ปิดฉากสัปดาห์นี้...ด้วย “ข่าวดี” หรือ “ข่าวร้าย” คงต้องถือเป็น “รสนิยม” ของใคร-ของมันที่จะไปวัดตัดสินกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ “The Wall Street Journal” เมื่อช่วงวันอังคาร (15 มี.ค.) ได้ยืนยันเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าประเทศอภิมหาเศรษฐีน้ำมัน อย่างซาอุดีอาระเบีย ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วที่จะหันมาซื้อ-ขายน้ำมันของตัวเองด้วย “เงินสกุลหยวน” ของจีน แทน “เงินสกุลดอลลาร์” อเมริกัน อย่างที่เคยเป็นมานับเกือบครึ่งศตวรรษ...
ข่าวคราวที่ว่านี้...ถ้าว่ากันถึงเรื่อง “สงครามเศรษฐกิจ” แล้ว ต้องเรียกว่า...พอๆกับ “ระเบิดนิวเคลียร์ลง” เอาเลยก็ว่าได้!!! เพราะเท่าที่เคยเป็น-มานั้น การที่ผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลก อย่างมหาเศรษฐีซาอุฯ ท่านตัดสินใจที่จะซื้อ-ขายน้ำมันเป็นเงิน “ดอลลาร์” มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 จะด้วยเหตุเพราะผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 1 ของโลกมาโดยตลอด หนีไม่พ้นไปจากคุณพ่ออเมริกานั่นเอง หรือเพราะอำนาจทางการเมือง การทหาร ของประเทศ “จักรวรรดิทุนนิยม” อันดับหนึ่งของโลก อาจพอช่วยปกป้อง คุ้มครอง ราชอาณาจักรซาอุฯ ให้สามารถเติบใหญ่ เติบโต มีฐานะเป็น “พี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลาง” ได้ไม่ยาก ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่ด้วยการคิด การตัดสินใจ ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้เงินสกุลดอลลาร์ของคุณพ่ออเมริกา สามารถยืนหยัด มั่นคง โดยไม่จำเป็นต้องมี “ทองคำ” หรือไม่ต้องมีอะไรหนุนหลังไว้เลยแม้แต่น้อย กลายเป็น “Fiat Money” ที่มิอาจมีประเทศหนึ่ง ประเทศใด สามารถลอกเลียนแบบได้โดยเด็ดขาด...
คือเป็นสกุลเงินที่ถ้าหากใครอยากจะได้น้ำมัน ซื้อน้ำมัน ต้องหา “เงินดอลลาร์” มากำเอาไว้ในมือให้มากๆ เข้าไว้ เพื่อเอาไปแลกเปลี่ยนกับ “น้ำมันซาอุฯ” หรือน้ำมันของใครต่อใครที่เป็นเครือข่ายบริวารตลอดทั่วทั้งอ่าวเปอร์เซีย อันทำให้สกุลเงินชนิดนี้สามารถเติบใหญ่ เติบโต กลายเป็น “ทุนสำรองเงินตรา” ของโลกทั้งโลกไปเลยก็ว่าได้ และนั่นเอง...ที่ทำให้คุณพ่ออเมริกาท่านสามารถพิมพ์เงินออกมา โดยไม่ต้องมีอะไรหนุนหลังเอาไว้เลย มีแต่ “อุปสงค์” หรือ “ความต้องการเงินดอลลาร์” ล้วนๆ ชนิดแม้ว่าคุณค่าราคาของเงินดอลลาร์ จะตกต่ำ เสื่อมโทรม กว่ายุคที่ยังเคยต้องใช้ “ทองคำ” หนุนหลัง หรือยุคที่ยังเป็น “Promissory Note” ที่เงินดอลลาร์ประมาณ 35 ดอลลาร์สามารถเอามาแลกทองคำได้ประมาณ 1 ออนซ์ แต่ในช่วงหลังๆ...อาจต้องใช้เงินดอลลาร์ไม่ต่ำกว่า 600 ดอลลาร์ขึ้นไป ไปจนถึง 1,900-2,000 ดอลลาร์เอาเลยก็ว่าได้ ถึงจะแลกทองคำได้สัก 1 ออนซ์ แต่กระนั้น...ด้วยการซื้อ-ขายน้ำมันประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ในตลาดโลก ยังคงซื้อ-ขายด้วยเงินสกุลดอลลาร์ไปด้วยกันทั้งสิ้น “เผด็จการดอลลาร์” เลยยังคงอยู่ยง คงทน ไม่ถึงกับกาลอวสาน หรือล่มสลายเอาง่ายๆ...
