ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
Your silence gives consent. --- Plato
การนิ่งเงียบของคุณคือการให้ความยินยอม – เพลโต
If you were to remain silent, I’d be guilty of complicity. -- Albert Einstein
ถ้าหากคุณยังคงนิ่งเฉย ฉันจะรู้สึกผิดว่าได้ร่วมกระทำความผิดนั้นด้วย --อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
In the end, we will remember not the words of our enemies, but the silence of our friends.
Martin Luther King Junior
ท้ายที่สุดเราจะไม่ได้จดจำคำพูดของศัตรูของเรา แต่จะจดจำการนิ่งเฉยของคนที่เป็นเพื่อนของเรา --
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
วันก่อนผมได้สนทนากับอาจารย์ผู้ใหญ่ที่สอนด้านวรรณคดี ท่านได้กรุณาให้ข้อคิดและข้อวิจารณ์ม็อบเยาวชนปลดแอกไว้อย่างน่าสนใจมากว่า
ข้อหนึ่ง ม็อบปลดแอกและคณะราษฎรล้มเจ้า สุรชัย ตลอดจนพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกล ทั้งหมด เป็น ม็อบน้ำลาย อาศัยการประดิษฐ์วาทกรรมเพื่อบูลลี่หรือคุกคามด้วยความรุนแรง ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพ รัฐบาลและประชาชนผู้เห็นต่าง โดยการใช้วาจารุนแรงหยาบคาย ใช้ข้อความอันเป็นเท็จโกหก ไม่อยู่กับร่องกับรอย สับปลับ เปลี่ยนไปมา สำหรับกลุ่มเด็กนักเรียนเลว ก้าวร้าวมาก ใช้คำหยาบคาย กลุ่ม LGBT ที่ร่วมด้วยในกลุ่มนี้ก็จัดการแสดงล้อเลียนสถาบันอย่างเลวร้ายจนทำให้คนไทยทนไม่ไหว ทำให้คนดีๆ ที่ไม่เคยไปแสดงพฤติกรรมหยาบคายหรือบูลลี่ใคร หรือผู้ดี ไม่อาจจะไม่ต่อกรได้ เพราะไม่เคยทำเช่นนี้ในชีวิตประจำวัน และถูกสั่งสอนมาว่าเป็นคนดีไม่ควรจะทำเช่นนี้ จนทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าทัวร์จะลง กลัวว่าจะถูกบูลลี่
ข้อสอง พวกล้มเจ้าเหล่านี้ เก่งในทางบูลลี่ ทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ แต่ปรากฏการณ์ที่เห็นอย่างหนึ่งคือ ธนาธร หรือ พรรณิการ์ หรือช่อ ไปไม่เป็น เถียงไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่อาจจะบูลลี่สู้กับแม่ค้าในตลาดที่มาคนเดียวยังไม่ได้เลย ธนาธรจะพยายามเถียงกลับ หรือบูลลี่กลับอย่างไร แม่ค้าก็ไม่ยอมฟัง และธนาธรจะมาเรียกร้องให้แม่ค้าฟังก็ไม่ได้ เพราะตัวเองก็พร่ำสอนเสมอว่าให้ฟังคนเห็นต่าง ดังนั้นธนาธรก็ต้องฟังคนที่เห็นต่างกับตัวเองด้วย แม้ว่าแม่ค้าจะไม่ได้เรียนหนังสือสูงเท่าธนาธร แต่แม่ค้ามีจุดยืนที่ชัดเจนมาก ยืนหยัดในข้อเรียกร้องและความคิดเห็นของตน ไม่ว่าธนาธรจะบิดไปทางไหน ด้วยเหตุผลอะไร แม่ค้าก็จะยืนหยัดกลับมาที่จุดเดิมว่าให้เลิกจาบจ้วงสถาบัน ไม่ว่าธนาธรจะเถียงไปทางไหน แม่ค้าก็เอาอยู่ แม้ว่าแม่ค้าจะฉุนเฉียว โกรธ และใช้เส้นทางสายอารมณ์อันดุเดือด โกรธแค้น แต่แม่ค้าก็เถียงชนะ จนธนาธรได้แต่ยิ้มแหย ๆ ยิ้มแห้ง
