xs
xsm
sm
md
lg

อิสราเอล...กับบทบาทในกรณียูเครน-รัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Naftali Bennett นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
ระหว่างที่ใครต่อใครในบ้านเรากำลัง “เจาะ-เกาะ-ติด” เรื่องการบุกยูเครนของกองทัพรัสเซียใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” แบบชนิดวันต่อวัน ชั่วโมงต่อชั่วโมง หรือนาทีต่อนาที ไม่น้อยไปกว่าเรื่อง “คุณน้องแตงโม” หรือ “คุณแม่น้องแตงโม” เอาเลยถึงขั้นนั้น วันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนอารมณ์-ความรู้สึก ด้วยการหันไปมองๆ อะไรต่อมิอะไรใน “แนวรบตะวันออกกลาง” กันดูมั่ง!!! เพราะอย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า ไม่ว่าจะแนวรบยุโรปตะวันออก แนวรบในทะเลจีนใต้ หรือแนวรบตะวันออกกลาง เอาไป-เอามาแล้ว...มันออกจะมีความเชื่อมโยง เกี่ยวพันระหว่างกันและกัน ไม่ว่าในทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างชนิดมิอาจแยกขาดออกจากกันได้ง่ายๆ...

อีกทั้งในช่วงระหว่างนี้...ความเคลื่อนไหวในแนวรบด้านตะวันออกกลาง ก็ออกจะคึกๆ คักๆ มิใช่น้อย จนอาจต้องหยิบมาใคร่ครวญพิจารณาไว้ก่อนล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงอีกไม่น่าจะกี่วันนับจากนี้ หรืออาจประมาณสัปดาห์นี้-สัปดาห์หน้าแนวโน้มที่จะเกิดการหาข้อยุติ หาบทสรุป ให้กับการเจ๊าะแจ๊ะเจรจา ในเรื่อง “ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน” หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า “JCPOA” ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างตัวแทนฝ่ายอิหร่าน จีน รัสเซีย อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส รวมทั้งคุณพ่ออเมริกา ที่เคยถอนตัวไปจากข้อตกลงดังกล่าวในช่วงยุครัฐบาล “ทรัมป์บ้า” แต่กลับคิดจะมาเข้าร่วม หรือมาช่วย “กอบกู้” ให้ข้อตกลงที่ว่านี้สามารถดำเนินได้สืบต่อไป ในช่วงรัฐบาล “โจ ซึมเซา” ว่ากันว่า...ใกล้จะถึงจุดลงตัว ใกล้จะถึงบทสรุปในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากต้องเจรจาแล้ว-เจรจาอีก มาถึง 8 ครั้งด้วยกัน...

และโดยแนวโน้มที่ดูจากลักษณะอาการของบรรดาตัวแทนฝ่ายอิหร่าน ไม่ว่าตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ หัวหน้าคณะผู้เจรจา ไปจนถึงโฆษกของกระทรวง ฯลฯ น่าจะมีแนวโน้มออกไปทาง “บวก” ต่ออิหร่านมิใช่น้อย หรืออาจเกิดการยกเลิกการ “แซงชั่น” ระดับ “มหาโหด” แม้ไม่ถึงขั้น “สุดโหด” แบบรัสเซียช่วงนี้ หรือไม่? อย่างไร? ก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ตัวแทน “ผู้ตรวจสอบ” ในเรื่องการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ยูเรเนียม จากสหประชาชาติ หรือจากหน่วยงาน “IAEA” (The International Atomic Energy Agency) อย่าง “นายRafael Grossi” ในฐานะผู้อำนวยการทั่วไป ก็ได้บินไปเยือนอิหร่านเมื่อวันเสาร์ และหลังจากเช็ก หลังจากตรวจสอบอะไรต่อมิอะไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลสรุปก็น่าเป็นไปในแง่บวก หรือไม่ได้พบอะไรที่ถือเป็นการ “ละเมิดเส้นตาย” หรือเลยไปจากข้อกำหนดของบรรดาตัวแทนผู้เข้าร่วมเจรจาข้อตกลงดังกล่าว ในเรื่องการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ว่าจะมุ่งไปสู่การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หรือเป็นไปโดยสันติภาพกันแน่ และนั่นเอง...ที่ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายHossein Amir Abdollahian” ถึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงวันเสาร์ (5 มี.ค.) ที่ผ่านมา ว่าพร้อมจะบินกลับไปยังกรุงเวียนนา เพื่อ “เซ็นข้อตกลง” ในการกอบกู้สัญญาความร่วมมือ “JCPOA” ให้ฟื้นกลับคืนขึ้นมาได้ใหม่...

