xs
xsm
sm
md
lg

จุดสิ้นสุดของอเมริกาและโลกตะวันตก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตเชิญชวน ให้ไปมองดู “ป่าทั้งป่า”เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาพลิกใบไม้แต่ละใบ ไม่ว่าที่เรียกๆ กันว่า “โดเนตสก์” “ลูกันสก์” หรือ “ยูเครน” ซึ่งยังคงตกอยู่ในฉากสถานการณ์ตูมๆ-ตามๆ บึ้มไป-บึ้มมา ยังไงก็แล้วแต่ ส่วนใครที่สนใจในรายละเอียด คงต้องคอยติดตามความเคลื่อนไหวในการ “ตั้งโต๊ะเจรจา”ระหว่างฝ่ายรัสเซียและยูเครนเอาเองก็แล้วกัน โดยน่าจะคืบหน้าและก้าวหน้าไปพอสมควร ถ้าฟังจากน้ำเสียงของตัวแทนแต่ละฝ่าย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา...

แต่ที่ต้องเชิญชวนให้หันไปมองดู “ป่าทั้งป่า” ก็อาจด้วยเหตุเพราะเมื่อช่วงวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว (16 มี.ค.) หรือช่วงที่ฉากเหตุการณ์ “วิกฤตยูเครน” ยังคงอยู่ในช่วงระหว่างหน้าข้าว-หน้าเหล้า ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน”ท่านได้ออกมาพูดจา-ปราศรัย ในสิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจ เอามากๆ ในบางช่วง-บางตอน โดยเฉพาะในช่วงที่สรุปเอาไว้ประมาณว่า “การครอบงำทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกตะวันตก...กำลังใกล้ถึงจุดอวสาน” หรือ “ตำนานแห่งความเป็นรัฐที่มั่งคั่งและถือเป็นยุคทองของโลกตะวันตก...กำลังแหลกสลาย” ไปจนถึงการฟันธงและฟันเฟิร์ม ถึงขั้นว่า...ถือเป็น “การสิ้นสุดแห่งยุคสมัย” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

หรือพูดง่ายๆ...อาจถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดเจน ว่าการ “บุกยูเครน” ของหมีขาวรัสเซียเที่ยวนี้ เขาคงไม่ได้คิดเพียงแค่หวังจะงาบดินแดน Donbass อย่าง “โดเนตสก์” “ลูกันสก์” หรือแม้แต่ประเทศยูเครนทั้งประเทศแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับ “โลกตะวันตก” หรือโลกที่อยู่ภายใต้อำนาจ อิทธิพล ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรยุโรปมานานกว่าไม่รู้กี่ศตวรรษต่อกี่ศตวรรษที่ผ่านมานั่นเอง ภายใต้ความเชื่อมั่น ความมั่นอก-มั่นใจ เอามากๆ ว่าสุดท้ายแล้ว...ผู้ที่ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต้องถึงกาลอวสาน ต้องหมดสิ้นยุคทองและก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความแหลกสลาย หรือเดินไปสู่ “จุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัย” เอาเลยก็ว่าได้ ก็คือคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกทั้งหลาย...นั่นแล...

อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจและน่าคิด สะกิดใจเอามากๆ เพราะไม่ว่าการบุกยูเครนจะสำเร็จ-ไม่สำเร็จ ต้องเจอกับการต่อต้านจากกองทัพอาสาสมัคร หรือพวกนิยมลัทธินาซีกันเพียงใดก็ตาม ต้องเจอกับ “สงครามข่าวสาร”ชนิดที่ทำให้หมีขาวรัสเซียต้องกลายสภาพเป็น “ดาวร้าย” เป็น “ตัวโกง” ในละครหลังข่าวเอาง่ายๆ หรือต้องเจอกับ “สงครามเศรษฐกิจ” อันเนื่องมาจากการ “แซงชั่น” แบบสุดแสนหฤโหดจากคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ขนาดไหน เพียงใดก็ตามที แต่ด้วยสายสัมพันธ์ที่รัสเซียมีต่อบรรดาประเทศต่างๆ ภายในโลกใบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ที่กำลังกลายเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกไม่นานนับจากนี้ อย่างเช่นคุณพี่จีน ระดับถือเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” เอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้นี่เอง...ที่น่าจะก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความมั่นอก-มั่นใจ ว่ายังไงๆ หมีขาวย่อมต้อง “เราชนะแล้ว...แม่จ๋า” ค่อนข้างแน่ หรือย่อมทำให้โลกของอเมริกา หรือโลกของตะวันตก ต้องถึงจุดสิ้นสุด จุดอวสาน ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...

