เปิดฉากสัปดาห์นี้...ด้วยสีสันบรรยากาศแบบที่ต้องเรียกว่า “บ้า...ไปแล้ว!!!”สำหรับความพยายามปฏิเสธ ต่อต้าน แซงชั่นรัสเซีย ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรอียู-อีย้วยทั้งหลาย ที่กะจะเหยียบ กะจะกระทืบหมีขาวตัวนี้ ให้ตายคาเท้า คาตีน ให้จงได้ หรืออย่างที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ท่านบอกเอาไว้เมื่อวัน-สองวันนั่นแหละว่า เหมือนกับความพยายามที่จะปฏิเสธว่าประเทศซึ่งมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ต่อเนื่อง ยาวนานมานับเป็นพันๆ ปี กลับไม่ได้ “มีอยู่”บนโลกใบนี้ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
คือไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับประเทศรัสเซีย...ต้องถูกหยิบเอามาต่อต้าน คัดค้านและปฏิเสธไปด้วยกันทั้งสิ้น กระทั่งท่วงทำนองบทเพลง ตัวโน้ตจังหวะดนตรี ของอภิมหาคีตกวี อย่าง “Pyotr Tchaikovsky”, “Dmitri Shostakovich”หรือ “Sergei Rachmaninoff” ฯลฯ ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการ “บุกยูเครน”ของกองทัพรัสเซียเอาเลยแม้แต่น้อย ยังถูกห้ามเปิด ห้ามฟัง ห้ามบรรเลง จากบรรดานักต่อต้านรัสเซียในยุโรป ในอเมริกา กระทั่งการเต้นรำ เต้นบัลเลต์ตามแบบฉบับบอลชอย ก็ยังถูกห้ามไม่ให้เต้น ไม่ให้รำ เอาดื้อๆ หรือแม้แต่นักเทนนิสรัสเซีย มือวางอันดับ 2 ของโลก อย่าง “Daniil Medvedev”ยังถูกรัฐมนตรีกีฬาอังกฤษ “นายNigel Huddleston”ออกมาป่าวประกาศ ว่าอาจต้องห้ามไม่ให้ลงแข่งมหกรรมเทนนิสวิมเบิลดัน จนกว่าจะออกมาตำหนิติเตียนผู้นำประเทศตัวเอง หรือ “ต้องให้แน่ใจซะก่อนว่า...เขาไม่เห็นด้วยกับปูตินในการบุกยูเครน” นี่...บ้าไปแล้วถึงขั้นนั้น!!!
ความพยายามปฏิเสธ ต่อต้านรัสเซีย ปานประหนึ่งว่าไม่ได้มีประเทศที่ว่านี้ ตั้งอยู่บนโลก หรืออยู่ในแผนที่โลกเอาเลยแม้แต่น้อยของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก มันจึงออกอาการเหมือนอย่างที่ผู้นำรัสเซียอุปมา-อุปไมยไว้ว่า ไม่ต่างอะไรไปจากยุค “นาซีฮิตเลอร์”สั่ง “เผาหนังสือ” อันเป็นแหล่งความรู้ของโลกทั้งโลก เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1930 อะไรประมาณนั้น หรือเป็นความพยายาม “ลบล้างทางวัฒนธรรม”(cancel culture) เอาเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้...อะไรอื่นๆ ที่เป็นของรัสเซียก็แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าส่งออกอย่างน้ำมัน แก๊ส ถ่านหิน เหล็ก และแร่ธาตุ ไปจนถึงข้าว-ปลา-อาหารพืช-ผัก-ผลไม้ต่างๆ ไปจนเงินๆ-ทองๆ ฯลฯ ที่ต่างถูกต่อต้าน ถูกปฏิเสธ ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
ตลอดช่วงการประชุมระหว่างผู้นำอเมริกากับผู้นำอียู-อีย้วย ที่กรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียมเป็นเวลา 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ไม่ถึงกับบรรลุ “เอกภาพ”ในการปฏิเสธพลังงานจากรัสเซียได้อย่างทั่วถึง แต่ก็เต็มไปด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเล่นงานรัสเซียด้วยมาตรการ “แซงชั่น”อย่างชนิดน่าสมเพชเวทนา มิใช่น้อย หรืออย่างที่ “คุณป้ามหาภัย” “นางUrsula von der Leyen”ประธานคณะกรรมาธิการบริหารอียู ออกมาป่าวประกาศไว้เมื่อวันศุกร์ (25 มี.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่าจะหันไปสั่งซื้อแก๊ส “LNG” จากอเมริกากันแทนที่ โดยล็อตแรกๆ อาจหาซื้อได้ประมาณ 15,000 ล้านคิวบิกเมตรเป็นอย่างน้อย แต่อเมริกาก็พร้อมให้สัญญาว่าจะผลิตเพิ่มเพื่อส่งมาให้อียูแทนที่แก๊สจากรัสเซียได้ถึง 50,000 ล้านคิวบิกเมตรต่อปี ในขณะที่ตัวเลขปริมาณความต้องการแก๊สรัสเซียของอียูในแต่ละปีสูงถึง 155,000 ล้านคิวบิกเมตรเป็นอย่างน้อย หรือถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณแก๊สที่บริโภคในยุโรป ปัญหาก็เลยมีอยู่ว่า...