xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตหนัก ยังเอาไม่อยู่...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



“ที่ประชุม ศบค.สั่งเข้มเพิ่มล็อกดาวน์อีก 1 เดือน พร้อมเพิ่มเป็น 29 จังหวัด จากเดิม 13 จังหวัด เคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้าน 3 ทุ่ม-ตี 4 งดบริการขนส่งข้ามจังหวัด แต่ปรับให้เปิดแคมป์ก่อสร้าง กทม.-ปริมณฑล ส่วนร้านอาหารในห้างกลับมาขายเดลิเวอรีได้อีกครั้ง”

แค่นี้แหละ จากการโปรยหัวข่าว สรุปผลการประชุมของศูนย์บริหารโคฯ ไม่มีอะไรใหม่มากจนน่าตื่นเต้น นอกจากขยายการควบคุมไปพื้นที่ต่างจังหวัด มาตรการไม่เข้มข้นที่จะชวนให้เชื่อว่าจากนี้ไป การรับมือกับการระบาดของโควิด-19 จะดีขึ้น

คำประกาศยังสะท้อนให้เห็นการพลิกกลับไปกลับมาของมาตรการควบคุม เช่นเรื่องแคมป์คนงานก่อสร้าง ร้านอาหารในห้าง ซึ่งยอมให้เปิดบริการให้รูปแบบเดลิเวอรี เหมือนเป็นการยอมรับว่าการตัดสินใช้มาตรการคุมครั้งก่อนผิดพลาด มีความเสียหาย

การปิดแคมป์คนงานได้เป็นเหตุของการระบาดระลอกใหม่ คนงานเผ่นไปต่างจังหวัด ช่วงนั้นมีรายงานการติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจากแคมป์คนงานย่านบางเขนมีแค่ 6 ราย จากนั้นก็กระจายไปทั่วประเทศ สร้างปัญหาเกินกว่ารัฐบาลรับมือได้

นอกจากนั้นได้สร้างความเสียหายประเมินยังไม่ได้สำหรับวงการก่อสร้าง โครงการที่ใกล้จะเสร็จสิ้นต้องหยุดชะงัก งานก่อสร้างขนาดใหญ่ใต้ดินอาจก่อให้เกิดอันตราย แผ่นดินยุบ ต้องเร่งผ่อนปรน เป็นผลของการบริหารจัดการโดยขาดข้อมูล ความรอบคอบ

ซ้ำร้าย คำประกาศอย่างมั่นใจว่าจะจัดส่งอาหาร 3 มื้อให้คนงานก่อสร้างหลายแสนคนก็ไม่เกิดขึ้น เจ้าของโครงการผู้รับเหมาต้องแบบรับภาระเลี้ยงดูทั้งคนงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ส่งไปประจำแคมป์ ผลที่ตามมาคือเลี้ยงได้ไม่กี่มื้อ ไม่กี่วัน

เงินงบประมาณที่อ้างว่ามี 7.5 พันล้านบาทสำหรับซื้ออาหาร ไม่รู้อยู่ที่ไหน!

เมื่อต้องล็อกดาวน์อีก 1 เดือน ถ้าปล่อยให้โครงการก่อสร้างหยุดต่อ ก็มีแต่รอหายนะ ศบค.จำต้องจำยอมรับสภาพความผิดพลาด ความล้มเหลว ให้ทำต่อไปได้ โดยอ้างแบบแก้เกี้ยวว่าต้องควบคุมใกล้ชิด ป้องกันการระบาดในระบบ bubble & seal

การบริหารงานโดยขาดความรู้ ภูมิปัญญา ได้สร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการ ครอบครัวของผู้ใช้แรงงานที่ต้องทุกข์ยากโดยไม่มีใครรับผิดชอบ

กรณีพลิกนโยบายให้ร้านอาหารในห้างกลับมาให้บริการแบบเดลิเวอรี ก็ไม่ต่างกัน เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าร้านอาหารในห้างเป็นแหล่งแพร่ระบาด ก็ต้องรับผลพวงของการตัดสินใจผิดพลาด ขาดข้อมูล คนเป็นล้านๆ ต้องอยู่ในสภาวะลำบาก

เจ้าของผู้ประกอบการสายป่านสั้น แทบสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะไม่มีเหตุที่ต้องให้ปิด เพราะร้านอาหารนอกห้างก็ยังให้บริการแบบเดลิเวอรีเช่นกัน การยอมให้เปิดใหม่เป็นเพราะเสียงโอดครวญของผู้ประกอบการ ความยากลำบากในการหาอาหาร

