของโลก เริ่มพอมองเห็นเค้าลางในอนาคตเบื้องหน้า ก็คือ...ภายใต้การเปิดฉาก “สงครามเศรษฐกิจ” ต่อรัสเซียคราวนี้ น่าจะนำไปสู่การพ่ายแพ้เลือกตั้งกลางเทอมของพรรครัฐบาลอย่างเดโมแครต ไม่ว่าจะใน “สภาล่าง”หรือ “วุฒิสภา” ก็แล้วแต่ อันย่อมส่งผลให้แนวนโยบายที่สุดแสนหะรูหะราของ “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ในการ “Build-Back” อเมริกาให้กลับมายิ่งใหญ่ เกรียงไกร หรือ “Better”ยิ่งไปกว่าเดิม จึงน่าจะออกไปในแนว “เดี้ยง...กับ...เดี้ยง”อย่างมิอาจปฏิเสธ หรือน่าจะ “นอนมา” โดยจำต้องมี “พระ” สวดนำหน้าก่อนที่จะหามขึ้นเมรุ และเผาหลอก เผาจริง ในท้ายที่สุด...นั่นเอง...




กำลังโหลดความคิดเห็น