xs
xsm
sm
md
lg

ความพ่ายแพ้อเมริกันกับสันติภาพชั่วคราว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เปิดฉากสัปดาห์นี้...ยังไงๆ ก็คงต้องเริ่มต้นด้วยการ “แสดงความยินดี” ต่อข้อตกลงยุติการสาดจรวด-สาดระเบิดกันไป-กันมาระหว่าง “ยิวกับปาเลสไตน์” นั่นแหละทั่น!!! ที่ว่ากันว่าเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลา 02.00 น.ของช่วงวันศุกร์ (21 พ.ค.) ที่ผ่านมาหรือตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้าของวันเสาร์บ้านเรา แม้ว่ายังมี “ลูกหลง” ตามมาอยู่บ้างประปราย เช่น การไล่ทุบ ไล่กระทืบ ของตำรวจอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ที่มัสยิด “อัล-อักซอ” ก็ยังไม่ถึงกับเลิกง่ายๆ การปะทะระหว่างพวกโปรปาเลสไตน์ กับพวกโปรอิสราเอล ที่ปาระเบิดใส่กันและกันถึงในกรุงนิวยอร์กโน่น หรือการยิงกันไป-ยิงกันมาระหว่างปืนใหญ่กับจรวดของทั้งสองฝ่าย ก่อนช่วงเวลาข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ ฯลฯ...

งานนี้...คงต้องยกความดีส่วนหนึ่งให้กับอียิปต์และรัสเซียนั่นแหละ ที่เป็นเจ้ากี้-เจ้าการในการช่วยให้ข้อตกลงดังกล่าวมีผลเป็นจริง-เป็นจังขึ้นมา หลังจากที่ทั้งสองฝ่าย “ดวลจรวด-ดวลระเบิด” กันมาเกือบ 2 สัปดาห์ หรือประมาณ 11 วัน ชนิดต่างฉิบหาย วายวอด มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ โดยบรรดาชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขับไล่ไสส่งให้ไปแออัดยัดเยียดอยู่ในพื้นที่แค่ “แมวดิ้นตาย” หรือในเขตฉนวนกาซานั่นแหละ น่าจะหนักหน่อย คือตายกันไปไม่น้อยกว่า 248 คน เป็นเด็กถึง 66 คน ผู้หญิง 39 คน บาดเจ็บอีกเกือบ 2,000 คน (1,910) และที่ต้องลำบากยากเย็นต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ คือผู้ที่บ้านแตกสาแหรกขาด เพราะถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดของอิสราเอลถล่มอาคาร บ้านเรือนลงไปไม่น้อย 16,800 หลัง ส่งผลให้ผู้คนไม่ต่ำกว่า 90,000 คน กลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่ ที่อาศัย...

ส่วนอิสราเอลนั้น...แม้ว่าตายไปแค่ 12 คน บาดเจ็บไม่น่าจะต่ำกว่า 564 ราย แต่งานนี้...ต้องถือว่าน่าจะ “อ่วมอรทัย”กันไปมิใช่น้อย เพราะถ้าว่ากันตามความคิด-ความเห็นของ “ผู้เชี่ยวชาญ” ด้านระบบป้องกันภัยทางอากาศ อย่าง “นายมิเชล อาร์มสตรอง”(Michael Armstrong) ที่ได้แสดงเอาไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “Gaza’s rocket technology challenges Israeli defense”หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา นำมาถ่ายทอดในภาคภาษาไทยไปเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (20 พ.ค.) ในชื่อว่า “เทคโนโลยีจรวดของกาซายกระดับก้าวหน้าขึ้น และสร้างปัญหาให้แก่การป้องกันของอิสราเอลเพิ่มมากขึ้น”ก็น่าจะพอสรุปได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องชิลๆ สบายๆ สักเท่าไหร่ สำหรับกองทัพอิสราเอลในการดวลกันไป-ดวลกันมา กับบรรดาพวกนักรบ “ฮามาส” ในช่วงหลังๆ นี้...