แต่การที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลก อย่างมหาเศรษฐีซาอุฯ หันมาขายน้ำมันด้วยเงินตราสกุล “หยวน” หรือสกุล “เหรินหมินปี้” กันแทนที่ หลังจากได้พูดคุยเจรจากับประเทศผู้บริโภคน้ำมันสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลกแทนที่อเมริกา อย่างคุณพี่จีน ต่อเนื่องยาวนานประมาณช่วง 6 ปีที่ผ่านมา แถมยังลงทุนสร้างโรงกลั่นน้ำมันไว้ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน กำลังการผลิตวันละ 300,000 บาร์เรล หรือปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเมตริกตัน ระบบ กระบวนการ และปริมาณ การซื้อ-ขายน้ำมันในตลาดโลก มันเลยคงต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแบบชนิดคนละเรื่อง-คนละม้วน การหันมาซื้อ-ขายน้ำมันด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ ที่ไม่ใช่ด้วย “เงินดอลลาร์” จึงกลายเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไป เพราะไม่ใช่แค่เศรษฐีน้ำมันอย่างซาอุฯเท่านั้น ที่ไม่คิดจะขายน้ำมันเพื่อแลกกับเงินดอลลาร์อีกแล้ว บรรดาประเทศบริวารในเครือข่าย ที่ชักเบื่อๆ หน่ายๆ กับ “ความตกต่ำของเงินดอลลาร์” เต็มที ย่อมหนีไม่พ้นต้องเดินตามแนวทางดังกล่าวอีกไม่รู้กี่รายต่อกี่รายนั่นยังไม่รวมไปถึง...ประเทศที่เพิ่งถูกคุณพ่ออเมริกา “แซงชั่น” เช่น ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ของโลกอย่างรัสเซีย ที่ล่าสุด...หันไปขายน้ำมันให้กับประเทศอินตะระเดีย ด้วยสกุลเงินรูเบิล-รูปี หรือกระทั่งเงินหยวนกันแทนที่ โดยไม่สนใจว่าคุณพ่ออเมริกาจะเตือนแล้ว เตือนอีก กันในลักษณะไหนก็ตาม...
อีกทั้งบรรดาประเทศที่คุณพ่ออเมริกาเคยสร้างเวร-สร้างกรรมเอาไว้ตั้งแต่อดีต...ไม่ว่าจะเป็นอิรัก ลิเบีย ซีเรีย ไปจนถึงอิหร่าน หรือเวเนซุเอลา ฯลฯ ต่างล้วนแล้วแต่มีแรงกระตุ้น แรงจูงใจ ที่อยากเปลี่ยนไปซื้อ-ขายน้ำมันด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ ที่ไม่ใช่ “ยูเอสดอลลาร์” ไปด้วยกันทั้งสิ้น อิรักนั้น...ตั้งแต่ยุค “ซัดดัม ฮุสเซน” โน่นเลย ที่คิดจะเปลี่ยนไปขายน้ำมันเพื่อแลกกับเงินสกุลยูโร เลยถูกคุณพ่ออเมริกาส่งกองทัพ ส่ง “เครื่องจักรสังหาร” ไปไล่ทุบ ไล่บี้ จับมาแขวนคอไปซะก่อน แต่หลังจากที่กองทัพอเมริกา ออกอาการ “แพ้แล้ว...แพ้อีก” ไม่ว่าจะในสมรภูมิซีเรีย การหนียะย่าย พ่ายจะแจในอัฟกานิสถาน ไปจนถึงการต้อง “ถอยไปตั้งหลัก” อยู่แถวๆ ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย ฯลฯ ไปโน่น ไม่คิดจะเผชิญหน้าโดยตรงกับกองทัพหมีขาวรัสเซีย ที่กำลังไล่บด ไล่บี้ พวก “นีโอ-นาซี” ในยูเครน ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้แม้แต่ “พลังอำนาจทางทหาร” ของกองทัพอเมริกัน ก็คงไม่อาจนำมาใช้เป็น “หลักประกัน” ให้กับเงินตราสกุลดอลลาร์อีกต่อไป...
โอกาสที่เงินสกุลดอลลาร์ที่มีเพียงแค่ “อุปสงค์” หรือ “ความต้องการ” เป็นตัวหนุนหลังเท่านั้นเอง...อาจต้องรูดมหาราชถึงขั้นกลายสภาพเป็น “แบงก์กงเต๊ก” จึงใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย!!! โดยเฉพาะเมื่อประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลก อย่างอภิมหาเศรษฐีซาอุฯ ตัดสินใจหันไปขายน้ำมันเป็นเงินหยวนกันแทนที่ เพราะอย่างที่อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำซาอุฯ “นายชาร์ลส์ ดับเบิลยู ฟรีแมน” (Charles W. Freeman) และอดีตประธานสภานโยบายด้านตะวันออกกลาง (Middle East Policy Council) เคยเตือนๆ เอาไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 โน่นเลย ด้วยถ้อยคำที่ว่า... “สิ่งสำคัญที่ประเทศซาอุฯ ได้สร้างเอาไว้อย่างชนิดต้องจดจำจารึกเป็นประวัติศาสตร์ นั่นคือการยืนหยัดที่จะขายน้ำมันของพวกเขาด้วยเงินยูเอสดอลลาร์ เพราะฉะนั้น...รัฐบาลของเรา จึงยังคงสามารถพิมพ์เงินออกมาซื้อน้ำมันได้เรื่อยๆ โดยอาศัยความได้เปรียบที่ประเทศอื่นไม่มีเหมือนเรา แต่ด้วยการปรากฏตัวขึ้นมาของเงินตราสกุลต่างๆ และด้วยสัมพันธภาพอันตึงเครียดระหว่างเรากับประเทศนี้ซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมกังวลว่า...ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า พวกเขาอาจไม่คิดที่จะทำสิ่งเหล่านี้อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อชาวซาอุฯจำนวนไม่น้อยต่างร้องถามขึ้นมาว่า ทำไม??? เราถึงต้องใจดีกับคนอเมริกันถึงขนาดนั้น...”
