xs
xsm
sm
md
lg

“ลัทธิสามกีบ” ชังชาติอันเลวร้ายของผู้พ่ายแพ้เสมอในชีวิตจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์


แฟ้มภาพ MGR Online
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาปัญญาและการวิเคราะห์ธุรกิจ
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์


มีปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งผมสังเกตว่ามาพร้อมกับคณะราษฎร 2563 ม็อบทะลุฟ้า ม็อบทะลุแก๊ส ม็อบรีเด็มและม็อบอื่น ๆ ที่เปลี่ยนชื่อไปมาตลอดเวลาจนหาจุดยืนไม่เจอ เพราะว่าเมื่อเจอทางตันเมื่อไหร่ก็เปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่ออย่างอื่น กลบเกลื่อนความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของตนเอง และท้ายที่สุดจะมาปิดฉากสนิทลงตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ว่าขบวนการดังกล่าวและเครือข่ายเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 49 อันเป็นการล้มล้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และจะต้องเจอคดีอีกมากมาย ลงท้ายก็จะต้องติดคุกหัวโต หนีคดี ไม่มีแผ่นดินอยู่

ขบวนการปฏิกษัตริย์นิยม หรือ anti-royalist movement ในช่วงปีสองปีหลังนี้มีความรุนแรงเหิมเกริมบังอาจจาบจ้วง หยาบคายมากมาเท่านี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย โปรดอ่านได้จากบทความ ไม่เคยมีการคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยความถ่อยหยาบช้าเช่นนี้มาก่อน https://mgronline.com/daily/detail/9630000107437

แต่นั่นผมยังไม่รู้สึกเป็นห่วงเท่ากับที่ขบวนการนี้เป็นขบวนการของลัทธิชังชาติแล้วต้องกล่าวว่าเป็นลัทธิอันเลวร้ายเพราะเป็นลัทธิของผู้พ่ายแพ้ในชีวิตจริงหรือ loser in real life

ผมเห็นขบวนการนี้พยายามปลูกฝังให้เยาวชนด่าทอเกลียดชังประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตามจะต้องถูกคนเหล่านี้ bully ด่ากราดว่าร้ายใส่ร้ายป้ายสีและการ bully เหล่านี้

เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เก่งจริง เพราะในโลกนี้มีอีกหลายอาชีพที่ bully กันจนชิน ไม่กลัวการถูก bully และสามารถ bully ตอบกลับเด็กชังชาติ-ล้มเจ้าพวกนี้ได้อย่างง่ายดายแค่พลิกฝ่ามือ โปรดอ่านบทความแค่ “แม่ค้า-แม่เล้า-แมงดา“ ก็เอาม็อบปลดแอกบ้าน้ำลายตายคาที่ https://mgronline.com/daily/detail/9630000117740 เราจึงได้เห็นป้าแม่ค้าระยอง ป้าแม่ค้าอยุธยา ป้าแม่ค้าสมุทรปราการ และอีกสารพัดจังหวัดทั่วไป โต้ตอบกลับกลุ่มชังชาติ-ล้มเจ้าเหล่านี้ได้อย่างอยู่หมัด คล่องแคล่ว จนสมควรได้รับปริญญาเอกทางวาทวิทยากันทีเดียว

ไม่ทราบว่าลัทธิชังชาติของผู้พ่ายแพ้ในชีวิตจริงเหล่านี้มาได้อย่างไร แต่เห็นอะไรก็กล่าวโทษ (Projection) ด่าโทษคนอื่น ไม่ดีเลวไปทั้งหมด ด่าทอประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างหนัก อะไรก็ด่าว่าประเทศไม่ดี แต่งเพลงด่าประเทศตนเองชื่อประเทศกูมี อยากจะอพยพไปใช้ชีวิตในต่างแดน ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้มีความรู้ความสามารถพอที่เขาจะรับเข้าไปอยู่ไปทำงาน ไปทำมาหากินในประเทศเขา เข้าไปเป็นผู้อพยพหรือพลเมืองชั้นสองกันอย่างยากลำบากก็มีให้เห็นมาแล้วมากมาย

