ชักเริ่มเจ็บๆ-ปวดๆ ขึ้นมามั่งแล้ว!!!...สำหรับบรรดาพวกฝรั่งอียูและอีย้วยทั้งหลาย ที่ถูกฉุดกระชากลากถูให้ต้องร่วมแบน ร่วมคว่ำบาตร ร่วมแซงชั่นหมีขาวรัสเซีย ในกรณีการบุกยูเครน ด้วยเหตุเพราะการกระทำดังกล่าวแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “บูมเมอแรง” ที่สามารถส่งผลย้อนกลับ กระทบ-กระแทก บาดมือ-บาดไม้ บรรดาผู้คนในประเทศยุโรป ให้ต้องเลือดโชก เลือดไหลไปตามๆ กัน แม้ไม่ถึงต้องเจอกับจรวด กระสุนปืนใหญ่ หรือการบึ้มไป-บึ้มมาเพียงใดก็ตาม...
ไล่มาตั้งแต่บรรดาชาวไร่-ชาวนา ประเทศกรีซ...ที่ต้องแห่มา “ลงถนน” ตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว (18 มี.ค.) เรียกร้องให้รัฐบาลลดภาษีและเพิ่มเงินสนับสนุน อันเนื่องมาจากผลกระทบจากราคาพลังงานไปจนถึงราคาปุ๋ย เพราะรัฐบาลกรีซดันหันไปร่วม “แซงชั่นรัสเซีย” ประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ของโลก และผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ครอบครองส่วนแบ่งตลาดถึง 13 เปอร์เซ็นต์ แถมยังเป็นผู้นำเข้าพืช ผัก ผลไม้ จากเกษตรกรชาวกรีซมาโดยตลอด อีกทั้งเงินแค่ 3,700 ล้านยูโร หรือ 4,080 ล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลให้การอุดหนุนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไงๆ...ก็คงไม่พอกับความสูญเสีย ที่บรรดาเกษตรกรทั้งหลายต้องแบกรับจนหลังคด หลังแอ่น ไปตามๆ กัน...
ส่วนประเทศเยอรมนีนั้น...เห็นว่าเมืองฮัมบวร์ก แทบกลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุเพราะบรรดา “สิงห์รถบรรทุก” ทั้งหลาย ที่ต่างร้องโอ๊กๆ อ๊ากๆ เมื่อเจอกับราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งแบบติดจรวด เลยหนีไม่พ้นต้องตัดสินใจนำขบวนรถบรรทุกนับร้อยๆ คัน มาปิดทางเข้า-ออก เรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนีแก้ปัญหาราคาและภาวะขาดแคลนน้ำมันโดยด่วน โดยอีกไม่นาน-ไม่ช้าอาจมีพวก “เรือประมง” ตามมาสมทบอีกด้วยก็ได้ เพราะสมาคมประมงเยอรมนีเริ่มออกมาส่งเสียงโอ๊กๆ อ๊ากๆ ไม่ต่างไปจากพวก “สิงห์รถบรรทุก” มากมายสักเท่าไหร่ รวมทั้งบรรดาพวกผู้ผลิตในโรงงานต่างๆ ที่ต่างต้องเจอกับ “ต้นทุนการผลิต” ที่เพิ่มขึ้นถึง 25.9 เปอร์เซ็นต์ ถ้าว่ากันตามตัวเลขสถิติของ “FSO” (Federal Statistics Office) ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวัน-สองวันมานี้ อันเนื่องมาจากการ “แซงชั่น” รัสเซียของรัฐบาลเยอรมนีนั่นเอง...
สำหรับประเทศสเปน...ยิ่งน่าจะหนักหนา-สาหัส ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะบรรดาชาวไร่-ชาวนา เกษตรกร กรรมกร ฯลฯ ที่แห่มาลงถนนในกรุงแมดริด เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (20 มี.ค.) ที่ผ่านมา เห็นว่าปาเข้าไปถึงระดับ 150,000 คน บางรายถึงกับบอกว่าเกือบ 400,000 คนเอาเลยถึงขั้นนั้น อันเนื่องมาจากราคาพลังงาน อาหาร และเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ มีแต่ขึ้นเอาๆ อันเนื่องมาจากการร่วม “แซงชั่นรัสเซีย” ของรัฐบาลสเปน ที่ดันไป “เห็นควรด้วย” กับคุณพ่ออเมริกานั่นเอง ทุกสิ่งทุกอย่าง...เลยมีอันต้อง “ด้วนกับด้วน” ก่อให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน ต่อบรรดาชาวกระทิงดุทั้งหลาย ถึงขั้นต้องออกมาป่าวประกาศว่า “พอแล้ว-ไม่เอาแล้ว” สำหรับผู้นำประเทศ อย่างนายกรัฐมนตรี “Pedro Sanchez” ที่นอกจากไม่ได้คิดจะแสดง “ความรับผิดชอบ” ต่อผลกระทบต่างๆ นานา แถมยังออกอาการปานประหนึ่งว่า... “เขาทำเหมือนกับเราโง่...ที่ต้องการให้เราเชื่อว่าปูติน คือผู้ที่ควรถูกตำหนิในสถานการณ์เช่นนี้...” นี่...ถ้าว่ากันตามคำพูด คำจา ของหนึ่งในบรรดาผู้ประท้วง ที่สำนักข่าว “Sputnik” เขารายงานเอาไว้...
