xs
xsm
sm
md
lg

จีนกับการบุกเกาะไต้หวัน???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน
อย่างที่ว่าไว้แล้วเมื่อวานนี้นั่นแหละว่า สำหรับ “แนวรบยุโรปตะวันออก” จะไปไกลถึงขั้นรัสเซียคิดจะบุกยูเครนหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงขึ้นอยู่กับรายการ “อย่าแหย่เสือหลับ” หรือ “หมีหลับ” ไปตามสภาพ แต่สำหรับ “แนวรบทะเลจีนใต้” นั้น “พญามังกรจีน” ที่ไม่ถึงกับ “ดุ” มากมายสักเท่าไหร่ หนักไปทางถนัดในการลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพัน ใครต่อใครซะมากกว่า จะถึงขั้นต้อง “บุกไต้หวัน” หรือไม่? อย่างไร? อันนี้นี่แหละ...ที่หลายต่อหลายรายพยายามจับจ้อง จับตา อย่างชนิดมิอาจกะพริบตา...

ด้วยเหตุเพราะข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแนวรบด้านนี้...ออกจะเป็นอะไรที่ร้อนแรง ร้อนฉ่า มาโดยตลอด ชนิดไม่ว่านักยุทธศาสตร์อเมริกา ญี่ปุ่น ไปจนถึงไต้หวัน ต่างคิดว่า “ความเป็นไปได้” ในเรื่องนี้ อาจอุบัติขึ้นมาภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเอาเลยถึงขั้นนั้น!!! เพราะการกรีธาทัพส่งเครื่องบิน เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือรบ เรือดำน้ำ ฯลฯ ของแต่ละฝ่าย เข้าไปแล่นป้วนๆ เปี้ยนๆ ในอาณาบริเวณแถบนี้ ก่อให้เกิดบรรยากาศน่าขนลุก ขนพอง เอามากๆ โดยเฉพาะเครื่องบินจีนนับร้อยๆ ลำ ไม่ว่าเครื่องบินโจมตี ไปจนเครื่องบินทิ้งระเบิด ต่างพร้อมร่อนไป-ร่อนมา บินฉวัดเฉวียนเหนือน่านฟ้าไต้หวัน โดยไม่ได้คิดสนใจต่อเส้นสมมติที่ถูกขีดเอาไว้ในนาม “ADIZ” หรือ “Air Defense Identification Zone” แม้แต่น้อย ยิ่งช่วง “วันชาติจีน” เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ว่ากันว่า...เครื่องบินรบของจีนถึง 149 ลำ บินขึ้นผาดโผน ฉวัดเฉวียนอยู่แถวๆ น่านฟ้าด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะไต้หวัน แบบชนิดต้องการให้บรรดาชาวไต้หวันที่คิดแยกตัวเป็นเอกราช หรือแยกตัวเองออกจากแผ่นดินใหญ่ พอได้รู้มั่ง...ว่าใครเป็นใคร-ไผเป็นไผ อะไรประมาณนั้น…

นอกเหนือไปจากนั้น...ยังมีการ “เตรียมพร้อม” แบบเต็มอัตราศึกคราวแล้ว-คราวเล่า สำหรับกองทัพภาคตะวันออกของจีน ที่อยู่ห่างช่องแคบไต้หวันแค่ไม่กี่กิโลเมตร มีการสร้างฐานเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถลำเลียงพลขึ้นไปยังเกาะแก่งต่างๆ หรือในเกาะไต้หวันได้แค่ภายในไม่กี่ชั่วโมง รวมทั้งการเปิดฉาก “ซ้อมรบ” ชนิดซ้อมแล้ว-ซ้อมเล่า กระทั่งล่าสุด...ที่เครื่องบินทหาร C-40 Clipper jet ของสหรัฐฯ ขนเอาบรรดาสมาชิกสภาอเมริกันไปเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงวันอังคาร (9 พ.ย.) ที่ผ่านมา หลังการออกมาประณามอเมริกาว่ากำลังกระทำการ “ล่วงละเมิดอย่างร้ายแรง” โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กระทรวงกลาโหมของจีนก็พร้อมประกาศการ “ซ้อมรบ” ภายในแค่ไม่กี่ชั่วโมงนับจากนั้น ชนิดเสียงปืนใหญ่ เสียงจรวด เสียงขู่คำราม น่าจะดังเข้าหูของบรรดาสมาชิกสภาอเมริกันและชาวไต้หวัน ได้ไม่ยากส์ส์ส์....

แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับเกาะเล็กๆ อย่างไต้หวัน ตั้งแต่ระดับหัวหน้ารัฐบาล ประธานาธิบดี “ไช่ อิงเหวิน” (Tsai Ing-wen) แห่งพรรค “DPP” ไปจนบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแต่ละราย ต่างก็พร้อมที่จะเล่นบท “ดาวยั่ว” ชนิดไม่คิดจะหวั่นเกรง ไม่ออกอาการฝ่อใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลจีนจะงัดกฎหมายความมั่นคงออกมาเล่นงานชาวไต้หวันผู้ “ก่ออาชญากรรม” ด้วยการคิดแยกดินแดนกันเป็นระนาว ห้ามมิให้บุคคลหรือครอบครัว มีโอกาสเดินทางเข้ามาในดินแดนของจีน เกาะฮ่องกง และมาเก๊า ห้ามประกอบธุรกิจ ธุรกรรม นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ นายแบงก์ ไปจนนักหนังสือพิมพ์ ฯลฯ แต่บางรายถึงกับออกมาประกาศว่า การถูกขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์จากจีน ถือเป็นการได้ “เหรียญกล้าหาญ” เอาเลยก็ยังมี ขณะตัวประธานาธิบดีก็พร้อมยอมรับกับสถานีโทรทัศน์ CNN ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว...ทหารอเมริกันนั้นเข้ามาฝึกอบรมให้ทหารไต้หวันตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 โน่นเลย และแม้จนตราบเท่าทุกวันนี้ การสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากอเมริกาเพื่อเอามาสู้กับทหารจีน การปฏิเสธความช่วยเหลือใดๆ จากจีน ไม่ยอมฉีดวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แม้ชาวไต้หวันกำลังติดเชื้อโควิดแบบงอมๆ แงมๆ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่ยิ่งทำให้พญามังกรจีนยิ่งรู้สึกครั่นเนื้อ ครั่นตัว คันมือ คันตีน ยิ่งขึ้นไปใหญ่...

ส่งผลให้คุณพ่ออเมริกาท่านเลยหันมาคว้า “ไพ่ไต้หวัน” นี่แหละ...ในการสร้างแรงกดดัน สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ มาตั้งแต่ยุค “ทรัมป์บ้า” จนแม้กระทั่งยุค “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ท่าทีดังกล่าวก็ยังไม่ได้คิดจะเปลี่ยน เผลอๆ...อาจหนักยิ่งกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ คือไม่เพียงแต่พยายามรวบรวมประเทศพันธมิตรอย่างกลุ่ม “QUAD” เอาไว้กดดันและปิดล้อมจีนเท่านั้น ยังหันไปสร้างข้อตกลง “AUKUS” กับอังกฤษและออสเตรเลีย ขยายอำนาจอิทธิพลนิวเคลียร์เข้ามาในแปซิฟิกตะวันตกอีกด้วยต่างหาก นั่นยังไม่รวมถึงการส่งเรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำนิวเคลียร์เข้ามาแล่นฉวัดเฉวียนชนภูเขาใต้ทะเลในน่านน้ำทะเลจีนใต้ เล่นเอาลูกเรือบาดเจ็บไปเป็นรายๆ การยั่วยวนกวนส้นตีนด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปเยือนไต้หวัน เพื่อแสดงออกถึงพันธกรณีตามกฎหมาย “The Taiwan Relations Act” ปี ค.ศ. 1979 อันทำให้ “ยุทธศาสตร์แบบคลุมๆ เครือๆ” (Strategic Ambiguity) ยิ่งเกิดความชัดเจนว่าอเมริกาพร้อมเสมอที่จะช่วยไต้หวันสู้รบกับจีนได้ทุกเมื่อ ถ้าพญามังกรคิดจะบุกเกาะแห่งนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่...

แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าโดยสีสันบรรยากาศ มันออกจะน่ากลัว น่าขนหัวลุกอยู่พอสมควร แต่โอกาสที่จะเกิดรายการโป๊ะโชะ โป๊เชะ ถึงขั้นต้องเปิดฉากสงครามระหว่างกันและกัน ก็ยังไม่น่าจะไปไกล ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีไปถึงขั้นนั้น อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน ผู้เคยเขียนหนังสือเรื่อง “China’s Economic Rise and Its Global Impact” ออกมาเผยแพร่เมื่อหลายปีที่แล้ว ชื่อว่า “เคน โมค” (Ken Moak) ท่านได้ร่ายเรียงไว้ในข้อเขียน บทความ เมื่อไม่กี่วันมานี้นี่เอง และสำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮาหยิบมาถ่ายทอดไว้โดยละเอียด หรือด้วยเหตุเพราะความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องกันแบบหลายซับหลายซ้อนของทั้งสองประเทศที่ต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างมิอาจปฏิเสธ แม้ว่าสัมพันธภาพระหว่างจีนอเมริกาจะถึงจุด “ตกต่ำที่สุด” นับจากปี ค.ศ. 1979 เป็นต้นมา อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าอาจต้องตกต่ำต่อไปเรื่อยๆ เพราะความกลัวจีน-เกลียดจีนในหมู่ชาวอเมริกัน อันเนื่องจากการผงาดขึ้นมามีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจของจีน จะเป็นตัวบีบบังคับให้รัฐบาลอเมริกันต้องไหลไปตามกระแส อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงกระนั้น...ก็น่าจะยังไม่นำไปสู่ “สงคราม” ในระยะอันใกล้ ด้วยเหตุเพราะความพังพินาศ ฉิบหาย มันมากมายเกินกว่าประเทศใด ประเทศหนึ่ง จะควบคุมเอาไว้ได้...

ดังนั้น...ไต้หวันทุกวันนี้ จึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ไพ่ใบหนึ่ง” ที่ถูกแจกไป-แจกมา จั่วไป-จั่วมา นั่นแหละทั่น!!! โดยในการพบปะประชุมเสมือนจริงผ่านวิดีโอลิงก์ ระหว่างผู้นำอเมริกัน ประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” กับผู้นำจีนประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ในเช้าวันนี้ (16 พ.ย.) ตามเวลาปักกิ่ง “ปัญหาไต้หวัน” คงถูกหยิบยกมาหารือระหว่างทั้งสองฝ่ายไปตาม “วิธีการเล่น” หรือตาม “จุดยืน” ของใครก็ของมัน แม้ว่าการ “รวมชาติ” หรือรวมเกาะไต้หวันมาเป็นส่วนหนึ่งจีน จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้โดยเด็ดขาดสำหรับพญามังกรจีน หรือแม้แต่การเติบใหญ่ เติบกล้า ทางการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนถึงการทหาร จะทำให้ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย “Harvard Kennedy School” อย่าง “Graham Allison” ถึงกับต้องออกมาเปิดเผย “ความจริงอันน่าเกลียด” (Ugly Reality) อันว่าด้วย...กองทัพอเมริกันอาจรบแพ้กองทัพจีนเอาง่ายๆ ถ้าหากจีนเกิดคิดบุกไต้หวันขึ้นมาเมื่อไหร่...

อย่างไรก็ตาม....ดูเหมือนผู้ที่ให้ข้อสรุปต่อการบุก-ไม่บุก การรวมไต้หวันเข้าเป็นส่วนเดียวกับจีนได้อย่างน่าคิด น่าสะกิดใจเอามากๆ น่าจะหนีไม่พ้นจากหัวหน้ากองบรรณาธิการ “Global Times” อย่าง “นายHu Xijin” นั่นแหละ ที่สรุปไว้ในข้อเขียน บทความ เมื่อไม่นานมานี้ว่า “As reunification is inevitable, most important is not timetable, but timing.” หรือในเมื่อการรวมไต้หวันเป็นสิ่งซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งสำคัญที่สุดจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “ช่วงระยะเวลา” แต่ขึ้นอยู่กับ “ช่วงจังหวะเวลา” หรือขึ้นอยู่กับว่าช่วงจังหวะใดที่จะก่อให้เกิด “ผลประโยชน์สูงสุด” ต่อ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของจีน” ยุทธศาสตร์ที่ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ในช่องแคบไต้หวัน แต่พยายามลอดเลื้อยและโอบกระหวัดรัดพันโลกทั้งโลก เพื่อหวังจะให้เกิด “โลกแบบหลายขั้วอำนาจ” ขึ้นมาแทนที่ “โลกแบบขั้วอำนาจเดียว” ให้จงได้!!! นั่นเอง...


กำลังโหลดความคิดเห็น