xs
xsm
sm
md
lg

ความเสื่อมถอยของอเมริกาและยุโรป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป
ดูๆ แล้ว...บรรดานักการเมืองอเมริกันและยุโรปจำนวนไม่น้อย คงประมาณคล้ายๆ นักการเมืองบ้านเรา อย่างเช่นคุณน้อง “พิธา” แห่งพรรคก้าวไกลอยู่พอสมควรเหมือนกัน คือออกอาการ...เอิงเงิง-เอิงเงย เตร๊งเตรง-เตร่งต๋อย หรือออกจะหนักไปทาง “ดีเกร์” (ลิเก) อะไรทำนองนั้น...

เรียกว่า...ขนาดราคาน้ำมันพุ่งพรวดๆ พราดๆ ทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ไปแล้วถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ราคาแก๊สในยุโรปอย่างที่เนเธอร์แลนด์ปาเข้าไปถึง 3,900 ดอลลาร์ต่อ 1,000 คิวบิกเมตร สูงสุดในประวัติศาสตร์เอาเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” หรือประธานคณะบริหารอียู “นางUrsula von der Leyen” ยังออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือ คิดจะหันไป “แซงชั่น” น้ำมันและแก๊สจากรัสเซีย โดยแทบไม่ได้สนใจ “ผลกระทบ” ที่จะตามมาเอาเลยแม้แต่น้อย!!!

คือไม่เพียงแต่ทุกวันนี้...บรรดาชาวยุโรปทั้งหลายต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 374 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงเมกะวัตต์ ในการซื้อหาไฟฟ้าที่จะมาสร้างความอบอุ่นให้แต่ละครัวเรือน ไม่น้อยกว่า 8.5 ล้านครัวเรือนกำลังอยู่ในสภาพงอก่องอขิง มีสิทธิ์หนาวตาย แข็งตาย ต้องหาทางเด็ดทิ้งปัสสาวะกันเอาเอง หรือตกอยู่ในสภาพ “ขาดแคลนพลังงาน” อย่างน่าห่วง น่ากังวลเอามากๆ เพราะโอกาสที่จะดิ้นรนหาเงินประมาณ 3,000-4,000 ยูโรเป็นอย่างน้อย มาใช้เป็นค่าไฟ ค่าเครื่องทำความร้อนล้วนๆ มันออกจะเป็นอะไรที่สุดแสนจะลำบากยากเย็น โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจของแต่ละประเทศ อ่อนปวกๆ เปียกๆ ภาวะเงินเฟ้อและราคาสินค้าแทบทุกชนิด พุ่งระเบิดเถิดเทิงทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ยิ่งเข้าไปทุกที...

แต่กระนั้น...ความคิดที่จะหาทางแซงชั่น หาทางเล่นงานประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นอันดับ 3 ของโลก มีแหล่งแก๊สธรรมชาติสูงที่สุดในโลกอย่างรัสเซีย ให้ตายคาตีน คามือ ให้จงได้!!! เพราะแค่การห้ามไม่ให้เข้าถึงระบบการโอนเงินระหว่างประเทศหรือ “SWIFT” ว่ากันว่า...อาจยังไม่ถึงกับ “หนำใจ” สักเท่าไหร่ หรืออาจกระทบกระเทือนเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ของบรรดาในธนาคารรัสเซียเท่านั้นเอง “คุณป้ามหาภัย” อย่าง “นางUrsula von der Leyen” เธอจึงออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าการโดดเดี่ยวรัสเซียและการทำให้ยากที่จะหาเงินมาใช้ในการทำสงคราม อาจต้องอาศัย “ยุทธศาสตร์ที่เข้มข้น” ยิ่งไปกว่านี้ หรือต้อง “กำจัดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลจากรัสเซีย” ส่วนนักการเมืองอเมริกันถึงกับคิดบินไปเจรจากับเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ เพื่อช่วยหาทางรักษาระดับเสถียรภาพราคา ถ้าต้องสั่งห้ามซื้อน้ำมันและแก๊สจากรัสเซียขึ้นมาจริงๆ...

