xs
xsm
sm
md
lg

ปิดท้ายสุดสัปดาห์แบบเบามั่ง-ไม่เบามั่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เฮ้ออ์อ์อ์...จะบ้าตาย!!! ไม่รู้ว่าจะไปหาเรื่อง “เบาๆ-สบายๆ” มาปิดฉาก ปิดท้ายสัปดาห์นี้ ยังไงกันดี??? เพราะโดยแนวโน้มความเป็นไปของโลกในช่วงระหว่างนี้ มันออกจะหนักหนา-สาหัสไปด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “แนวรบยุโรปตะวันออก” “แนวรบทะเลจีนใต้” ไปจนถึง “แนวรบตะวันออกกลาง” ต่างหนักไปทางร้อนฉ่า ร้อนแรง หรือ... “เคียด(เครียด)ฉิบหาย” ไปด้วยกันทั้งนั้น...

ยุโรปตะวันออกนั้น...ไม่เพียงแต่ความจงใจ “ละเมิดเส้นตาย” ของยูเครน ด้วยความพยายามสมัครเข้าเป็นสมาชิก “นาโต” โดยมีคุณพ่ออเมริกาเปิดประตูต้อนรับแบบชนิดอ้าซ่า ส่งผลให้กองทัพหมีขาวรัสเซีย ที่ถูกส่งไปประชิดพรมแดนยูเครนในทุกวันนี้ ว่ากันว่า...ปาเข้าไปประมาณ 90,000 รายไปแล้วเป็นอย่างน้อย แถมยังมีเรื่องเบลารุส ที่อาจถือเป็นพรมแดนสุดท้ายของรัสเซียเอาเลยก็ว่าได้ หันมาล้างแค้น เอาคืน การ “แซงชั่น” ของอียู ด้วยการเปิดช่อง เปิดทาง ให้บรรดาผู้อพยพจากตะวันออกกลาง ไปออกันอยู่แถวแนวพรมแดน “โปแลนด์-เบลารุส” จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องโต เรื่องคอขาดบาดตาย ขึ้นมาซะอีกต่างหาก...

ส่วนแนวรบทะเลจีนใต้นั้น...รายการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” ของรัฐบาลไต้หวัน ภายใต้การบริหารจัดการของพรรค “DPP” (Democratic Progressive Party) ที่นำโดยคุณป้า “ไช่ อิงเหวิน” (Tsai Ing-wen) และโดยมีคุณพ่ออเมริกาอีกเช่นเคย คอยให้ความร่วมมือ หรือคอยยุแยงตะแคงรั่ว ก็ออกจะเอาเรื่อง-เอาราวขึ้นมาอีกซะแล้ว!!! หลังจากเครื่องบินทหารอเมริกัน ได้ขนบรรดาวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาอเมริกัน บินจากฟิลิปปินส์ไปเยือนไต้หวัน อย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว หรืออย่างเพื่อให้เกิดเรื่อง-เกิดราว ก็แล้วแต่จะว่ากันไป ส่งผลให้พญามังกรหนวดกระดิกระริกๆ ถึงขั้นต้องจัดการ “ซ้อมรบ” และ “เตรียมพร้อม” ขั้นสูงสุด สำหรับกองบัญชาการทหารภาคตะวันออก โดยจะนำไปสู่อะไรต่อไปก็ยากที่จะคาดคะเนได้...

สำหรับแนวรบตะวันออกกลางนั้น...การโจมตีทิ้งระเบิด การยิงบ้องข้าวหลามยักษ์ หรือยิงขีปนาวุธของกองทัพอากาศอิสราเอลใส่อาณาบริเวณดินแดนของประเทศซีเรีย เฉพาะเดือนนี้...ว่ากันว่าไม่น้อยไปกว่า 7 ครั้งเข้าไปแล้ว!!! แถมประธานเสนาธิการทหาร “IDF” (Israel Defense Forces) “พลเอกAviv Kohavi” ยังออกมาคุยใหญ่ คุยโต ว่าถือเป็นการซ้อมไม้-ซ้อมมือ ก่อนที่จะ “ยกระดับ” ไปสู่การเปิดฉากกับกองทัพอิหร่าน ในดินแดนประเทศอิหร่านเอาเลยก็เป็นได้ โดยเฉพาะถ้าหากการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน สามารถนำไปสู่การผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาได้เมื่อไหร่ก็ตามที อีกทั้งยังถือเป็นการ “ป้องปราม” กระบวนการเจรจาระหว่างอเมริกากับอิหร่านในเรื่องข้อตกลง “JCPOA” ซึ่งกำลังเปิดฉากรอบใหม่ ที่กรุงเวียนนาในช่วงระหว่างนี้...