โดยภายใต้สีสันบรรยากาศ ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ประเทศ “ศัตรูคู่กัด” ของอิหร่าน อย่างคุณทวดอิสราเอล ที่อาจได้รับผลกระทบไม่ว่าทางหนึ่ง-ทางใด จากการหวนกลับไปสู่ข้อตกลง “JCPOA” ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างคุณพ่ออเมริกา ก็ได้เกิดการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ที่น่าสนใจมิใช่น้อย นั่นคือการที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลคนใหม่ “นายNaftali Bennett” ได้บินไปเยือนกรุงมอสโก ไปจับเข่าเจ๊าะแจ๊ะเจรจากับผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ในฐานะ “คนกลาง” ที่อยากเห็นการบุกยูเครนของรัสเซีย เกิดข้อยุติ เกิดจุดลงตัว เกิดสันติภาพ อันถือเป็น “พันธะทางศีลธรรม” สำหรับประเทศอิสราเอล ที่ไม่เพียงแต่มีสัมพันธ์อันดีกับทั้งฝ่ายอเมริกา รัสเซีย และยูเครนที่นอกจากจะมีผู้นำอย่าง “นายVolodymyr Zelensky” เป็นชาวยิวล้วนๆ แต่ยังมีชุมชนชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ถึงเกือบ 200,000 คน แม้ว่าจะอพยพหลบหนีออกมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงตกค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมิใช่น้อย รวมทั้งอาจได้รับการขอร้องจากทูตยูเครนประจำอิสราเอล อย่าง “นายYevgen Koriyachuk” รวมทั้งตัวประธานาธิบดี “Zelensky” เองด้วย ที่อยากจะให้อิสราเอลเป็น “ตัวกลาง” ในการหาข้อตกลง ข้อยุติกับรัสเซีย ตั้งแต่เกิดเรื่อง เกิดราว เกิดการบุกประเทศเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา...

ว่ากันว่า...หลังจากพบปะกับผู้นำรัสเซียเป็นเวลา 3 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีอิสราเอลก็บินต่อไปเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กับผู้นำเยอรมนี “นายOlaf Scholz” และต่อสายไปคุยกับประธานาธิบดี “Emmanuel Macron” ของฝรั่งเศส รวมทั้งประธานาธิบดียูเครนเป็นที่เรียบร้อย โดยการเล่นบทเป็น “คนกลาง-ตัวกลาง” ของอิสราเอลคราวนี้ จะส่งผลให้เกิดข้อยุติ เกิดจุดลงตัวขึ้นมาได้หรือไม่ อย่างไร ก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ย่อมทำให้บทบาทของประเทศอิสราเอล ที่ต้องอยู่นอกวง นอกโต๊ะเจรจาข้อตกลง “JCPOA” ก็ออกจะโดดเด่นเป็นสง่าขึ้นมาตามสมควร ไม่ใช่เอาแต่ต้องนั่งรอ นอนรอ การตัดสินใจของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างคุณพ่ออเมริกา ที่อาจส่งผลบวก-ผลลบต่ออิสราเอล ในการหวนกลับไปสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แต่เพียงลูกเดียวเท่านั้น...