แต่แม้ความเดือดร้อน ปั่นป่วน วุ่นวายของบรรดาชาวอียูและอีย้วยทั้งหลาย...จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำอเมริกาในฐานะประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ อย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ท่านก็ยังคงพยายามเดินหน้าในการยุแยงตะแคงรั่ว เพื่อให้บรรดาประเทศอียูทั้งหลาย หันมาร่วมไม้-ร่วมมือ “แซงชั่นรัสเซีย” ให้หนักหนา-สาหัสยิ่งขึ้นไปอีก ถึงขั้นเตรียมจัดประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำอเมริกากับผู้นำอียูและนาโต รวมทั้งกลุ่มประเทศ G7 ในวันพฤหัสฯ นี้ (24 มี.ค.) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยหวังจะหาทางผลักดันให้ประเทศอียู คว่ำบาตรการซื้อน้ำมันและแก๊สจากรัสเซียให้จงได้ส่วนจะมีผลออกมาในรูปไหน คงต้องคอยติดตามเอาเองก็แล้วกัน เพราะแต่ละประเทศออกจะเห็นไปคนละทาง-สองทาง...
ขณะประเภทที่ “กลัวรัสเซีย” แบบอุจจาระขึ้นสมอง อย่างรัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย “นายGabrielius Landsbergis” ออกมายุ ออกมาเชียร์ ให้ใส่กันแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอด ด้วยเหตุเพราะ “น้ำมันและแก๊สคือรายได้หลักของรัสเซีย” ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ “นายMark Rutte” ที่กลับเห็นว่าการแซงชั่นรัสเซียในเรื่องพลังงานนั้น “ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง” อันเนื่องมาจากยุโรปทั้งยุโรปต่างต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียเป็นหลักมาโดยตลอด หรือนายกรัฐมนตรีฮังการี “นายViktor Orban” ที่ออกมาสรุปว่า... “เราประณามรัสเซีย เราไม่เห็นด้วยกับสงคราม แต่เราจะไม่ยอมปล่อยให้ราคาของสงครามต้องถูกจ่ายโดยครอบครัวชาวฮังการีทั้งหลาย...” คือสรุปง่ายๆ ว่าอียูหรืออีย้วย ที่ค่อนข้างจะไม่มีเอกภาพกันมาตั้งแต่แรก หรือตั้งแต่เริ่มต้นความเป็น “สหภาพยุโรป” เอาเลยก็ว่าได้ เริ่มออกอาการ “เสียงแตก” ไปคนละทิศ-ละทาง อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
เยอรมนีนั้น...แม้บินไปขอซื้อแก๊สจากกาตาร์ หรือเปลี่ยนไปซื้อจากอเมริกา แต่กว่าจะขนบรรทุกเรือแล่นอ้อมมายังประเทศตัวเอง ยังไงๆ...ย่อมต้องยุ่งยาก ลำบาก หรือแพงแสนแพงกว่าแก๊สที่ไหลผ่านท่อ “Nord Stream 1-2” ของรัสเซียอยู่แล้วแน่ๆ รวมทั้งประเทศอื่นๆ ทั่วทั้งยุโรป ที่ต้องซื้อแก๊สจากรัสเซียไม่น้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี ดังนั้นประเทศอย่างเยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ฮังการี ฯลฯ ต่างออกอาการ “ไม่อยากด้วน” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ขณะประเทศแถบบอลติกที่ยังคงติดเชื้อไวรัส “Russophobia” ชนิดรักษายังไงๆ ก็ไม่หายกลับอยากให้ใส่กันแบบสุดฤทธิ์ สุดหลอด “ความไม่เป็นเอกภาพ” ที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนในบรรดาประเทศอียูทั้งหลาย เลยทำให้โอกาสเหยียบ โอกาสกระทืบหมีขาวรัสเซียให้ “ตายคาตีน” ลงไปให้จงได้ จึงยิ่งยุ่งยาก ลำบาก ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ขณะที่นักยุแยงตะแคงรั่ว อย่างคุณพ่ออเมริกานั้น...แม้ต้องเจอกับ “ผลกระทบ” จากการ “แซงชั่นรัสเซีย” อยู่พอประมาณไม่ว่าราคาพลังงานที่กลายเป็นตัวผลักดัน “ภาวะเงินเฟ้อ” ภายในประเทศระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ให้หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก แต่ถ้าว่ากันตามตัวเลข สถิติ ขององค์กรเศรษฐกิจและพัฒนาอย่าง “OECD” กรณีวิกฤตยูเครนคราวนี้ อาจส่งผลให้ตัวเลขจีดีพีอเมริกาลดลงไปเพียง 0.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น น้อยกว่าจีดีพีของอียู ที่ว่ากันว่าน่าจะรูดมหาราชลงไปไม่น้อยกว่า 1.5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แถมคุณพ่ออเมริกายังสามารถขายแก๊ส ขายอาวุธ ไปจนถึงการ “หันซ้าย-หันขวา” ยุโรปทั้งยุโรปได้เช่นเดิม ฯลฯ การฉุดกระชากลากถูให้บรรดาประเทศอียูทั้งหลาย ทั้งเกลียด ทั้งกลัว หมีขาวรัสเซียให้มากๆ เข้าไว้ จึงถือเป็นภารกิจหลักของประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์ อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...