หรืออย่างที่เขายกเป็นตัวเลขสถิติ โดยอ้างจาก “ข้อมูลของฝ่ายอิสราเอล” เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งอาจผิดๆ-ถูกๆ อยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่สรุปรวมความว่า...เพียงแค่ 11 วันเท่านั้นเอง จรวดของพวก “ฮามาส” ที่ระดมสาดเข้าใส่อิสราเอลมีจำนวนมากถึง 3,100 ลูกเป็นอย่างน้อย หรือยิงกันในระดับ 470 ลูกต่อวัน บางช่วง-บางคราวอาจยิงได้ถึง 137 ลูกภายในช่วงเวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น มากเสียยิ่งกว่าการปะทะในช่วงปี ค.ศ. 2012 และ 2014 อย่างเห็นได้ชัดเจน แถม “ความแม่นยำ” ก็เพิ่มจากระดับ 18 เปอร์เซ็นต์ 22 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ เอาเลยถึงขั้นนั้น จริง-ไม่จริง...ก็คงต้องไปพินิจพิจารณากันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ไม่น่าจะชิลๆ สบายๆ มากมายสักเท่าไหร่ หรือคงต้องออกเรี่ยว ออกแรง ออกเหงื่อและออกเลือด กันเป็นจำนวนมิใช่น้อย...

แต่ก็นั่นแหละ...การแพ้-การชนะระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น จะมองกันแต่เฉพาะการบาดเจ็บ ล้มตาย การพังพินาศฉิบหายทางวัตถุเพียงอย่างเดียวล้วนๆ คงมิได้ เพราะถ้าว่ากันตำรับ ตำรา ของปรมาจารย์ศึกสงคราม อย่าง “ท่านประธานเหมา”แห่งเมืองจีนแล้ว มันยังต้องรวมเอาสิ่งที่เรียก “ชัยชนะ-ความแพ้...ทางการเมือง” ไปพินิจพิจารณาควบคู่ไปด้วย และถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ระดับถือเป็นตัว “ชี้ขาด” ชนิด “ชนะการเมือง-ชนะทุกสิ่งทุกอย่าง...แพ้ทางการเมือง-แพ้ทุกสิ่งทุกอย่าง” เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยถ้าหากมองถึงชัยชนะและความพ่ายแพ้ในลักษณะที่ว่านี้ ก็น่าจะเป็นฝ่ายอิสราเอลไปจนผู้สนับสนุนอย่างคุณพ่ออเมริกาโน่นเลย ที่ตกเป็นฝ่าย “พ่ายแพ้” ไปอย่างค่อนข้างจะยับเยินพอสมควร...

คือไม่ต้องไปมองอะไรมาก...เอาแค่ “การลุกฮือ”ของผู้คนระดับทั่วทั้งโลก หรือประมาณ 100 กว่าเมืองทั่วโลก ที่ลุกขึ้นมาปกป้องบรรดาชาวปาเลสไตน์และกล่าวหาด่าประณามทั้งอิสราเอลและคุณพ่ออเมริกา ตั้งแต่เหนือ-จรดใต้ ตะวันตก-จรดตะวันออก หรือจาก “ลอนดอน-เคปทาวน์-ไปถึงโอ๊คแลนด์” โน่นเลย หรือระดับโลกทั้งโลก...ต่างหันมาปฏิเสธแนวนโยบาย การขยายตัวของอิสราเอล (The Grater Israel)รวมทั้งปฏิเสธ “ประชาธิปไตยแบบตะวันตก” ของคุณพ่ออเมริกาอีกซะด้วยต่างหาก หรือไม่เพียงแต่ทำให้ประเทศเกิดใหม่อย่างอิสราเอลยิ่ง “โดดเดี่ยว” ตัวเองไปจากโลกอาหรับ หรือแม้แต่โลกทั้งโลกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังทำให้รัฐบาลอเมริกันชุดใหม่ ที่หวังจะใช้ “ประชาธิปไตยแบบตะวันตก” เป็นเครื่องมือ หรือเป็นอาวุธอันทรงอานุภาพ ในการเอาชนะมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย ยังต้องเสียหน้า เสียหมา และเสียรังวัดตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะถือเป็นการเปิดโปง เปิดโฉมหน้า ของรัฐบาลอเมริกันได้อย่างชัดเจน ว่าไม่ว่าจะเป็นรีพับลิกันหรือเดโมแครต เป็น “ทรัมป์บ้า” หรือ “โจ ซึมเซา” ก็แล้วแต่ ต่างล้วนเป็น “รัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว” อย่างมิอาจปฏิเสธได้...