และก็แน่นอนนั่นแหละว่า...ในการพบปะเจรจากับผู้นำรัสเซียยาวนานถึง 3 ชั่วโมง สิ่งที่คงต้องถูกหยิบยกมาพูดจาหารืออย่างมิอาจปฏิเสธ ก็คือเรื่อง “กลไกการป้องกันภัยทางอากาศ” ของรัสเซียที่ถูกนำไปติดตั้งไว้ในประเทศซีเรีย และอาจสร้างความติดๆ-ขัดๆ ให้กับกองทัพอิสราเอล ต่อปฏิบัติการโจมตีกองบัญชาการทหารอิหร่านในซีเรียอยู่บ้างตามสมควร แม้ว่าในแต่ละครั้งอิสราเอลจะแจ้งเตือนรัสเซียก่อนปฏิบัติดังกล่าวแทบทุกครั้ง โดยที่การพูดคุยในเรื่องทำนองนี้ จะมีรายละเอียดตื้น-ลึก-หนา-บาง ในลักษณะไหน ก็ยากจะคาดเดากันได้ง่ายๆ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...บรรดาลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอนอย่างอิสราเอล ก็ได้ย้ำแล้ว ย้ำอีก หลายต่อหลายครั้ง ว่าข้อตกลง “JCPOA” ที่อาจได้รับการฟื้นฟูบูรณะขึ้นมาใหม่นั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไร หรือไม่ได้มีข้อผูกพันใดๆ ต่อการคิดเปิดฉาก “โจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน” ของอิสราเอลเอาเลยแม้แต่น้อย...

ดังนั้น...ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาคิดจะกลับไปร่วมข้อตกลง “JCPOA” คิดยกเลิกการ “แซงชั่น” ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับต้นๆ อย่างอิหร่าน ที่อาจพอช่วยให้ราคาน้ำมันไม่ทะลุเพดาน ทะลุหลังคาไปถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากการต้องหันไป “แซงชั่น” ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 อย่างรัสเซีย จนภาวะ “เงินเฟ้อ” ของอเมริกาและพันธมิตรยุโรป มีแต่ต้อง “เฟ้อ...กับ...เฟ้อ” หนักยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็นั่นแหละ....สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตและริษยา ที่อิสราเอลมีต่อศัตรูคู่กัดอย่างอิหร่านเอาเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ไม่มี “อาวุธนิวเคลียร์” อยู่ภายในมือก็ตาม แต่สิ่งที่เรียกว่า “ภัยคุกคามอิหร่าน” ต่ออิสราเอลนั้น ยังมีอะไรที่นอกเหนือไปจากอาวุธนิวเคลียร์อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าในแง่การเมือง เศรษฐกิจ การสนับสนุนสงครามตัวแทน ในแต่ละแห่ง แต่ละที่ ฯลฯ อันเป็นอะไรที่มิอาจลดราวาศอกได้เลย...

การออกมาแสดงบทบาทของอิสราเอล...ต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรือรัสเซียกับอเมริกาและนาโตคราวนี้ ถึงแม้อาจไม่บรรลุเป้าหมายแห่งความเป็น “ตัวกลาง-คนกลาง” ได้มากมายสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย...ก็อาจพอช่วยให้อิสราเอลไม่ถึงกับต้องกลายเป็น “ศัตรู” โดยตรงกับรัสเซีย โดยเฉพาะถ้าหากคิดเปิดฉากโจมตีอิหร่านขึ้นมาไม่ว่าเมื่อไหร่หรือตอนไหน อีกทั้งยังได้รับการ “เปิดไฟเขียว” จากพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างคุณพ่ออเมริกาเอาไว้แล้วล่วงหน้า ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าฉากเหตุการณ์ใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “แนวรบทะเลจีนใต้” จะเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะไหน หรือไม่? และอย่างไร? ก็ตามที แต่สำหรับ “แนวรบในตะวันออกกลาง” แล้ว โอกาสที่จะเกิดการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาในแนวรบด้านนี้ ก็ยังไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นั่นคือความหมายของคำว่า “สันติภาพ” นับจากนี้ต่อไป ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการ “พักรบ” เพื่อรอทำ “สงครามครั้งใหญ่” ที่กำลังจะมาถึง และยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งเข้าไปทุกที...


กำลังโหลดความคิดเห็น