xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

จะงอยแอฟริกากับสงครามตัวแทนระหว่างจีน-อเมริกา!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน
ช่วงระหว่างที่ยังไม่ถึงกับมีอะไรใหม่ๆ มากมายสักเท่าไหร่นักสำหรับความเป็นไปของโลก ดังนั้น...วันนี้ เลยคงต้องขออนุญาต ชวนไปแวะแถวๆ บรรดาประเทศในทวีปแอฟริกาเอาไว้สักหน่อย เพราะไม่เพียงแต่เป็นอาณาบริเวณพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระดับ “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” ชนิดแทบจะกลายเป็น “แฟชั่น” เอาเลยก็ว่าได้ สำหรับช่วงปีที่ผ่านมา คือมีทั้งบุกจับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหมใน “มาลี” เมื่อช่วงเดือนเมษายนปีที่แล้ว ลอบสังหารประธานาธิบดี “ชาด” ในช่วงเดือนเดียวกัน ไปจนถึงการรัฐประหารใน “กินี” แบบเดียวกับการปฏิวัติซูดาน เมื่อช่วงไม่ห่างไปจากกันสักเท่าไหร่นัก...

แต่ยังต้องถือเป็นพื้นที่อาณาบริเวณที่ประเทศมหาอำนาจคู่แข่งของคุณพ่ออเมริกา อย่างคุณพี่จีน เขาค่อนข้างให้ความสนใจและความสำคัญเอามากๆ เพราะไม่เพียงแต่มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับบรรดาประเทศในแอฟริกาเมื่อช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา หรือระหว่างปี ค.ศ. 2000-2019 จะเพิ่มพรวดๆ พราดๆ ขึ้นถึงกว่า 20 เท่า ขณะที่ปริมาณเงินลงทุนโดยตรงของบรรดาบริษัทชาวจีนในแอฟริกาเพิ่มขึ้นไปถึง 100 เท่าเอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีน อย่าง “นายหวัง อี้” (Wang Yi) ท่านถือเป็นจุดเริ่มแรก ในการ “เปิดศักราชทางการทูต” แห่งปี ค.ศ. 2022 ด้วยการเดินทางไปเยือนบรรดาประเทศแอฟริกาทั้งหลายอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่แถบแอฟริกาตะวันออก ไม่ว่าประเทศหมู่เกาะเล็กๆ กระจิริด อย่าง “คอโมโรส” (Comoros) ประเทศ “เอริเทรีย” (Eritrea) และ “เคนยา” ฯลฯ หรือบรรดาประเทศอันมีที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณพื้นที่ที่เรียกๆ กันว่า “จะงอยแอฟริกา” (The Horn of Africa) อันหมายรวมไปถึงประเทศเอธิโอเปีย โซมาเลีย และจิบูตี หรือพื้นที่ที่ท่านรัฐมนตรี “หวัง อี้” ท่านประกาศไว้ในระหว่างการเดินทาง ว่าเป็นพื้นที่ที่จีนจะต้องส่ง “ตัวแทนพิเศษ” ไปกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นเหนียว เอาไว้ให้จงหนัก นั่นเอง...

คือเหตุที่ท่านรัฐมนตรี “หวัง อี้” ท่านค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ดังกล่าวเอามากๆ ก็คงไม่ถึงกับถือเป็นเรื่องแปลกมากมายสักเท่าไหร่ เพราะไม่เพียงแต่ “ฐานทัพเรือแห่งแรก” ของกองทัพเรือจีน จะมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเล็กๆ อย่าง “จิบูตี” เท่านั้น บรรดาประเทศต่างๆ ในย่านนี้ยังถือเป็นอาณาบริเวณที่มีความสำคัญเอามากๆ ต่อ “อภิมหาโครงการเปลี่ยนโลก” หรือโครงการ “BRI” (Belt and Road Initiative) ของคุณพี่จีนเขานั่นแหละ เรียกว่า...ไม่เพียงแต่เป็นเสมือน “ปากประตู” จากมหาสมุทรอินเดียมุดเข้าสู่ทะเลแดง ผ่านคลองสุเอซทะลุไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หรือเข้าไปสู่ยุโรป เพื่อลอดเลื้อยเข้าไปโอบกระหวัดรัดพันใครต่อใคร ยังถือเป็นอาณาบริเวณพื้นที่ที่เป็นตัว “ต่อเชื่อม” ในการเรียงร้อย “สายสร้อยไข่มุก” (String of Pearls) อันถือเป็นเส้นทางลัดในการออกสู่มหาสมุทรอินเดีย โดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อมผ่านช่องแคบมะละกาทางด้านใต้ แต่สามารถทะลุผ่านพม่า หรือระเบียงเศรษฐกิจปากีสถาน ได้แบบเรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนจีนได้ไม่ยากส์ส์ส์...

และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของคุณพ่ออเมริกา ที่เรียกๆ กันว่า “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” (Ind-Pacific Strategy) จึงต้องอาศัยแขกอินตะระเดียเป็นเสาหลัก ในการร่วมไม้-ร่วมมือสกัดกั้นการลื่นไหลของคุณพี่จีนในพื้นที่อาณาบริเวณแถวๆ นี้ หรือพื้นที่ด้านปลายสุดของมหาสมุทรอินเดีย อันพอจะใช้เป็นตัวหน่วงเหนี่ยวคุณพี่จีน ไม่ว่าในทางการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงการทหาร ไม่ให้เลื้อยมา-เลื้อยไป ได้โดยอิสระและเสรี ดังนั้นอาณาบริเวณพื้นที่ที่เรียกๆ กันว่า “จะงอยแอฟริกา” จึงมีความสำคัญ ไม่ว่ากับคุณพี่จีนหรือคุณพ่ออเมริกาไปด้วยกันทั้งคู่ ไปด้วยเหตุประการละฉะนี้...

แต่ด้วยเหตุเพราะอาณาบริเวณพื้นที่ดังกล่าว...โดยธรรมชาติปกติ มันอาจไม่ถึงกับสงบเรียบร้อย เรียบนิ่งเป็นปกติมากมายสักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นโซมาเลีย เอธิโอเปีย เอริเทรีย หรือกระทั่งจิบูตี อันเป็นฐานทัพเรือของคุณพี่จีนไปแล้วก็ตาม แต่ปัญหาความขัดแย้ง การกระทบกระทั่งระหว่างบรรดา “ชนเผ่า” ต่างๆ ในแอฟริกา ล้วนแล้วแต่เป็นตัวสร้าง “ปัญหา” ให้กับบรรดาผู้ที่คิดเข้าไปครอบครองพื้นที่เหล่านี้ หรือทวีปแห่งนี้มาโดยตลอด ที่มักอาศัยกรรมวิธีแบบหยาบๆ ง่ายๆ ในการ “ขีดเส้น” แบ่งปันพรมแดน โดยไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์ความเป็นมา ด้านประเพณี วัฒนธรรมและความเชื่อใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การปฏิวัติ-รัฐประหาร ไปจน “สงครามกลางเมือง” ฯลฯ จึงกลายเป็น “ธรรมชาติ” ชนิดหนึ่งของบรรดาประเทศแอฟริกาเอาเลยก็ว่าได้ ชนิดที่ทำให้อดีตผู้นำอเมริกา อย่างประธานาธิบดี “ทรัมป์บ้า” ท่านถึงกับต้องเรียกขานเอาไว้ในนาม “ประเทศหลุมขี้” หรือ “Shithole Countries” เอาเลยถึงขั้นนั้น...

เพราะไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ ก็ตามในแอฟริกา ย่อมสามารถส่งผลสะเทือนต่อผู้ที่พยายามเข้าไปมีบทบาท อิทธิพล ในประเทศเหล่านี้ไม่มาก-ก็น้อย อย่างเช่นการปฏิวัติรัฐประหารในประเทศ “กินี” เมื่อช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว ที่ทำให้มูลค่าอะลูมิเนียมในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี อันเนื่องมาจากเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยแร่ “Bauxite” ที่เอาไว้ผลิตอะลูมิเนียม และทำให้คุณพี่จีนที่เป็นผู้บริโภค หรือเป็นผู้สั่งเข้าแร่ชนิดนี้จากประเทศกินีถึงประมาณ 50 ล้านตันเป็นอย่างน้อยในแต่ละปี ถึงกับต้องเช็กข่าวกันชุลมุนวุ่นวาย ว่าหัวหน้าคณะรัฐประหารกินี หนักไปทาง “โปรอเมริกา” หรือโปรใครกันแน่!!!