คือการที่สายสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีนนั้น...ไม่ใช่แค่ “Side-by-Side” หรือไม่ใช่แค่เคียงบ่า-เคียงไหล่ แต่ยกระดับขึ้นไปถึง “Back-to-Back”ชนิดพร้อมจะหนุนช่วยซึ่งกันและกันอย่างชนิด “ไม่มีข้อจำกัด”ถ้าว่ากันตามความคิด ความเห็นจากข้อเขียน บทความ เรื่อง “China-Russia relations the most important strategic asset that cannot be damaged by US provocation” หรือสายสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีนที่เป็นเสมือนสิ่งมีค่าทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญเอามากๆ อันไม่สามารถถูกทำลายลงไปด้วยการปลุก การกระตุ้น โดยคุณพ่ออเมริกาได้เด็ดขาด ที่เพิ่งได้รับการตีพิมพ์ เผยแพร่ ไว้ในเว็บไซต์สื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” เมื่อช่วงวันศุกร์ (18 มี.ค.) ที่ผ่านมา อันนี้นี่แหละ...ที่ถูกอุปมา-อุปไมยว่าเป็นเสมือน “หอกข้างแคร่”ของคุณพ่ออเมริกาและตะวันตก ขณะกำลังคิดกระทืบหมีขาวรัสเซียให้ “ตายคาตีน”ให้จงได้!!!

เพราะโดยแนวคิดของสื่อทางการจีน อย่าง “Global Times” นั้น...กลับเห็นว่า “เป็นเวลานานมาแล้ว...ที่โลกตะวันตกแปลความหมายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียแบบผิดๆ พลาดๆ” หรือคิดว่าเป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของใคร-ของมันไปตามเรื่อง-ตามราว อันสามารถยุแหย่และสอดแทรกให้เกิดการแยกออกจากกันได้ง่ายๆ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันคือความสัมพันธ์ที่เกิดจากมุมมองต่อความเป็นไปของโลกทั้งโลกในอนาคตเบื้องหน้า หรือตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของโลกทั้งโลกนั่นแหละมากกว่า...

ด้วยเหตุนี้...ความพยายาม “ขู่แล้ว-ขู่อีก” ไม่ว่าของรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ก่อนหน้าการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอล ระหว่างผู้นำจีน-ผู้นำอเมริกาประมาณ 2 ชั่วโมงเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา หรือหลังจากนั้นก็ตาม ว่าจีนอาจต้องเจอกับผลพวงอันสุดแสนหฤโหดตามไปด้วย ถ้ายังคิดช่วยเหลือ เฟือยฟายต่อหมีขาวรัสเซีย ในลักษณะใดๆ ก็ตาม ไม่เพียงแต่ทำให้พญามังกรจีนไม่ได้รู้สึก-รู้สา ไม่ได้คิดจะหงอยๆ ตามคำขู่ดังกล่าวเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ยังพร้อมออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัดเอาไว้ด้วยว่า ความพยายามหยิบเอากรณีการบุกยูเครนมาใช้เป็นเครื่องมือในการแซงชั่นรัสเซียและกดดันจีนควบคู่ไปด้วย นอกจากจีนไม่คิดจะเอามือซุกหีบอยู่แล้วแน่ๆ...แต่ยังพร้อมที่จะตอบโต้อย่างหนักหน่วงต่อการคุกคามผลประโยชน์ใดๆ ก็ตามของบริษัทธุรกิจจีน รวมทั้งการล่วงละเมิดประโยชน์ส่วนบุคคล อย่างชนิดถึงไหนก็ถึงกัน!!!