ที่ผ่านมา จะเป็นได้ว่ามาตรการไร้ผล เพราะตัวเลขการระบาดรายวันได้เขยิบจากประมาณ 5 พันกว่ารายในวันที่ 1 เดือนที่ผ่านมา ทะยานจนถึงกว่า 1.8 หมื่นราย แม้กระนั้นก็ยังไม่มีผู้บริหารประเทศหน้าไหนยอมรับความผิดพลาด มีความกระดากอาย

และยิ่งควรจะรับผิดชอบความเสียหาย เพราะตัวเลขคนติดเชื้อได้สูงจากกว่า 2 หมื่นรายช่วงต้นเดือนเมษายนปีนี้ มาเป็น 6.15 แสนราย ติดอันดับ 43 ของโลก ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นี่เป็นผลงานของความล้มเหลวอย่างน่าอนาถโดยฝีมือของคณะ 3 ลุง

มาตรการลักปิดลักเปิด ไม่มีมาตรฐานชัดเจน ทำแบบลมพัดลมเพ ของผู้กุมอำนาจ มุ่งแต่การเมือง การทหาร มามีอิทธิพลเหนือหลักการแพทย์และสาธารณสุข ได้สร้างความผิดพลาดล้มเหลวซ้ำซาก ทั้งไม่มีท่าทีว่าจะลาออก เปิดทางให้คนอื่นแก้ปัญหา

จึงเป็นเวรกรรมซ้ำเติมบ้านเมือง และทุกข์ยากของประชาชนโดยแท้!

มาตรการเหวี่ยงแหรอบที่ผ่านมา ยังได้สร้างความเสียหายให้ประชาชน ผู้ประกอบการในอาชีพอื่นๆ แต่ก็เป็นสภาวะความจำเป็น ที่ยังไม่ตระหนักคือความผิดพลาดในการสั่งปิดสาขาธนาคารให้ห้าง สร้างความแออัดให้สาขานอกห้าง

ซ้ำร้าย การจำกัดเวลาปิด-เปิด หยุดเสาร์-อาทิตย์ ได้เพิ่มภาระและความแน่นของผู้ใช้บริการ ต้องรอนานในการทำธุรกรรม ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

มาตรการล็อกดาวน์ไม่มีวี่แววว่าจะได้ผล แม้จะจำกัดการขนส่งข้ามจังหวัด ประกาศเพิ่มพื้นที่เคอร์ฟิว เพราะทุกพื้นที่ได้เป็นเหมือนแหล่งแพร่เชื้อและการระบาด จนไม่สามารถกำหนดพื้นที่เฉพาะว่าเป็นคลัสเตอร์ได้ การตรวจหาเชื้อไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่

แม้แต่แพทย์ยังประเมินว่าตัวเลขการติดเชื้อตามรายงานรายวันน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงหลายเท่า และมีแนวโน้มว่าการติดเชื้อรายวันอาจเพิ่มสูงถึง 3 หมื่นกว่าราย ทั้งมีความเป็นไปได้ว่าถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ตัวเลขคนติดเชื้อจะถึง 1 ล้านคนอีกไม่นาน

เห็นคนนอนตายข้างถนน ตายคาบ้าน ยิ่งดูน่าอนาถสำหรับความล้มเหลว

ทุกวันนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตคงผ่าน 5 พันรายแน่ และจะเพิ่มอีกต่อไป ที่น่าอนาถคือข่าวการจัดการฉีดวัคซีนไฟเซอร์บริจาคโดยสหรัฐฯ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีกฎระเบียบหยุมหยิม เหมือนกับว่าผู้ตั้งกฎเกณฑ์ได้ควักระเป๋าเป็นเจ้าของวัคซีน

นี่เป็นความไม่ชอบมาพากลอย่างยิ่ง และมีข่าวว่าคนไม่อยู่กลุ่มเสี่ยงได้ฉีดแล้ว

ศูนย์บริหารโคฯ ว่าอย่างไรไม่ทราบ เห็นข่าวว่าท่านผู้นำซิงเกิลคอมมานด์ สั่งโน่นสั่งนี่ คำสั่งยังมีความหมายสำหรับข้าราชการเกียร์ว่างอยู่อีกหรือ ประเทศไทยทุกวันนี้กำลังอยู่ในสายตาประชาคมโลกว่าจะจัดอาการปัญหาโควิด-19 ได้อย่างไร

วิกฤตปัจจุบันยังไม่ถึงก้นบึ้ง เพียงคนตายกลางถนน เรายังอาจได้เห็นคนป่วย 2 คนนอนเตียงเดียวกัน หรือเผาศพในสวนสาธารณะเหมือนในอินเดีย เพราะเตาเผาที่มีอยู่ไม่พอเพียง ในอีกไม่ช้า ถ้าระบบต่างๆ ล้มเหลว เลวร้ายมากเกินกว่าจะจัดการได้


กำลังโหลดความคิดเห็น