ขนาดแค่จะออกแถลงการณ์เพื่อแสดง “จุดยืน” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในกรณีดังกล่าว ก็เหลืออยู่เพียงแค่ประเทศเดียวเท่านั้น คือคุณพ่ออเมริกาที่ออกมาค้านแบบสุดฤทธิ์ สุดเดช จนไม่อาจแสดงจุดยืนอีกต่อไปได้ หรือแม้ว่าบรรดาพวก “ฝ่ายก้าวหน้า”หรือพวกปีกซ้ายในพรรคเดโมแครตด้วยกันเอง จะออกมากดดัน เรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกันเลิกอุ้ม เลิกแบก หรือเลิกเป็นหนังหน้าไฟต่อความเหี้ยม ความโหดต่อการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ของอิสราเอลเพียงใดก็ตาม สุดท้าย...ไม่เพียงไม่สามารถเปลี่ยนใจ เปลี่ยนนโยบาย “รัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว” ได้เลย ล่าสุด...ผู้นำอเมริการายใหม่อย่าง “ผู้เฒ่าโจ”ยังออกป่าวประกาศแบบเสียงดังฟังชัด ว่าพร้อมที่จะสนับสนุนการเติม “จรวดสกัดกั้น” ให้กับระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอล หรือ “Iron Dome”ที่ถูกยิงไปแล้วนับเป็นพันๆ ลูกในคราวนี้ คิดสะระตะว่าลูกละประมาณ 20,000-100,000 ดอลลาร์ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญเขาว่าไว้ ก็เท่ากับว่าคุณพ่ออเมริกาพร้อมควักเงินภาษีอากรราษฎรอเมริกัน มาช่วยให้รัฐบาลอิสราเอลสามารถดำรงขีดสามารถในการ “ฆ่า” หรือที่เรียกให้สวยหรูขึ้นมาหน่อยว่า “สิทธิการป้องกันตนเอง”โดยไม่สนใจต่อสิ่งที่เรียกว่า “สิทธิมนุษยชน” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ กันในทางทหารหรือในทางการเมืองก็ตาม สิ่งที่อดีตเอกอัครราชทูตอินตะระเดีย อย่างท่าน “เอ็ม.เค.ภัทรกุมาร” (M.K. Bhadrakumar) สรุปไว้ในข้อเขียนที่เผยแพร่อยู่ใน “เอเชียไทมส์ ออนไลน์” ชิ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมานี่เอง ก็เป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย นั่นคือข้อเขียน บทความ ที่ให้ชื่อเอาไว้ว่า “Israel’s Pyrrhic victory in Gaza, Netanyahu is real winner” หรือจากชัยชนะปลอมๆ ของอิสราเอลในการถล่มชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซาคราวนี้ ผู้ที่น่าจะถือเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ก็คือผู้นำอิสราเอลที่กำลังโดนคดีคอร์รัปชัน ติดสินบน จนแทบหาทางออก ทางไป หรือแม้แค่การ “จัดตั้งรัฐบาลอิสราเอล”ขึ้นมาใหม่แทบไม่เจอ นั่นก็คือนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” นั่นเอง ที่สามารถลากประเทศอเมริกาทั้งประเทศ มาใช้เป็น “เครื่องมือ”ในการ “หาเสียงเลือกตั้ง”ของตัวเองมาโดยตลอด และยังสามารถลากชีวิตของบรรดาชาวปาเลสไตน์นับร้อยๆ รวมทั้งชาวอิสราเอลอีกไม่ต่ำกว่าสิบราย มาใช้เป็น “เหยื่อเซ่นสังเวย” จนมีบทบาทโดดเด่น เป็นสง่า เหนือนักการเมืองคู่แข่งภายในประเทศตัวเอง ชนิดที่หากต้องมีการ “เลือกตั้งครั้งที่ 5”ในประเทศอิสราเอลอีกต่อไป โอกาสที่ “เนทันยาฮู” จะ “นอนมา”โดยมี “พระสวดนำหน้า”ซะยิ่งกว่า “บิ๊กตู่”บ้านเราเป็นไหนๆ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ นั่นแล...




กำลังโหลดความคิดเห็น