หลังจากนั้นธนาธรกับคณะ ก็ต้องปรับแผนไปหาเสียงในป่าในเขา ไปหาเสียงในโรงแรม ที่มีแต่การจัดตั้งและระดมพรรคพวกของตนไปรอต้อนรับ อันเป็นการสร้างภาพ แถ และโกหกด้วยการจัดฉาก แต่ในความเป็นจริงคือ ธนาธร ไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงไปหาเสียงในตลาดหรือชุมชนที่จะเจอแม่ค้าบูลลี่ใส่อีกรอบทุก ๆ ที่ที่เดินทางไป ธนาธรเองไม่พร้อมจะเผชิญกับการบูลลี่จากแม่ค้าในตลาด ทั้ง ๆ ที่เรียนมาสูงกว่า และมีความรู้มากกว่า
สาม อาชีพ แม่ค้าในตลาด แม่เล้า และแมงดา เป็นอาชีพที่ต้องบูลลี่แทบทุกนาทีในชีวิตประจำวัน แม่ค้านั้นต้องบูลลี่แม่ค้าด้วยกันเอง ในการแย่งขายของ แย่งลูกค้า แย่งแผงตั้งขายของ หรือแม้แต่บูลลี่ลูกค้าที่ร้ายกาจ ดังนั้นแม่ค้าในตลาดคือนักบูลลี่มือทองที่เหนือชั้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากมาย มากกว่าม็อบน้ำลายปลดแอก มากกว่าธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พูดง่าย ๆ ว่าพวกหลวงประดิษฐ์วาทกรรมคุกคามสถาบัน เหล่านี้ แพ้ทางแม่ค้าปากตลาดอย่างไม่มีทางเทียบได้เลย กระดูกคนละเบอร์ และแม่ค้าเหล่านี้ไม่เกรงกลัวต่อการบูลลี่ด้วย เพราะทุกวันเจอการบูลลี่อยู่แล้ว ส่วนพวกม็อบน้ำลายปลดแอก เป็นแค่มือสมัครเล่นในการบูลลี่ หาใช่เป็นของจริงและต้องบูลลี่ในชีวิตจริงไม่ แค่ฮึกเหิม หยาบคาย ได้ใจ เมื่อเห็นคนอื่นกลัวที่ตนเองบูลลี่ได้ แต่ถ้าเจอของจริง พวกนี้จะกลัวแม่ค้าในตลาดหัวหด กระดูกอ่อนกว่ากันมาก
เช่นเดียวกันกับอาชีพ แม่เล้าและแมงดา ที่ต้องคุมซ่อง และควบคุมผู้หญิงร้าย ๆ ตลอดจนกำราบลูกค้าเจ้าพ่อเกกมะเหรกเกเรร้าย ๆ เช่นกัน คนเหล่านี้รู้วิธีกำราบหญิงร้ายทั้งหลายแหล่ และทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเป็นอาชีพ พวกนักเรียนเลวที่มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นนักเรียนหญิง ม.ปลาย บางคนมาเรียกร้องขอขายอวัยวะเพศหญิงแบบถูกกฎหมาย และตะโกนด่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่าไอ้เหี้ย ด้วยคำหยาบคาย ก้าวร้าว เกรี้ยวกราดอื่น ๆ อีกมากนั้น แล้วได้ใจว่าตัวเองบูลลี่เก่ง ต้องเจอกับแม่เล้าและแมงดาของจริง ที่บูลลี่หญิงร้าย ๆ ระดับกะหรี่หรือโสเภณีขายตัวที่หลายคนก็ร้ายกาจมาก ตลอดจนแขกระดับเจ้าพ่อที่เกกมะเหรกเกเร อาชีพแม่เล้าหรือแมงดานี้ เขาต้องบูลลี่และมีวิธีพูดที่จะปรามหรือด่าคนร้าย ๆ เหล่านี้เอาจนอยู่หมัด ยกตัวอย่างเช่น เด็กนักเรียนเลวที่เรียกร้องจะขาย x นั้น หากเจอแม่เล้า แล้วแม่เล้าตะโกนท้าว่ามา จะพาไปขาย x จริง ๆ แล้ว xx อย่าร้องนะ หรืออะไรต่าง ๆ ที่แม่เล้าจะพรรณนาออกมาด่า แค่นึกภาพก็คิดออกได้เลยว่า เอาไม่อยู่
ส่วนแมงดาถ้าได้แบบหน้าเหี้ยม ๆ หื่นกามมายืนหลังแม่เล้า ตอนที่แม่เล้าตะโกนด่านักเรียนเลว ไม่ต้องทำอะไรมาก ยืนมองด้วยสายตาอำมหิตหรือลวนลามทางสายตาจะจับเด็กนักเรียนเลวหญิงพวกนี้ไปทำเมีย เด็กพวกนี้ยังอ่อนโลกนัก เจอของจริงที่บูลลี่จริงผ่านการทำมาหากินอย่างนี้จริง ๆ ไม่มีทางสู้ได้