การกล่าวโทษคนอื่น และการด่าทอคนอื่น บูลลี่คนอื่นนั้น แท้จริงตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic theory) ของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ถือว่าเป็นกลไกป้องกันตนเอง (Self-defensive mechanism) อย่างหนึ่ง เมื่ออิดหรือจิตใต้สำนึกอันมีความอยากได้ใคร่ดีมีความสุขถูกกดทับด้วยซูเปอร์อีโก้หรือจิตเหนือสำนึก ก็จำเป็นต้องหาทางออกเพื่อป้องกันความเจ็บปวดรวดร้าวในใจตนเอง นั้นคือการกล่าวโทษด่าทอคนอื่น (Projection) ว่าคนนั้นไม่ดี ประเทศไทยไม่ดี ชังชาติ ลัทธิชังชาติจึงเป็นการสมาทานในจิตใจของผู้ที่ไม่สามารถหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ได้ ทางออกที่ง่ายที่สุดคือการด่าทอ ป้ายสี กล่าวโทษ ชังชาติ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจตน ซึ่งหากความขัดแย้งในจิตใจถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังสร้างสรรค์ เราก็จะมุ่งพัฒนาตนเอง ให้ประสบความสำเร็จ หาทางออกที่สร้างสรรค์มากกว่าการด่าทอหรือชังชาติ

แต่พวกลัทธิชังชาติเหล่านี้ หาทางออกของความขัดแย้งในจิตใจในทางที่สร้างสรรค์ไม่ได้ และรู้ว่าตนไม่มีพลังอำนาจทางบวกหรือความคิดสร้างสรรค์ใด ๆ ในการพัฒนาตนเองหรือเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นได้เลย เป็นผู้พ่ายแพ้ในชีวิตจริง ทางออกที่เหลือเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดในใจตนจึงเหลือแค่เพียงการกล่าวโทษด่าทอคนอื่น จนลามไปเป็นลัทธิชังชาติ เกลียดชังประเทศบ้านเกิดเมืองนอนตนเอง และด่าทอประเทศตนเองว่าเลวร้ายไปเสียทุกอย่าง

ดังนั้นลัทธิชังชาติ จึงเป็นลัทธิที่ทำลายชาติอย่างแท้จริง เพราะรังแต่จะด่าทอ กล่าวโทษ สร้างความแตกแยกแต่ไม่คิดแก้ไข ไม่คิดทำสิ่งใดให้ดีขึ้น ไม่หาทางออกที่สร้างสรรค์ ไม่เปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะแค่กล่าวโทษด่าทอประเทศชาติตนเองไปเรื่อย ๆ เท่านี้ก็ได้ระบายความเจ็บปวดในจิตใจตนเองออกไป แต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นอย่างแท้จริงเลย

ลัทธิการเมือง ความเชื่อ หลาย ๆ อย่าง ที่หลายคนคิดว่าม็อบคณะราษฎร (2563) และในชื่ออื่น ๆ มีความคล้ายคลึงกับยุวชนเขมรแดงและเรดการ์ดที่เกิดขึ้นในเขมรและในจีน โปรดอ่านได้จากบทความ การสื่อสารการตลาดดิจิทัลบูรณาการและปฏิบัติการจิตวิทยาไซเบอร์ : ปลุกเยาวชนไทยให้เหมือนยุวชนเขมรแดงและเรดการ์ด ถาวรหรือแค่สายลมแห่งพายุบุแคม? https://mgronline.com/daily/detail/9630000085546เมื่อวิเคราะห์อย่างถ่องแท้ลึกซึ้งก็จะเห็นว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรดการ์ดที่ก่อการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนและยุวชนเขมรแดงนั้น เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนทำอันเป็นการกระทำที่รุนแรงถอนรากถอนโคน (Radical-aggressive) นั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาทำไปเพราะเขาเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาทำจะเปลี่ยนแปลงประเทศชาติให้ดีขึ้นได้ เขาเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าเขาจะลุกขึ้นมาปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศชาติให้ดีขึ้นได้ด้วยมือของเขาเหล่านั้นเอง เขาไม่ได้กล่าวโทษชังชาติประเทศ แม้จะเห็นว่าคนรุ่นเก่าหัวคร่ำครึเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดก็ตาม