การเดินทางไปเยือนแอฟริกาและการให้ความสำคัญกับประเทศในแถบ “จะงอยแอฟริกา” อย่างเป็นพิเศษ ของท่านรัฐมนตรี “หวัง อี้” ในช่วงนี้ จึงไม่ถือเป็นเรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องที่คงต้องพยายามจับตาเอาไว้อย่างชนิดมิอาจกะพริบตา ด้วยเหตุเพราะในพื้นที่แถบนี้ หรือในประเทศเอธิโอเปีย ก็กำลังเกิดความไม่สงบ ความวุ่นวาย อันเนื่องมาจากการปะทะขัดแย้งระหว่างกองกำลังทหารฝ่ายรัฐบาล อย่าง “ENDF” (Ethiopian National Defense Force) กับกองกำลังกบฏ อย่าง “TDE” (Tigray Defense Force) ในภูมิภาค “Tigray” ชนิดพอๆ กับ “สงครามกลางเมือง” ไปแล้วก็ว่าได้ นับจากวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 เป็นต้นมา ด้วยสาเหตุ ต้นเหตุ แบบไหน? อย่างไร? คงไม่น่าต้องเสียเวลาไปปวดเศียรเวียนเกล้า ไปคิดมากหรือคิดเล็ก-คิดน้อยมากมายสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่น่าจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้เลยแม้แต่น้อย ก็คือมหาอำนาจฝ่ายไหน จะหันไป “ถือหาง” ฝ่ายใดกันแน่!!!

อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจเอามากๆ คือขณะที่คุณพี่จีนพยายามลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพัน อย่างนิ่มเนียนและนิ่มนวลเป็นที่สุด คือไม่พยายามสนใจความขัดแย้งทางการเมือง ทางชนชาติ-เผ่าพันธุ์ใดๆ ให้ต้องเสียเวลา หันมาทุ่มเทเงินๆ ทองๆ แบบชนิด “เสี่ยสั่งลุย” ให้กับใครก็ได้ที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล หรือกับบรรดาผู้ที่เคยเดือดร้อนด้านชีวิตความเป็นอยู่ ผู้ที่ขาดแคลนสิ่งสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ฯลฯ แต่กระนั้นก็ตาม...ก็ใช่ว่าจะช่วยให้เกิดความสงบเรียบร้อย เกิดเสถียรภาพ-ความมั่นคง ขึ้นในแต่ละประเทศได้มากมายสักเท่าไหร่ ดังนั้น...ในขณะที่มหาอำนาจคู่แข่งอย่างคุณพี่จีนหันไปถือหางรัฐบาลเอธิโอเปียประธานสมาคม “เสือก” กิตติมศักดิ์อย่างคุณพ่ออเมริกา เลยหนีไม่พ้นต้องหันไปถือหาง “กบฏ Tigray” เพื่อที่จะหาทางลิดรอน ตัดทอน บทบาทและอิทธิพลของคุณพี่จีนในประเทศแถบนี้ หรือในอาณาบริเวณนี้ให้จงได้...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้นักเขียน นักวิเคราะห์ทางการเมืองและด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชาวอังกฤษ อย่าง “นายTom Fowdy” ถึงกับต้องสะท้อนไว้ในข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าด้วยเรื่อง “China’s move in the war-ravaged region are a tactical and strategy gambit” ประมาณว่า อาณาบริเวณพื้นที่แอฟริกา โดยเฉพาะ “จะงอยแอฟริกา” ช่วงนี้ ชักจะมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากช่วง “ยุคสงครามเย็น” เมื่อครั้งอดีต 40-50 ปีที่ผ่านมา หรือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึง “สงครามตัวแทน” ระหว่างมหาอำนาจทั้งสอง ผ่าน “สงครามกลางเมือง” ซึ่งกำลังถูกจุดระเบิดขึ้นมาเป็นจุดๆ ดังนั้น...ท่ามกลางความขัดแย้งของ “มหาอำนาจ” แต่ละฝ่ายที่แทบหาจุดลงตัวกันไม่เจอ...โอกาสนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อย หรือสันติภาพภายในโลกใบนี้ หรือประเทศในซีกโลกไหนๆ ก็ตาม ยิ่งมีความเป็นไปได้...น้อยลงไปทุกที!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น