xs
xsm
sm
md
lg

1 อาทิตย์เต็ม : ที่รัสเซียเด่นสุดๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



เมื่อราคาน้ำมันดิบวิ่งไปถึง 86 เหรียญช่วงตุลาคมนี้ ทำเอาประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบได้ลืมหน้าลืมตากลับมาฟู่ฟ่าได้อีกครั้ง หลังจากเมื่อต้นปีที่แล้วราคาน้ำมันดิบถึงกับติดลบ (ช่วงเมษายน) แต่เมื่อได้พบวัคซีน และระดมฉีดกันในประเทศมั่งคั่ง จนนำมาสู่การเปิดเศรษฐกิจ-เปิดบ้านเปิดเมือง-ตลอดปีที่กำลังจะจากไปนี้

ขนาดรับสมัครนักบินเพิ่มไม่ทันในสหรัฐฯ ในช่วงหน้าร้อนกลางปีนี้ พร้อมๆ กับการเพิ่มเที่ยวบินอย่างมโหฬาร รับกับการกลับมาท่องเที่ยวอย่างชนิด “แก้แค้น” สำหรับผู้คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว และอัดอั้นกับการถูกกักอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ก็ต้องถึงเวลาปลดปล่อย

ทำเอาราคาน้ำมันพุ่งกระฉูด พร้อมกับราคาแก๊สธรรมชาติที่พุ่งขึ้นเช่นกัน เพื่อไปผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อส่งพลังงานไปยังโรงงานที่ต้องเพิ่มการผลิตสินค้าอย่างบ้าคลั่ง หลังจากเศรษฐกิจฟื้นขึ้นมาจากล็อกดาวน์

ความมั่งคั่งได้กลับมาสู่รัสเซียอีกครั้ง เพราะรัสเซียส่งออกทั้งน้ำมันดิบ และแก๊สธรรมชาติเป็นเจ้าใหญ่ของโลก

ซึ่งในอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้เห็นแต่กิจกรรมสำคัญๆ ของรัสเซียในเวทีโลก และสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติอย่างรัสเซีย จะไม่รั้งรอที่จะใช้ความมั่งคั่งของตน ในการแผ่อำนาจบารมีไปในส่วนต่างๆ ของโลก

เริ่มจากการทำลายประวัติศาสตร์ด้วยการจัดซ้อมรบทางทหารร่วมกับกองทัพของประเทศอาเซียน ที่บริเวณชายฝั่งของอินโดนีเซีย ซึ่งเกิดขึ้นจากการริเริ่มของฝ่ายกลาโหมเวียดนาม (และเป็นประเทศที่เคยสนิทแนบแน่นกับโซเวียตในยุคสงครามเย็น)

สำหรับเวียดนามแล้ว การดึงเอากองทัพรัสเซียเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคอาเซียนคงหนีไม่พ้น การมาถ่วงดุลกับจีนซึ่งยังคงเป็นคู่กรณีกับสมาชิกหลายประเทศของอาเซียน ในกรณีที่จีนประกาศว่าทะเลจีนใต้ในบริเวณเส้นประ 9 เส้นเป็นน่านน้ำ/น่านฟ้าของจีน ซึ่งเป็นแหล่งอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ (น้ำมัน-แก๊สธรรมชาติ) ซึ่งยังไม่ได้ทำการสำรวจอย่างจริงจังรอบด้าน-และยังเป็นแหล่งชุกชุมของสัตว์น้ำอีกด้วย

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็เพิ่งประชุมสุดยอดอินโด-แปซิฟิกของกลุ่ม Quad เมื่อต้นปี (หลังจากปธน.ไบเดนเริ่มเข้ามาบริหาร) และสหรัฐฯ ก็เพิ่งจัดตั้งกลุ่ม AUKUS ไปหมาดๆ ทำให้ทะเลจีนใต้ดูร้อนฉ่า ซึ่งจะมีกองเรือรบจากกลุ่ม Quad, กลุ่ม AUKUS มาถึงการฝึกซ้อม...ซ้ำยังจะมีเรือดำน้ำปรมาณูของกลุ่ม AUKUS วิ่งเพ่นพ่านอยู่ด้วย!

จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลก ถ้ากลุ่มอาเซียนจะยินดีอ้าแขนรับคำเชิญของรัสเซีย ที่จะมาซ้อมรบด้วย เพื่อเป็นการถ่วงดุลกับทั้งจีน และสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์บางคนถึงกับอ่านสัญญาณว่า รัสเซียที่กำลังกอดคอร่วมหัวจมท้ายกับจีน ผนึกกำลังเพื่อสู้กับสหรัฐฯ (ทั้งใน BRICS, SCO, AIIB, BRICS Bank เป็นต้น) โดยมีการซ้อมรบร่วมกันในหลายน่านน้ำ...แต่กลับมาซ้อมรบร่วมกับอาเซียน เสมือนหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนจีน, มิตรร่วมรบ, ว่าการแผ่อำนาจจากจีนในเขตทะเลจีนใต้ เป็นสิ่งที่เกินเลยจากขอบเขตที่จีนเคยย้ำนักย้ำหนาว่า จีนไม่เคยเป็นจักรวรรดิที่เข้าไปล่าอาณานิคมยึดครองดินแดนของคนอื่น (ต่างกับฝั่งตะวันตกที่ชอบไปยึดครองประเทศอื่นๆ เป็นอาณานิคม)