นี่...เจอกับข่าวคราวประเภทนี้ อะไรต่อมิอะไรมันคงไม่อาจ “เบาๆ-สบายๆ” ได้มากมายสักเท่าไหร่ ยิ่งถ้าหากผนวกเอาเรื่อง “โควิด-ไม่โควิด” ที่ท่านเชื้อไวรัสรายนี้ ท่านยังไม่คิดจะ “เหี่ยวปลาย” ลงไปเลยแม้แต่น้อย ยุโรปทั้งยุโรป...ชักเริ่มหวนกลับไปสู่ตัวเลขการ “ติดเชื้อ” ชนิดงอมๆ แงมๆ ขึ้นมาอีกซะแล้ว หรืออาจถึงขั้นต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง กันเป็นแสนๆ รายเอาเลยก็ไม่แน่ ถ้าว่ากันตามการคาดการณ์ ประมาณการของตัวแทนยูเอ็นในภาคพื้นยุโรป แม้แต่เรื่อง “เศรษฐกิจ” ที่ใครต่อใครอยากจะฟื้นๆ อยากจะกลับมาโตวัน-โตคืน ไปด้วยกันทั้งสิ้น รวมประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย แต่เอาไป-เอามา...โอกาสที่จะหนักไปทาง “หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี” น่าจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจยุโรปหรือเศรษฐกิจอเมริกาก็ตามที ที่ช่วงระยะนี้...ไม่ใช่แค่ต้องเจอกับภาวะข้าว-ของแพง ภาวะเงินเฟ้อ หรือ “Inflation” ล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังต้องเจอกับภาวะขาดแคลน ว่างงาน ผู้คนไม่มีรายได้ ไม่มีกำลังซื้อ หรือภาวะ “Stagnation” ตามมาซะอีกล่วย จนกลายเป็นภาวะ “Stagflation” หรือภาวะอัตราการเติบโตชะงักงันไปพร้อมๆ กับอัตราเงินเฟ้อสูงโด่เด่ หรือเท่ากับเจอ 2 เด้งซ้อนๆ...

ถ้าหากจะมีข่าวเบาๆ-สบายๆ อยู่มั่ง...ก็อาจเป็นข่าวประเภทที่ว่ากันว่า บริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลก ถึง 6 บริษัท คือฟอร์ด มอเตอร์, วอลโว, เจนเนอรัล มอเตอร์, เมอร์เซเดส-เบนซ์, จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ และบีวายดี ของจีน เขาตัดสินใจแสดงความร่วมมือ-ร่วมไม้ ในการร่วมขจัดภาวะโลกร้อน ด้วยการประกาศจะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานฟอสซิลทั้งหลาย ภายในปี ค.ศ. 2040 หรืออีกประมาณเกือบ 20 ปีข้างหน้า โดยจะหันมาผลิตรถที่ใช้พลังงานสะอาด หรือ “รถยนต์ไฟฟ้า” กันแทนที่ ส่วนบริษัทรถชั้นนำรายอื่น ไม่ว่าโฟล์คสวาเกน, นิสสัน, ฮุนได, ฮอนด้า ไปจนถึงโตโยต้า แม้ว่าจะยังอ้ำๆ อึ้งๆ แต่ก็ยังพยายามแสดงออกถึงความร่วมมือ-ร่วมใจ ในแง่ “สปิริต” ไปตามมี-ตามเกิด...