แล้วจะหันไปควานหาแก๊สที่ไหนมาเพิ่มเติมได้อีก อีกทั้งการซื้อแก๊ส “LNG”จากอเมริกา นอกจากแพงแสนแพงกว่าแก๊สรัสเซียไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายสร้างถังบรรจุแก๊ส เสียค่าขนส่ง ค่าบรรทุกทางเรือ ต่างไปจากแก๊สที่ “เปิดปุ๊บ-ติดปั๊บ” จากท่อขนส่งลำเลียง “Nod Stream 1-2” ของรัสเซีย ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
หรือแม้แต่จะหันไปควานหา “แก๊สกาตาร์” เข้ามาทดแทน อย่างที่ประเทศเยอรมนีวิ่งหา ควานหา กันชนิดเหงื่อไหลไคลย้อยแต่อย่างที่รัฐมนตรีพลังงานกาตาร์ และซีอีโอบริษัทวิสาหกิจ “Qatar Energy” “นายSaad al-Kaabi”ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “CNN” เอาไว้เมื่อวันพฤหัสฯ (24 มี.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “เป็นไปไม่ได้ที่จะควานหาแก๊สในโลกใบนี้เข้ามาทดแทนแก๊สจากรัสเซีย”หรือคงต้องยอมรับ “ความจริง”และ “ข้อเท็จจริง” ซะก่อนว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณแก๊สเท่าที่ถูกผลิตขึ้นมาภายในโลกใบนี้ มีที่มาจากประเทศรัสเซีย...นั่นแล!!! ด้วยเหตุนี้...ความพยายามฝืนข้อเท็จจริง หรือฝืนความเป็นจริงของอเมริกาและยุโรป จึงออกจะเป็นอะไรที่น่าสมเพชเวทนา มิใช่น้อย...
และด้วยเหตุเพราะความพยายามฝืน พยายามต่อต้านรัสเซีย ตาม “กระแส” ที่ถูกปลุก ถูกกระตุ้น ภายใน “โลกเสมือนจริง” หรือ “โลกแห่งข้อมูล-ข่าวสาร” ที่อเมริกาและตะวันตกพยายามครอบงำมาโดยตลอด มันเลยส่งผลให้ “โลกแห่งความจริง” ออกอาการ “ดูไม่จืด”หรือออกจะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้ภาวะเศรษฐกิจทั้งของอเมริกาและยุโรปออกอาการ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี”ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที ด้วย “ภาวะเงินเฟ้อ” ในอังกฤษที่สูงสุดในรอบ 30 ปี หรืออยู่ที่ประมาณ 6.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะอเมริกาสูงสุดในรอบ 40 ปี หรืออยู่ที่ประมาณ 7.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อต้องเจอกับราคาพลังงานเช่นราคาแก๊สที่สูงขึ้นไปถึง 1,350 ดอลลาร์ต่อ 1,000 คิวบิกเมตร และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นไปถึง 139-140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปแล้วในช่วงนี้ อันยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ภาวะเงินเฟ้อยิ่ง “เฟ้ออ์อ์อ์” หนักขึ้นไปอีก จึงไม่น่าแปลกใจอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย ที่โดยผลสำรวจความคิดเห็นของบรรดาอเมริกันชน โดย “UMich”หรือมหาวิทยาลัยมิชิแกนคราวล่าสุด ถึงกับต้องสรุปว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันเชื่อว่า “เศรษฐกิจอเมริกา”กำลังเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ หรือแม้แต่หัวหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ “Goldman Sachs”อย่าง “นายJan Hatzius”ที่ออกมาสรุปไว้เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (24 มี.ค.) ที่ผ่านมา ว่าเศรษฐกิจอเมริกากำลังย่างเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเป็นระบบและกิจการ โดยเฉพาะเมื่อไหร่ที่ราคาน้ำมันขึ้นไปถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล...