และเมื่อต้นอาทิตย์นี้เอง ปธน.ปูติน ก็ได้เดินทางไปประชุมสุดยอดกับผู้นำอินเดีย (ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ในกลุ่ม Quad) ถึงกับลงนามความร่วมมือด้านการทหารและการค้าหลายฉบับ...หนึ่งในนั้น รัสเซียจะขายอาวุธทันสมัยให้อินเดีย ซึ่งท้าทายข้อตกลงที่อินเดียได้ทำไว้กับสหรัฐฯ (กรณีที่สหรัฐฯ ยอมขายอาวุธล้ำสมัยให้อินเดีย จะมีเงื่อนไขที่อินเดียต้องไม่ซื้ออาวุธจากประเทศคู่แข่งของสหรัฐฯ...เกรงเรื่องความลับรั่วไหลพัวพันไปถึงการสืบราชการลับ)...และถึงขนาดที่อินเดียจะร่วมกับรัสเซียในการผลิตยุทโธปกรณ์ร่วมกัน!!

จนท้ายอาทิตย์ ด้วยการประชุม (ทางไกล) สุดยอดระหว่างปูตินและไบเดนยาวถึง 2 ชั่วโมง (อย่าลืมหักลบการแปลภาษาด้วย) ซึ่งประเด็นร้อนก็คือ ทางประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป กำลังถูกเรียกร้องจากยูเครนว่ามีทหารรัสเซียมาอยู่ในชายแดนที่ติดรัสเซีย โดยบางส่วนของยูเครนตะวันออกมีทหารรัสเซียเข้ามายึดครองตั้งแต่ 2014 ถึงประมาณ 1 แสนคน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์...รมต.กลาโหม และปธน.ยูเครน (อดีตพระเอกดาราหนัง) แจ้งต่อนาโตว่า ข่าวกรองคือ รัสเซียจะบุกยึดยูเครน (รวมทั้งเมืองหลวงเคียฟ) ในเดือนมกราคมนี้

ทั้งๆ ที่ยูเครนยังไม่ใช่สมาชิกนาโต (เพราะตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย และยูเครนเป็นเอกราช...ได้มีการตกลงอย่างไม่เป็นทางการว่า นาโตจะต้องไม่ขยายเข้ามาจนประชิดเขตแดนรัสเซีย ซึ่งจะคุกคามรัสเซีย) แต่นาโตและสหภาพยุโรปพยายามขยายอิทธิพลเข้าไปถึงยูเครน จนได้ขับผู้นำยูเครน (ที่ใกล้ชิดกับรัสเซีย) เพื่อได้ผู้นำที่หนุนหลังโดยนาโตและสหภาพยุโรป

จนในปี 2014 รัสเซียก็ได้ส่งทหาร (อย่างไม่เป็นทางการ) เข้ายึดฝั่งตะวันออกของยูเครน และสภาของดินแดนไครเมีย (ตอนใต้ของยูเครน) ถึงกับลงมติขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซีย

ปีนั้นเอง ปธน.โอบามาได้ขับรัสเซียออกจาก G8 และคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซียอย่างสาหัส

วันนี้รัสเซียแข็งแกร่งกว่าเมื่อปี 2014 (หลังจากเลือดตาแทบกระเด็นจากการคว่ำบาตรของตะวันตกปี 2014) ปูตินได้ขยายความเติบโตไปยังฝั่งตะวันออกไกล (Vladivostok) จนเป็นแหล่งอู่ข้าวอู่น้ำและอุตสาหกรรมใหม่ รวมทั้งการขยายเมืองไปทางขั้วโลกเหนือ (ที่น้ำแข็งละลายจากโลกร้อน) และพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์เร็วกว่าเสียงอีกมากมาย

แม้ไบเดนจะขู่ว่า สิ่งที่สหรัฐฯ ยังไม่ได้ทำกับรัสเซียเมื่อ 2014 ตอนนี้สหรัฐฯ จะนำออกมาใช้ (คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ) แต่รัสเซียก็ยิ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของสหภาพยุโรปด้วย โดยเฉพาะท่อน้ำมัน/แก๊ส Nord Stream 2 ที่ใกล้จะเสร็จอยู่แล้ว จะเป็นจุดต่อรองที่สำคัญของรัสเซีย

ยังมีการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ที่บทบาทของรัสเซียในประเทศ 5+1 ก็มีความสำคัญยิ่ง...โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันที่กำลังเดินหน้าไปสู่ 100 เหรียญ และดันเงินเฟ้อพุ่งขึ้นทั้งสหรัฐฯ และยุโรป จนส่งผลทางการเมืองต่อไบเดนอย่างมากขณะนี้

น่าติดตามว่าบทบาทการเจรจาของไบเดน (ที่เขาเน้นว่า การทูตกำลังกลับมา-Diplomacy is Back) จะยื่นหมูยื่นแมวเกลี้ยกล่อมเศรษฐีน้ำมันอย่างรัสเซียได้ขนาดไหน


กำลังโหลดความคิดเห็น