อันนี้นี่แหละ...ที่อาจพอถือเป็นข่าวที่ฟังแล้วเบาๆ-สบายๆ ขึ้นมาได้มั่ง แม้คงต้องรอไปอีกประมาณเกือบ 20 ปีเป็นอย่างน้อย โดยคนแก่ คนชรา อย่าง “ทับทิม พญาไท” อาจต้องตายโหง-ตายห่า ไปก่อนหน้านั้นหรือไม่? อย่างไร? ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ชัดเจน แต่เอาเป็นว่า...อย่างน้อย การแสดงออกถึงความร่วมมือ-ร่วมใจกันในระดับโลกร่วมๆ 100 กว่าประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่หวังและต้องการจะให้เกิดการปล่อยมลพิษขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมีค่าเท่ากับศูนย์ หรือ “Net Zero” อะไรประมาณนั้น ย่อมถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง น่าสรรเสริญ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ถึงขั้นบางประเทศ อย่างเช่นอังกฤษ ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ฯลฯ พร้อมที่จะประกาศห้ามการซื้อ-ขายรถที่ใช้น้ำมันดีเซล ภายในปี ค.ศ. 2030 หรืออีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า เอาเลยถึงขั้นนั้น...

แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าใครต่อใครในระดับโลก ต่างคิดเลิกใช้พลังงานฟอสซิลกันในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แต่ข่าวคราวประเภทน้ำมันแพง แก๊สแพง แม้แต่ถ่านหินก็ยังแพง ฯลฯ ยังคงต้องถือเป็น “ความจริงอันมิอาจปฏิเสธ” โดยเฉพาะในปีนี้ ปีหน้า หรืออีกกี่ปีต่อกี่ปี ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...เฉพาะปีนี้ ราคาน้ำมันพุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปแล้วถึง 64 เปอร์เซ็นต์แถมยังกลายเป็นสิ่งที่ขาดแคลนเอามากๆ จนทำให้แบงก์ ออฟ อเมริกา หรือ “BofA” ถึงกับต้องออกมาคาดการณ์ ว่าระดับราคาจากประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในสิ้นปีนี้ น่าจะพุ่งขึ้นไปอีกถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในช่วงฤดูหนาวปีหน้า หรือปี ค.ศ. 2022 อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย จริง-ไม่จริง...ก็คงต้องคอย “เก็งกำไร” กันอีกที...

ส่วนบ้านเรานั้น...การหาทางทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ลดลงมาเหลือประมาณ 25 บาทต่อลิตร ตามคำเรียกร้อง วิงวอน ของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย จะเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร อันนี้...คงต้องหันไปถามคุณ “รสนา โตสิตระกูล” น่าจะเหมาะกว่า เพราะลองถ้าหันมาถามรัฐบาล คำตอบก็น่าจะออกไปทางเดิมๆ คือยังไงๆ ก็คงไม่น่าจะต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรเป็นอย่างน้อย และในเมื่อ “คำตอบ” มันคงไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม โอกาสที่จะนำมาซึ่งความปวดหัวฉิบหาย หรือความยุ่งตายห่ะ ย่อมเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกเช่นกัน ส่วนจะถึงขั้นส่งผลให้รัฐบาลต้อง “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี” ไปด้วยหรือไม่ อันนี้...ก็ยากจะคาดคะเนได้อีกนั่นแหละ เพราะขนาดเจอกับโควิด-ไม่โควิด เจอกับราคาข้าวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เจอกับราคาน้ำมันแพงแสนแพง เผลอๆ อาจเจอกับ “Stagflation” เหมือนอย่างประเทศรวยๆ เอาเลยก็ไม่แน่ ฯลฯ แต่รัฐบาลท่านก็ยังอุตส่าห์ “มีใจ” จัดงานเลี้ยงกระชับมิตร กระชับความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงปลายเดือนนี้ อย่างชนิด “เบาๆ-สบายๆ” ไม่ได้ออกอาการ “เคียด...ฉิบหาย” เหมือนอย่างเราๆ-ทั่นๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...




กำลังโหลดความคิดเห็น