นี่...ในเมื่อมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 ที่กำลังกลายเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่คิดจะสนใจคำขู่ของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก โอกาสที่จะรุมกระทืบหมีขาวรัสเซียให้ตายคาตีน ย่อมต้องเป็นอะไรที่ลำบากยากเย็นยิ่งขึ้นไปเท่านั้น อีกทั้งไม่ใช่แค่คุณพี่จีนล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น มหาอำนาจทางเศรษฐกิจเอเชียและอันดับต้นๆ ของโลก อย่างคุณปู่อินตะระเดีย ที่ไม่เพียงแต่ “งดออกเสียง” ในการร่วมประณามรัสเซียเท่านั้น แต่ยังพร้อมหันไปซื้อ “น้ำมันรัสเซีย” ไปจนระบบป้องกันภัยทางอากาศ “S-400” โดยแทบไม่ได้สนใจคำเตือน หรือคำขู่ ของคุณพ่ออเมริกาเอาเลยแม้แต่น้อย นั่นยังไม่รวมไปถึงอิหร่าน ปากีสถาน ตุรกี คิวบา เวเนซุเอลา ฯลฯ และอีกหลายต่อหลายประเทศในละตินอเมริกา หรือแม้แต่หนึ่งในประเทศ “BRICS” อย่างแอฟริกาใต้ ที่ผู้นำอย่างประธานาธิบดี “Cyril Ramaphosa”กลับหันไปตำหนิคุณพ่ออเมริกาและนาโต ซะอีกต่างหาก ว่าเป็นต้นเหตุแห่งการก่อ “วิกฤตยูเครน”ขึ้นมาในทุกวันนี้ หรือแม้แต่พันธมิตรที่เคียงบ่า-เคียงไหล่กับอเมริกาในตะวันออกกลาง อย่างอภิมหาเศรษฐีน้ำมันซาอุฯ ที่หันไปคบหากับจีนและรัสเซียซะเฉยเลย พร้อมทิ้งเงินดอลลาร์ หันไปหาเงินหยวน หรือพร้อมที่จะไม่รับโทรศัพท์ของผู้นำอเมริกา ที่พยายามวิงวอน อ้อนวอน ขอให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม หลังจากแซงชั่นน้ำมันรัสเซีย ฯลฯ เป็นต้น...

อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่น่าจะทำให้ผู้นำหมีขาวรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านเลยค่อนข้างมั่นอก-มั่นใจว่า...การครอบงำทางการเมือง-เศรษฐกิจของโลกตะวันตก กำลังใกล้ถึงจุดอวสานอีกไม่นานนับจากนี้ อีกทั้งด้วยมาตรการแซงชั่นที่ย่อมก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าราคาพลังงาน อาหาร สินค้าต่างๆ ฯลฯ ที่พุ่งระเบิดเถิดเทิง ชนิดผู้นำฝรั่งเศส “นายเอ็มมานูเอล มาครง”ต้องออกมาป่าวประกาศในช่วงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเดือนเมษาฯ ว่าไม่เพียงยุโรปทั้งยุโรปอาจต้องเจอกับภาวะ “ขาดแคลนอาหาร”ภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า แต่ประเทศจนๆ ในโลกไม่ว่าแอฟริกาตะวันออกกลาง อาจต้องเจอกับสถานการณ์แบบเดียวกับที่เคยก่อให้เกิดเหตุการณ์ “อาหรับสปริง” อีกครั้งเอาเลยก็ไม่แน่ หรือไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อรัสเซียและฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น แต่กำลังทำให้โลกทั้งโลกพลอยต้อง “ซวยไปด้วย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย ด้วยเหตุนี้...ความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน “เปลี่ยนโลก”หรือ “เปลี่ยนระเบียบโลก” จึงเป็นสิ่งที่โลกทั้งโลกย่อมมิอาจอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปได้โดยเด็ดขาด...




กำลังโหลดความคิดเห็น