รอยเตอร์ - รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเผยพร้อมยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบุคคลและบริษัทรัสเซีย ถ้ามอสโกถอนทหารออกจากยูเครนและให้สัญญายุติการรุกราน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นวันเดียว ทางฝั่งเครมลินเพิ่งให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า ผู้ที่เชื่อว่ามาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อธุรกิจรัสเซียจะมีผลต่อรัฐบาลมอสโกเป็น “พวกโง่เขลา”
อังกฤษและชาติตะวันตกอื่นๆ กำลังใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจดัดหลังรัสเซีย และลงโทษประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สำหรับการรุกรานยูเครน เพื่อกดดันให้ประมุขเครมลินยกเลิกสิ่งที่เรียกว่า “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารเพื่อทำให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหารและปลอดลัทธินาซี”
ระหว่างการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟเมื่อวันเสาร์ (26 มี.ค.) ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการยุติมาตรการคว่ำบาตร หากรัสเซียหยุดยิงและถอนกำลังออกจากยูเครนโดยสิ้นเชิง พร้อมให้คำมั่นว่าจะไม่รุกรานเพื่อนบ้านอีกในอนาคต
ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษระบุว่า ได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับธนาคารหลายแห่งของรัสเซีย รวมมูลค่าสินทรัพย์ 658,650 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งนักธุรกิจแดนหมีขาวและครอบครัวที่มีสินทรัพย์สุทธิกว่า 198,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 มี.ค.) ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและรองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียว่า เป็น “ความโง่เขลา” ของผู้ที่เชื่อว่า มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อธุรกิจรัสเซียจะมีผลต่อรัฐบาลมอสโก หรือส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจเครมลิน แต่ในทางกลับกัน มาตรการเหล่านั้นกลับจะทำให้สังคมรัสเซียแน่นแฟ้นมากขึ้น
ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกอวดอ้างว่า รุนแรงและครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่หลังผ่านมาหนึ่งเดือน รัสเซียประกาศว่าจะยังคงปฏิบัติการพิเศษทางทหารจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในการทำให้ยูเครนเป็นเขตปลอดทหารและปลอดลัทธินาซี ทั้งนี้ มาตรการคว่ำบาตรบางส่วนพุ่งเป้าที่นักธุรกิจพันล้านที่เชื่อกันว่าใกล้ชิดปูติน
เมดเวเดฟ สำทับว่า ไม่มีทางที่นักธุรกิจใหญ่เหล่านั้นจะมีอิทธิพลแม้เพียงเล็กน้อยต่อจุดยืนของผู้นำรัสเซีย เขายังบอกอีกว่า มีเหตุผลมากมายที่รัสเซียมีสิทธิใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากมีการโจมตีรัสเซีย หรือการรุกล้ำโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสี่ยงจะส่งผลให้กองกำลังป้องปรามนิวเคลียร์ของรัสเซียกลายเป็นอัมพาต
เมดเวเดฟ ย้ำว่า การกระทำเหล่านั้นจะส่งผลให้รัสเซียต้องตัดสินใจปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศ เพื่อไม่ให้บุคคลใดมีเหตุผลแม้เพียงเล็กน้อยที่สุดที่จะสงสัยในความพร้อมในการตอบโต้การล่วงละเมิดประเทศ หรือเอกราชของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เมดเวเดฟระบุว่า แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดเช่นวิกฤตยูเครนในขณะนี้ การเจรจาก็ยังเป็นแนวทางที่มอสโกต้องการ พร้อมสำทับว่าผลสำรวจความคิดเห็นพบคนรัสเซีย 3 ใน 4 สนับสนุนการตัดสินใจของเครมลินในการเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนและยังให้การสนับสนุนปูตินมากขึ้น
โฆษกเครมลินผู้นี้ยังผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการคว่ำบาตร และกล่าวว่า รัฐบาลจะหา “แนวทางที่เหมาะสม” เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องบิน ยานยนต์ ไอที และอื่นๆ
เขาเสริมว่า เป็นเรื่องปกติหากคนรัสเซียในประเทศจะไม่พอใจการตัดสินใจบางอย่างของทางการและวิจารณ์รัฐบาล แต่การที่คนรัสเซียที่อยู่นอกประเทศต่อต้านการบุกยูเครนถือเป็นการขายชาติ
องค์กรอิสระที่ติดตามการประท้วงแห่งหนึ่งเผยว่า มีประชาชนรัสเซียหลายพันคนถูกควบคุมตัวระหว่างการประท้วงต่อต้านการรุกรานยูเครนทั่วประเทศเมื่อต้นเดือน