อย่างไรก็ตาม...สำหรับประเทศผู้ผลิตน้ำมันวันละเกือบ 7 ล้านบาร์เรลอย่างรัสเซีย แม้การ “แซงชั่น” จะส่งผลให้อ่วมอรทัยไม่น้อยไปกว่าอเมริกาหรือบรรดาประเทศอียูทั้งหลาย แต่ภายใต้ภาวะที่ราคาน้ำมันขึ้นเอาๆ แถมยัง “ขาดแคลน” ซะอีกด้วย โอกาสที่จะหันไปขายน้ำมันให้กับประเทศผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 1 อย่างคุณพี่จีน หรือผู้บริโภคน้ำมันอันดับ 3 อย่างอินเดีย ก็เลยไม่ถึงกับยากมากมายสักเท่าไหร่ แม้มีความพยายามส่งนักล็อบบี้อย่างนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น “นายFumio Kishida” ไปเกลี้ยกล่อมผู้นำอินเดียกันถึงที่ แต่...อี่นี่...แขกไม่คิดจะ “ด้วน” อยู่แล้วนะนายจ๋า!!! ด้วยปริมาณการบริโภคน้ำมันวันละ 5.15 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นถึง 8.2 เปอร์เซ็นต์ในปี ค.ศ.2022 ตามตัวเลขสถิติของ “OPEC” แม้แต่พันธมิตร “อินโด-แปซิฟิก” อย่างอินตะระเดีย ก็คงต้องขออนุญาต “ดัง...แล้วแยกวง” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
ส่วนการคิดหันไปพึ่งพาประเทศมหาเศรษฐีน้ำมันอย่างซาอุดีอาระเบีย ขอให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม ดังที่อดีตประธานาธิบดียูเครน “นายPetro Poroshenko” ผู้มีส่วนชักนำอเมริกาและนาโตให้เข้ามาวุ่นวายกับยูเครนก่อนหน้าประธานาธิบดีคนปัจจุบัน พยายามออกมาชี้แนะ ชี้นำ เรียกร้อง วิงวอน กันแบบดื้อๆ ทื่อๆ นอกจากผู้นำซาอุฯ ไม่คิดจะรับโทรศัพท์จากผู้นำอเมริกาแล้ว โดยแถลงการณ์ของรัฐบาลซาอุฯ ครั้งล่าสุด ก็ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าซาอุฯ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเป็นผู้ “รับผิดชอบ” ต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเอาเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่เพียงการผลิตน้ำมันเพื่อทดแทนน้ำมันรัสเซียวันละ 7 ล้านบาร์เรล ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่กระทั่งโรงกลั่นน้ำมัน “Yanbu Aramco Sinopec” ที่ร่วมหุ้นกับจีน ยังเพิ่งถูกพวก “กบฏฮูตี” ถล่มซะยับเยิน ด้วยเหตุเพราะคุณพ่ออเมริกาดันถอนระบบป้องกันภัยทางอากาศจากซาอุฯ ไปซะก่อนหน้านี้ ดังนั้น...การ “แซงชั่นรัสเซีย” ของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก จึงกลับเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด รวดร้าวกับตัวกูเอง ไม่น้อยไปกว่าฝ่ายตรงกันข้ามชนิดอาจถึงขั้นต้องคอยตามรัก-ตามลุ้นต่อไปว่า ระหว่างอเมริกาและอียู เอาไป-เอามาแล้ว...ใครจะเจ๊งก่อนใครกันแน่???