ลัทธิเผด็จการฟาสซิสม์ (Fascism) อันเป็นลัทธิเผด็จการขวาจัด อำนาจนิยม ฝักใฝ่ในอำนาจ อันได้แก่ นาซีที่นำโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในเยอรมันนี หรือแม้แต่มุสโสลินีในอิตาลี แม้จะเหยียดเชื้อชาติ เช่น ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว แต่ก็ไม่ได้มีความชังชาติ ในทางตรงกันข้าม มีความเป็นชาตินิยม (Patriotism) อย่างสูงสุด ทำทุกอย่างเพื่อให้อำนาจของประเทศของตนยิ่งใหญ่ รวมศูนย์ ทำเพื่อความเข้มแข็งของชาติ สร้างอำนาจให้ชาติของตน หาได้เฝ้าด่าทอกล่าวโทษชาติของตนอย่างลัทธิชังชาติของไทยในปี 2563 ก็หาไม่

แม้กระทั่งคณะราษฎร (2475) เอง ก็หาได้ปลูกฝังลัทธิชังชาติให้กับประชาชน ในทางตรงกันข้ามคณะราษฎรปลูกฝังลัทธิชาตินิยมอย่างเข้มข้นและเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ต้องการส่งเสริมให้คนไทยรักชาติ แม้กระทั่งเพลงบ้านเกิดเมืองนอน ก็แต่งในปี 2488 และชนะเลิศได้รับรางวัลในการจัดประกวดเพลงปลุกใจรักชาติ โปรดอ่านได้จากบทความ แยกแยะคณะราษฎร 2475 กับ คณะราษฎร 2563 ออกจากกันได้ด้วยเพลงบ้านเกิดเมืองนอน https://mgronline.com/daily/detail/9640000100608

ในขณะที่คณะราษฎร (2563) ปลูกฝังลัทธิชังชาติ กล่าวโทษประเทศชาติ ด่าทอประเทศชาติ และมีพฤติกรรมขายชาติด้วย คือรับเงินต่างชาติเข้ามาเคลื่อนไหวล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยอย่างชัดเจน

ผมมีความเห็นว่าลัทธิล้มเจ้า เป็นภัยต่อสถาบันหลักของชาติ ต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นภัยสำหรับผู้ที่แสดงออกอย่างไม่ถูกต้อง แต่หากมีความฉลาดพอ เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็ยังไม่ต้องคดีใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ให้เด็ก ๆ ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เข้าคุกหัวโตไป โดยตนเองยุยงปลุกปั่น ให้ความคิดอยู่เบื้องหลัง ไม่ออกหน้า ไม่พูดเอง

ส่วนลัทธิชังชาติ นั้น ถ้าวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีทางจิตวิทยาแล้ว คนที่สมาทานลัทธิชังชาติ จะขาดการพัฒนาตนเอง สร้างปัญหาความแตกแยกขัดแย้งในสังคม กล่าวโทษด่าทอทุกสิ่งอย่าง เป็นพลังทางลบที่ทำให้คนที่สมาทานลัทธิชังชาติขาดความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เพราะมัวแต่ด่าทอกล่าวโทษคนอื่นอยู่ร่ำไป ไม่ได้คิดแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น

ในภาพรวมสำหรับประเทศชาตินั้น ลัทธิชังชาติ ร้ายแรงกว่าลัทธิล้มเจ้า เพราะหากลัทธิล้มเจ้าทำได้สำเร็จ ซึ่งเอาเข้าจริงไม่มีทางทำได้สำเร็จ สถาบันจะหายไปจากประเทศไทย แต่ประเทศชาติอาจจะยังคงอยู่ แต่ถ้าคนไทยทุกคนสมาทานลัทธิชังชาติเข้ามาไว้ในใจตนกันทุกคนแล้ว ประเทศก็จะไม่อาจจะดำรงอยู่ได้ เพราะจะด่าทอกล่าวโทษกันไปมา ไม่มีใครลุกขึ้นมาพัฒนาแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น

ลัทธิชังชาติจึงเป็นลัทธิของผู้พ่ายแพ้อย่างแท้จริงในชีวิตจริง เป็นลัทธิของคนที่ด่าเงาและความมืดแทนที่จะจุดไฟในความมืด แม้จะเป็นเพียงแสงอันริบหรี่เพียงชั่วคราวก็ยังดีกว่าเสียงด่าเงาและความมืดที่ดังก้องยาวนานแต่ไม่เกิดประโยชน์อันใดและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น