เรียกได้ว่าแพ้ทางกันอย่างแรง ท่านอาจารย์ผู้ใหญ่กรุณาอธิบายให้ฟังว่าการเรียนวรรณคดี ไม่ได้เปล่าประโยชน์ทำให้รู้จักวิเคราะห์ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัว ทำให้รู้ว่าเมื่อเจอตัวละครร้าย ๆ ก็ต้องส่งตัวละครที่ร้ายยิ่งกว่าลงไปปะทะ จึงจะเอาอยู่ สู้กันได้ สมเหตุสมผล สมจริง การเรียนวรรณคดีช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ทั้งด้านมืดและด้านสว่าง อันนิสัย บุคลิกภาพ และพฤติกรรมของมนุษย์นั้นเป็นสัจธรรม เรียนรู้ได้จากวรรณคดีโบราณไปจนถึงวรรณคดีปัจจุบัน ผมได้แต่รับฟังด้วยความทึ่งในความวิเศษของวรรณคดีวิเคราะห์และวรรณคดีวิพากษ์ ว่าสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและในเรื่องสำคัญเช่นเรื่องของชาติบ้านเมืองได้
เราคงไม่อาจจะปฏิเสธความจริงได้ว่า การศึกย่อมไม่หน่ายอุบาย จะเรียกว่ากุศโลบายก็ย่อมได้ แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ เพราะนี่คือการทำสงครามแย่งชิงมวลชนมีเดินพันเป็นความมั่นคงของชาติและราชบัลลังก์
ส่วนการหาแม่เล้า แมงดานั้น ไม่ได้เป็นเรื่องยาก ใครคุมซ่องในประเทศไทยก็คงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร และยิ่งมีอำนาจอยู่แล้ว เจ้าของกิจการเหล่านี้ก็พร้อมที่จะทำเพื่อเอาใจ เช่นเดียวกับที่อยากจะทำอยู่แล้วเพราะหมั่นไส้ม็อบน้ำลายปลดแอกและนักเรียนเลว
ข้อสี่ กองร้อยน้ำหวาน ที่ประกอบด้วยทหารหญิงและตำรวจหญิง หากไปปะทะกับม็อบนักเรียนเลวที่เต็มไปด้วยเด็กผู้หญิงวัยรุ่นที่ร้าย ๆ และแรงมากนั้น แพ้ทางอย่างแน่นอน เพราะตำรวจและทหารหญิง ถูกฝึกอบรมให้อยู่ในระเบียบวินัย ไม่สามารถร้ายตอบกลับได้ บูลลี่ใครก็ไม่เป็น หลายคนยังเป็นโสด ไม่เคยมีสามี ไม่เคยมีลูก ประสบการณ์ชีวิต อาจจะน้อยกว่าเด็กผู้หญิงในม็อบนักเรียนเลว ที่อาจจะมีแฟนหรือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ๆ ก็เป็นไปได้ จะเอาอะไรไปเถียงสู้กับเด็กผู้หญิงร้าย ๆ เมื่อถูกบูลลี่มาจากนักเรียนเลว ก็อาจจะแค่ได้แต่ยิ้มหรือนิ่งเฉย ไม่อาจจะบูลลี่ตอบกลับอะไรได้ทั้งนั้น กลายเป็นว่ากองร้อยน้ำหวานนั้นกลัวนักเรียนเลว เพราะไม่เคยฝึกให้บูลลี่ อย่างมากสุดก็ถูกฝึกให้ยิงปืน มีลูกกระสุนจริงหรือปาระเบิด แต่กองร้อยน้ำหวานไม่เคยถูกฝึกให้ใช้ฝีปากและน้ำลายเป็นอาวุธ ย่อมพ่ายแพ้แก่กลุ่มนักเรียนเลวอย่างหมดรูปและหมดสภาพ ได้แต่ยอมนิ่งเฉย
ข้อห้า การยอมนิ่งเฉยเป็นการยอมรับ การยอมรับกลายเป็นการร่วมกระทำผิด และการยอมรับจะกลายเป็นการเสริมแรงให้ม็อบน้ำลายปลดแอกหรือเด็กนักเรียนเลว ยิ่งได้ใจ ยิ่งเป็นการเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) เพราะการยอมรับเป็นการแสดงความกลัว และเป็นการให้รางวัลกับพฤติกรรมบูลลี่ของม็อบปลดแอกด้วยน้ำลายเหล่านี้