ยิ่งเมื่อผู้นำอเมริกันคนปัจจุบัน อย่าง “โจ ซึมเซา” ถึงกับเคยเรียกขานมกุฎราชกุมารซาอุฯ เจ้าชาย “โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน” หรือเจ้าชาย “MbS” ว่าเป็น “บุคคลที่น่ารังเกียจ” หรือ “pariah” เอาเลยถึงขั้นนั้นในช่วงระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง แถมยังตัดสินใจถอนระบบป้องกันภัยทางอากาศออกจากซาอุฯ ขณะฝ่ายตรงข้ามอย่างพวก “กบฏฮูตี” ประเคนบ้องข้าวหลามยักษ์ใส่หัวแขกซาอุฯ คราวแล้ว-คราวเล่า ไปจนการคิดจะหวนกลับไปสู่ “ข้อตกลง JCPOA” ที่ซาอุฯ เคยร่วมคัดค้านมาโดยตลอด ฯลฯ บรรดาสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้นี่เอง...เลยทำให้ระหว่างทรงประทานสัมภาษณ์วารสาร “The Atlantic” เมื่อช่วงเดือนที่แล้ว มกุฎราชกุมารฯ รายนี้ จึงตอบคำถามถึงท่าทีซาอุฯ ที่มีต่อพันธมิตรผู้เคยเคียงบ่า-เคียงไหล่อย่างอเมริกาเอาไว้ประมาณว่า “ง่ายๆ ก็คือ...ข้าพเจ้าไม่แคร์!!! ขึ้นอยู่กับอเมริกาก็แล้วกัน ว่าอยากคิดอะไรเพื่อประโยชน์ของอเมริกา...ก็เชิญเลย!!!”
สรุปรวมความแล้ว...เอาเป็นว่า แนวโน้มที่นับจากนี้ต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันอาจเป็นไปแบบที่นักคิด-นักเขียนชาวอเมริกัน “นายแดน อีเดน” (Dan Eden) แห่ง “View Zone Magazine” เคยวาดภาพ วาดจินตนาการไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่องอนาคตของเงินดอลลาร์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเอาเลยก็ไม่แน่!!! โดยเฉพาะข้อความที่บรรยายเอาไว้ว่า... “ด้วยเหตุเพราะน้ำมันและเงินดอลลาร์ได้กลายเป็นกระแสเลือดของผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ภายใต้อารยธรรมปัจจุบัน ดังนั้น...เมื่อไหร่ที่ระบบเงินตราแบบ Fiat Dollars เกิดพังทลายลงมา ไม่เพียงแต่มันจะเป็นตัวทำลายระบบเศรษฐกิจอเมริกา และวิถีชีวิตของชาวอเมริกันทั้งมวลเท่านั้น แต่ยังจะเป็นตัวสร้างความพังพินาศให้กับโลกทั้งโลก อย่างครบถ้วน บริบูรณ์ แม้โดยความจริงแล้ว...บรรดาความมั่งคั่งทั้งหลายในโลกนี้ จะมีพื้นฐานมาจากระบบเศรษฐกิจที่มีเงินดอลลาร์และการพึ่งพาน้ำมันไปด้วยกันทั้งสิ้น บรรดานักการเมือง ผู้มีอำนาจตัดสินใจในประเทศต่างๆ จึงล้วนแต่จมอยู่กับมายาภาพของระบบชนิดนี้มานานแสนนาน จนครั้นเมื่อมันพังทลายลงมา...ย่อมทำให้โลกทั้งโลกพังพินาศตามไปด้วยอย่างมิพึงต้องสงสัย เพราะแนวโน้มเช่นนี้...เป็นสิ่งที่ได้รับการคาดหมายเอาไว้แล้วอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเด็ดขาด...” จริง-ไม่จริง...ก็ลองไปนอนฝัน นอนเพ้อ นอนละเมอ เอาเองก็แล้วกัน....