ด้วยเหตุนี้...โอกาสที่ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นไปถึงอวกาศ หรืออาจถึงขั้น 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างที่รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย “นายAleksandr Novak” ออกมาเตือนๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย เพราะความพยายามเล่นงานประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นอันดับ 3 ของโลก ในลักษณะไม่ต่างไปจากพยายามปฏิเสธความจริง ปฏิเสธข้อเท็จจริง ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว...ประเทศรัสเซียนั้น คือผู้ที่ป้อนน้ำมัน ป้อนแก๊ส ให้กับโลกทั้งโลกมาโดยตลอด จู่ๆ จะมาเขี่ยทิ้ง ตัดทิ้ง เหมือนไม่มีประเทศนี้อยู่บนแผนที่โลก ยังไงๆ...มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ เพราะขนาดบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ อย่างบริษัท “เชลล์” ยังเพิ่งจะสั่งซื้อน้ำมันจากรัสเซียไปประมาณ 100,000 เมตริกตัน จนถูกรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนออกมาด่า ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไปเมื่อวัน-สองวันนี้ หรือกระทั่งประเทศผู้ซดน้ำมันเป็นอันดับสูงสุดของโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา ก็ยังมิวายต้อง “นำเข้า” น้ำมันจากรัสเซีย ไม่น้อยกว่า 20.4 ล้านบาร์เรล เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา...

ความพยายามแซงชั่น พยายามเล่นงานหมีขาวรัสเซีย ในแบบ...เอิงเงิง เอิงเงย เตร๊งเตรง เตร่งต๋อย ของบรรดานักการเมืองอเมริกันและยุโรปเช่นนี้ ส่งผลให้ผู้ที่ต้องรับเวร-รับกรรม ก็คงหนีไม่พ้นไปจากบรรดาชาวยุโรป ชาวอเมริกัน รวมถึงบรรดาชาวโลกทั้งหลายนั่นแล ที่ต้องเจอกับภาวะน้ำมันแพง แก๊สแพง ถ่านหินแพง ฯลฯ จนทำให้บรรดาราคาสินค้าต่างๆ ไม่ว่าข้าว-ปลา-อาหาร ยิ่งมีแต่ “แพง...แสน...แพง” ยิ่งๆ ขึ้นไป หรืออย่างที่นักเศรษฐศาสตร์เยอรมัน ผู้ก่อตั้งองค์กรนักคิดอย่าง “Beyond the Obvious” “นายDaniel Stelter” ได้ออกมาให้ความเห็นเอาไว้นั่นแหละว่า... “การแช่แข็งทรัพย์สินของรัสเซีย น่าจะถือเป็นการกระทำที่ฉลาดกว่า แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก เพราะรัสเซียยังคงมีรายได้จากการขายน้ำมันและแก๊ส แต่ถ้าดันคิดห้ามซื้อ-ขายน้ำมันและแก๊สจากรัสเซียขึ้นมาจริงแล้ว ฉากสถานการณ์ในจุดต่ำสุดที่จะอุบัติขึ้นมามีอยู่แค่เพียง 2 ประการเท่านั้น...คือ เลวมากกับโคตรเลว (the bad one and the very bad one)” หรืออาจนำมาซึ่งภาวะเงินเฟ้อ ว่างงาน เศรษฐกิจตกต่ำ ถดถอย หรือภาวะ “Stagflation” เอาง่ายๆ...

ไม่ต่างไปจากผู้ช่วยศาสตราจารย์สถาบัน “International Studies CFAU” และ “Institute Lorenzo de’ Medici” แห่งเมืองฟลอเรนซ์ อิตาลี อย่าง “นายFabio Massimo Parenti” ที่ร่ายเรียงความคิด ความเห็น ไว้ในบทความชิ้นล่าสุดผ่านเว็บไซต์ “Global Times” นั่นแหละว่า การแซงชั่นรัสเซียก็คือการสร้างความพังพินาศให้กับยุโรป ที่ตอนนี้ก็อ่อนแอ ปวกเปียก และขาดความเป็นเอกภาพอยู่แล้ว แต่กลับดันหันมาสร้างความยากจนให้กับตัวเองซะดื้อๆ ด้วยการยอมตกเป็น “ทาส” ของวอชิงตัน ชนิดที่การบล็อกท่อส่งแก๊ส “Nord Stream 2” ของรัสเซีย แทบไม่ต่างไปจาก “การฆ่าตัวตายของยุโรป” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! ด้วยเหตุเพราะบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลาย แทบไม่มีโอกาสหันไปหาทางเลือกอื่นใด ไม่ว่าในระยะสั้น หรือระยะกลาง อีกทั้งอาจทำให้สกุลเงินยูโร ต้องกลายเป็น “เหยื่อ” ของ “ประวัติศาสตร์หน้าใหม่” ที่กำลังจะปรากฏขึ้นมาในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...