ถ้าบ้านเราเองมี ปู่ย่าอาม่าอากงของเราถูกวัยรุ่นปากซอยขว้างก้อนหินทุกวัน ถูกเขย่าประตูจะเข้ามาเผาบ้าน ตะโกนด่าทุกเช้าเย็น แต่ไปแจ้งความ เจอตำรวจบอกว่า ช่างมันเถอะครับ อย่าไปโต้ตอบ คนอื่นในซอยเขาก็ระอามันเอง คุณจะเห็นด้วยไหม
แล้วท่านเป็นใคร ท่านคือคนที่ปู่ย่าอาม่าอากง กราบไหว้นะ พวกคุณปล่อยท่านกับครอบครัวให้ทนอยู่ตามลำพัง วันแล้ววันเล่า ได้ไง ถ้าท่านถูกเพื่อนบ้านด่าเอาๆ แล้วท่านเงียบ เพื่อให้บ้านอื่นๆ ในซอยที่แห่ออกมามอง เข้าข้างท่าน ท่านว่าไอ้เพื่อนบ้านคู่อริมันจะเงียบทันที ที่เห็นท่านเงียบ
หรือมันจะด่าเอา ๆ แล้วเสริมว่า พี่น้องครับ เห็นมั้ยมันไม่กล้าเถียงผมเลย เพราะมันผิดจริง พี่น้องคงเห็นแล้วว่าใครถูก
การนิ่งเงียบจึงเป็นผลเสียร้ายแรงมาก และเป็นวิธีที่ผิดเมื่อเจอกับคนชั่วบูลลี่
ข้อหก มีสำนวนฝรั่งข้อหนึ่งว่า Better hate than ridicule การเกลียดชังเป็นศัตรูยังดีกว่าการเป็นตัวตลก คือศัตรูยังมีความเก่งกล้า แต่ถ้าเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะ หรือสาแก่ใจกันทั้งเมือง มันหมดท่าจริงๆ รัฐบาลและตำรวจหรือกองทัพ ควรต้องคิดว่าจะเป็นที่เกลียดชัง หรือจะเป็นตัวตลก ไร้น้ำยาในสายตาประชาชน แล้วประชาชนจะทนไม่ได้ต้องออกมาใช้ความรุนแรงด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ โปรดอ่านบทความ คำพยากรณ์ 7 จุดเปลี่ยนผ่านบ้านเมืองของเรา https://mgronline.com/daily/detail/9630000116937
หากมีแม่ค้า แม่เล้า หรือแมงดา เอาเป็นว่าให้แม่ค้าผู้หญิง แม่เล้าผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ มีจำนวนมากเพียงพอ เริ่มต่อต้านม็อบ แต่งกายเรียบร้อย ท่าทางเก่ง แรง ไม่กลัวม็อบ เสียงดัง เกรี้ยวกราด ด่าเก่ง ด่าเป็นชุด ลงไม้ลงมือเป็น ตบเป็นตบ พร้อมเสียค่าปรับฐานทะเลาะวิวาท 500 บาท แต่ไม่มีอาวุธอะไร นอกจากมือเปล่า ๆ ไปเจอกับแกนนำม็อบน้ำลายปลดแอกล้มเจ้า ไปเจอกับนักเรียนเลว คนพวกนี้ตามลักษณะนิสัยของตัวละครเจอของจริง กระดูกเบอร์เหนือกว่า บูลลี่มามากกว่า และถูกบูลลี่มามากกว่าจนทนทานมากเป็นพิเศษ ของปลอม ๆ กระดูกอ่อนที่คิดว่าตนเองเก่งก็จะหมดท่า แพ้ทางกันอย่างแรง เพราะฉะนั้น เมื่อไรม็อบกลายเป็นเรื่องให้ฮา เช่นตบกันกระจาย แบบสภาไต้หวันยุคก่อน เมื่อนั้นความน่าเกรงขามของม็อบก็จะหมดไป
ผมนำบทวิเคราะห์โดยใช้วรรณคดีมาลองให้อ่านกันดู ผมคิดว่ามีสาระและเป็นประโยชน์ อย่างน้อยก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะปรามม็อบน้ำลายล้มเจ้าได้ผลดีมากกว่าที่ตำรวจฉีดน้ำใส่ หรือจะให้กองร้อยน้ำหวานไปเผชิญนักเรียนเลวเพียงลำพัง ซึ่งแพ้ทางและสู้ไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ก็ขอให้คิดกันให้รอบคอบ ด้วยสติและปัญญาก่อนจะลงมือทำสิ่งใด ๆ ครับ