เรามาได้ไกลมากจริงๆ ในการต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเป็นรองแค่ประเทศจีนหลังจากเริ่มติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่น ด้วยมาตรการเข้ม เราเอาชนะได้ในยกแรก สร้างความมั่นใจในระบบสาธารณสุขว่าไม่เป็นรองใคร
จากนั้นเรายืดอกหลังจากได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลก ได้เป็นแบบอย่างสำหรับประเทศอื่นๆ ในโลกตะวันตกซึ่งเป็นเหยื่อของการระบาดอย่างแรง เรามั่นใจมากถึงกับไม่ยอมเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ และสั่งจองซื้อวัคซีนป้องกันโรค
จากความมั่นใจ กลายเป็นความลืมตัว ผยองว่าเราเก่งฉกาจสามารถเกินใคร ขณะที่มองสภาพที่แทบล่มสลายในระบบสาธารณสุขในหลายประเทศ เช่น อิตาลี อังกฤษ และในยุโรปทั้งตะวันตกและตะวันออก จนกระทั่งลามมายังอินเดีย
ความลำพองทำให้ผู้กุมอำนาจรัฐ ซึ่งในคณะรัฐมนตรีไม่มีแพทย์แม้แต่คนเดียว เริ่มมั่นใจอย่างไร้พื้นฐานนอกจากความอวดดี อวดเก่งไม่ฟังใคร กล้ายอมให้ประชาชนเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงสงกรานต์ทั้งๆ ที่เริ่มมีคลัสเตอร์ทองหล่อ
แต่ก็นั่นหลังจากที่ประเทศไทยประสบเหตุเกือบเอาไม่อยู่เกี่ยวโยงกับการลักลอบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างชาติ ทำให้เกิดวิกฤตตลาดกุ้งในสมุทรสาคร และสนามมวยลุมพินี และทองหล่อครั้งแรก ทำให้ระบบการแพทย์ต้องเร่งทำงานหนัก
หลังจากสงกรานต์ ผู้นำอหังการในอำนาจ ประกาศว่า “อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด” การเอาใจประชาชน ยอมให้เดินทางไปทั่วประเทศ เป็นการนำเอาเชื้ออัลฟ่าจากกัมพูชาไปต่างจังหวัด มีภาวะเหตุกรณีท่าขี้เหล็ก ลากเกมยืดเยื้อ
จากสงกรานต์สัญญาณเริ่มปรากฏว่าเรา “เอาไม่อยู่” เพราะการระบาดเป็นคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่ แพทย์เริ่มรับมือไม่ไหว ขณะที่วัคซีนเข้ามาช้า ทั้งยังมีเพียง 2 ยี่ห้อ คือซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ไม่เพียงพอกับความต้องการ
ผู้นำรัฐบาลยังปากแข็ง รวบอำนาจภายใต้ซิงเกิลคอมมานด์ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความรู้ ความสามารถ สติปัญญามากเป็นพิเศษเหนือคนอื่น ซ้ำร้ายยังให้นายทหารมาควบคุมคณะกรรมการโควิด-19 ทำให้การเมืองอยู่เหนือระบบสาธารณสุข
เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ต้องผิดต่อ ทั้งไม่ยอมแก้ไข อ้างความเป็นผู้นำเด่นฉลาดเลิศล้ำกว่าใคร ไม่มีใครกล้าค้าน ในที่ประชุม ครม.และศูนย์บริหารโควิด-19 ผลที่ตามมาคือการไร้ระบบชัดเจน เมื่อล้มเหลว ก็มีระบบหาแพะรับบาปรองรับ
ความหยิ่งผยอง ไม่ยอมรับผิดชอบ ไม่เอ่ยปากขอโทษประชาชน การใช้จ่ายเงินผ่านโครงการประชานิยมซ้ำซาก เพื่อรักษาความชื่นชมจากชาวบ้าน ทำให้เกิดผลร้ายด้านเศรษฐกิจ เพิ่มหนี้สาธารณะอย่างรวดเร็ว หนี้ครัวเรือนก็พุ่งกระฉูด