คือนักคิด-นักวิชาการชาวอิตาลีรายนี้...แกเชื่อเอาจริงๆ นั่นแหละว่า โลกในทุกวันนี้ได้กลายเป็น “โลกแบบหลายขั้วอำนาจ” ไปเรียบร้อยแล้ว และความพยายามยื้อ พยายามตื๊อ ที่จะให้โลกเป็นไปในแบบ “โลกขั้วอำนาจเดียว” โดยมีอเมริกาเป็นผู้นำ กำลังพ้นยุค พ้นสมัย ยิ่งเข้าไปทุกที รวมทั้งแม้แต่อำนาจการครอบงำของ “โลกตะวันตก” ที่เคยมีมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม ก็ได้ถูกสรุปโดยบรรดานักคิด-นักวิชาการจำนวนไม่น้อยตั้งแต่ 15-20 ปีที่แล้ว ว่ากำลังตกอยู่ในสภาพ “De-Westernized World” หรือ “Westlessness” อะไรประมาณนั้น คือไม่อาจดำรงบทบาทและอิทธิพล ได้เหมือนแบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว ความพยายาม “แยกรัสเซียออกไปจากยุโรป” จึงแทบไม่ได้ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อหมีขาวตัวนี้สักกี่มาก-น้อย ด้วยเหตุเพราะสายใยความสัมพันธ์ระหว่าง จีน-รัสเซีย-ยูเรเชีย-ไปจนถึงแอฟริกาและละตินอเมริกา มันกำลังกลายเป็น “ข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธได้” อีกต่อไป!!!

จริง-ไม่จริง...ก็ลองไปคิดดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ถ้าว่ากันตาม “ข่าวล่า-มาเรือ”ระหว่างช่วง “วิกฤตยูเครน” หรือช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขปริมาณการค้าของ “2 หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” จีนและรัสเซียที่ได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าเพิ่มพรวดๆ พราดๆ ขึ้นมาถึง 41.5 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น จากปีที่แล้วที่พุ่งขึ้นไปถึง 148,800 ล้านดอลลาร์ โอกาสที่จะขึ้นไปถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี ค.ศ. 2026 ตามการคาดการณ์ของผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” หรืออาจเร็วยิ่งไปกว่านั้น น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

ความพยายาม “ยุ” จีนให้หาทางแยกตัวห่างๆ จากรัสเซีย ไปจนถึงการกดดันอินเดีย หรือปากีสถาน ฯลฯ ให้หันไปประณามรัสเซียในกรณียูเครน สุดท้ายแล้ว...น่าจะ “แห้วกระป๋อง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น อินเดียนั้น...ถึงขั้นพวก “Hindu Sena” ออกมาเดินขบวนสนับสนุนรัสเซียกันเห็นๆ ส่วนปากีสถาน นายกรัฐมนตรี “Imran Khan” ถึงกับหลุดปากถามบรรดาประเทศที่เข้าชื่อจดหมายเรียกร้องให้ประณามรัสเซีย ประมาณว่า “เราเป็น...ทาสของคุณหรือ???” ส่วนคุณพี่จีนนั้น ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ “Wang Yi” ท่านก็ได้สรุปเอาไว้ชัดเจน ระหว่างการแถลงข่าวหลังการประชุมสภาประชาชนจีน เมื่อช่วงวันจันทร์ (7 มี.ค.) ที่ผ่านมา ประมาณว่า... “สายสัมพันธ์จีน-รัสเซียถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเอามากๆ เพราะความร่วมมือของเราไม่เพียงแต่จะนำเอาผลประโยชน์ สวัสดิการ มาสู่ประชาชนของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่จะช่วยนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของโลกทั้งโลกอีกด้วย...” นี่...ระเบียบโลกแบบใหม่ ชักเริ่มปรากฏขึ้นมารางๆ มั่งแล้ว!!!




กำลังโหลดความคิดเห็น