คือแม้ว่ารัสเซียนั้น...จะเคยถูกให้คำนิยามโดย “คอลัมนิสต์”บ้านเราผู้เคยไปศึกษาต่อในประเทศรัสเซียว่า “ฝรั่งช้า”ก็ตามที แต่ความพยายามปฏิเสธความจริง ข้อเท็จจริงของชาวยุโรปเพราะการยุแยงตะแคงรั่วของคุณพ่ออเมริกานั้น น่าจะทำให้ฝรั่งอียู ชักจะกลายเป็น “ฝรั่งโง่”หรือ “ฝรั่งดอง”ยิ่งเข้าไปทุกที ไม่เพียงแต่ต้องหันไปซื้อแก๊สแพงแสนแพงจากอเมริกา ต้องซื้ออาวุธจากบริษัท “Lockheed Martin”บริษัท “Raytheon” ฯลฯ เพื่อส่งไปให้นักรบยูเครน จนทำให้ “หุ้น” บริษัทค้าอาวุธอเมริกาพุ่งขึ้นไปถึง 13-16 เปอร์เซ็นต์ แถมยังต้องถูกคุณพ่ออเมริกาสั่งซ้ายหัน-ขวาหันได้ยิ่งกว่ายุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยิ่งขึ้นไปซะอีก ฯลฯ อันเนื่องมาจากความเกลียด ความกลัวรัสเซีย หรือการติดเชื้อไวรัส “Russophobia” ที่ไม่แทบไม่ต่างจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เอาเลยถึงขั้นนั้น...
ขณะที่ชาวตะวันออกอย่างประเภทพวก “หัวดำ” ทั้งหลาย...ไม่ว่าจะคุณพี่จีน หรือคุณปู่อินตะระเดีย กลับยังพอจะมี “สติ”พอที่จะคิดหน้า-คิดหลังได้มั่งว่า การปฏิเสธการ “มีอยู่” ของประเทศที่มีประวัติศาสตร์ต่อเนื่องยาวนานนับเป็นพันๆ ปีอย่างรัสเซียนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่สอดคล้องกับความจริง ข้อเท็จจริงโดยเด็ดขาด ดังนั้น...ประเทศที่มีจำนวนประชากรรวมกันเกือบ “ครึ่งโลก”หรือเกือบ 3 พันล้านคน อย่างจีนและอินเดีย นอกจากไม่คิด “ปฏิเสธ”รัสเซียหรือไม่คิดร่วม “แซงชั่น” เอาเลยแม้แต่น้อย วัน-สองวันที่ผ่านมา...รัฐมนตรีต่างประเทศ “Wang Yi” ของจีน ยังบินไปพบปะกับที่ปรึกษาความมั่นคงและรัฐมนตรีกิจการภายนอกของอินเดีย “นายAjit Doval” และ “นายSubrahmanyam Jaishankar” อันเป็นสิ่งที่สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” ถึงกับถือเป็น “กระจกเงา” ที่สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับความจริงต่อผลประโยชน์ของจีนและอินเดีย ในบทบรรณาธิการอันว่าด้วย “Ukraine crisis mirrors China-India common Interest”ที่เผยแพร่ไปเมื่อวัน-สองวันนี้...
และในเมื่อประเทศที่มีประชากรรวมกันเกือบครึ่งโลก แถมยังเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจระดับต้นๆ ของโลกซะอีกต่างหาก ต่างไม่คิดจะปฏิเสธความจริง ข้อเท็จจริงดังกล่าว ประเทศที่ยังคงหลงละเมออยู่ใน “โลกเสมือนจริง” เป็นหลักไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรืออียู จึงย่อมต้องมีโอกาส “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” สูงเอามากๆ!!! หรืออย่างที่อดีตประธานาธิบดี อดีตนายกรัฐมนตรี และปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย “นายDmitry Medvedev”ถึงกับกล้า “ฟันธง” เอาไว้ในระหว่างให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “Sputnik” และ “RT” เมื่อช่วงวันศุกร์ (25 มี.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า...“โลกแบบขั้วอำนาจเดียว...กำลังถึงจุดสิ้นสุดยุติลงไปในอีกไม่นาน-ไม่ช้า” และ “ประเทศอเมริกา...จะไม่ได้มีฐานะเป็นผู้บงการโลกต่อไปอีกแล้ว” จริง-ไม่จริง ก็ลองไปนั่งคิด นั่งทบทวน ดูเอาเองก็แล้วกัน...