ความผิดพลาดในการจัดการ มาตรการคุมเข้มต่างๆ เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจซึ่งฐานรากและโครงสร้างผุกร่อน ประชาชนหมดอำนาจการซื้อ ธุรกิจไปไม่ได้ราบรื่นเพราะขาดปัจจัยเร่ง ขณะที่ตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตอยู่ในสภาวะเกินควบคุมได้
มาถึงวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 47 ด้วยตัวเลขผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 4.81 แสนคน และยังเดินหน้าไม่หยุด และใช้เวลาไม่นานที่ตัวเลขต้องทะลุ 5 แสนราย ขณะที่มาตรการล็อกดาวน์แบบผ่อนปรน ใช้ไม่ได้ผลเต็มที่
จากอันดับต่ำกว่าร้อย มีผู้ติดเชื้อเพียง 2 หมื่นกว่าราย เพียงแค่ 2 เดือนกว่า ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มเกือบ 5 แสนราย เป็นพลังอำมหิตในการทำลายล้างประเทศภายใต้การบริหารล้มเหลวซ้ำซากโดยคณะ 3 ลุง ซึ่งไม่ยอมลาออกให้คนอื่นมาแทน
โครงการเพื่อหวังดูดเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติ จัดฉากโครงการกระบะทรายภูเก็ตล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวแห่กันมาตามคาด เพราะเห็นตัวเลขติดเชื้อสูง ซ้ำร้ายสหรัฐฯ ก็เตือนคนอเมริกันให้ระวัง คนไทยเข้าญี่ปุ่น และยุโรปไม่ได้
แม้กระนั้นผู้นำผยองยังคงประกาศเดินหน้าจะมีโครงการคล้ายกระบะทรายภูเก็ตในอีก 2-3 แหล่งในภาคใต้ ซึ่งดูแนวโน้มก็คงล้มเหลวอีกเช่นเคย ไม่มีอะไรสามารถดึงดูดให้คนมาเที่ยวได้ คนกลัวตายเกินกว่าความอยากจะเห็นทะเลไทย
ตัวเลขการระบาดยังรุดหน้าไม่หยุด แซง 2-3 ประเทศในแต่ละวัน ผู้นำห้าวเป้งยังไม่ยอมเลิกราแผนเปิดประเทศ ทั้งๆ ที่ตัวเลขติดเชื้อรายวันอยู่เกินกว่า 1.4 หมื่นราย ความเพ้อเจ้อฝันกลางแดด ทำให้คนสงสัยว่าแผนนั้นอยู่บนพื้นฐานของอะไร
หรือเป็นเพียงความอวดดี ลำพอง ไม่ยอมรับความผิดพลาดซ้ำซาก อยากแก้ตัว แต่ไม่มีความรู้ ความสามารถจัดการปัญหาได้ คณะแพทย์ก็แตกเป็นฝักฝ่าย ระหว่างแพทย์อิงการเมือง กับแพทย์อยู่ในภาคสนาม มองปัญหาคนละแบบ
ผลร้ายที่ยังคงอยู่ และจะมีอยู่อีกนาน คือความเสี่ยงตายของประชาชน!
ไม่มียุคใดที่คนฆ่าตัวตายเพราะสิ้นหนทางต่อสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจ มากเท่ากับยุคคณะ 3 ลุง ไม่มียุคใดที่อนาคตของประเทศจะมืดมน ไร้ทางออกเหมือนยุคนี้ และเป็นยุคของคนฆ่าตัวตายกลางถนน นอนตายกลางถนนอย่างอนาถาในยุค 3 ลุง
และไม่มียุคใดที่ผู้บริหารบ้านเมือง คนกุมอำนาจรัฐจะยังเสนอหน้าอยู่ท่ามกลางเสียงก่นด่า สาปแช่งของประชาชนแทบทั้งแผ่นดิน แม้แต่นักแสดง ดารา ซึ่งโดยปกติไม่ชอบแสดงออกความคิดทางการเมือง ก็ยังอดรนทนไม่ได้ ออกมาขับไล่
แต่คณะ 3 ลุงยักตากหน้าสู้กระแสประณามขับไล่ ไม่รู้สึกร้อนหนาว ทั้งยังท้าพรรคร่วมรัฐบาลให้ออกไป พวกตัวเองจะขออยู่ ไม่ห่วงกังวลว่าบ้านเมืองจะหายนะ
ดื้อด้านยื้อแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด โชว์ลีลาอ้อนหวังปาฏิหาริย์ให้อยู่รอด!