แหล่งข่าวเผยในวันจันทร์ (17 พ.ค.) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และบรรดาผู้ช่วยกำลังทำงานอยู่ในฉากหลัง กดดันให้เกิดข้อตกลหยุดหยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส พร้อมแสดงความผิดหวังต่อกรณีที่อิสราเอลทิ้งระเบิดโจมตีอาคารหลังหนึ่งในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสื่อมวลชนบางสำนัก
ไบเดน กำลังถูกกดดันจากบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคเดโมแครตของเขาเองให้แสดงบทบาทผู้นำมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯอ้างว่าประธานาธิบดีและคณะทำงานของเขาเลือกพยายามอย่างเงียบๆ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลและพันธมิตรของสหรัฐฯในโลกอาหรับ
“จากการคำนวณของเราในตอนนี้ คือ การสนทนากันอยู่หลังฉากคือแนวทางที่สร้างสรรค์ที่สุดที่เราสามารถทำได้” เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมเผยว่า ประธานาธิบดี ไบเดน พูดคุยทางโทรศัพท์กับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกอิสราเอล ไปแล้ว 3 ครั้งนับตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้น
ทำเนียบขาวบอกว่าไบเดนสนับสนุนอิสราเอลให้ใช้ทุกความพยายาม เพื่อรับประกันว่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์จะได้รับการปกป้องและผู้นำทั้งสองยังได้หารือกันเกี่ยวกับปปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลกับพวกฮามาสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ในฉนวนกาซา
“ประธานาธิบดีแสดงจุดยืนสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิง และการหารือกันระหว่างสหรัฐฯ อียิปต์และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดลงเอยดังกล่าว” ถ้อยแถลงของทำเนียบขาวระบุ
ความเคลื่อนไหวของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจากบรรดาผู้สนับสนุนของรัฐบาลไบเดน เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว “เราผิดหวังอย่างยิ่งที่รัฐบาลไม่เคลื่อนไหวให้เร่งด่วนกว่านี้” ความเห็นของ โลแกน เบย์รอฟฟ์ โฆษก J Street กลุ่มล็อบบียิสต์ฝักใฝ่อิสราเอล
วุฒิสภา 28 คน ในนั้นกว่าครึ่งมาจากพรรคเดโมแครต ออกถ้อยแถลงในวันอาทิตย์ (16 พ.ค.) เรียกร้องให้หยุดยิงในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียชีวิตพลเรือนไปมากกว่านี้ และป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย
รัฐบาลไบเดนต้องพึ่งพิงอียิปต์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพวกเขามีอิทธิพลต่อพวกฮามาส กลุ่มที่ยิงจรวดเข้าใส่เมืองต่างๆของอิสราเอล กระตุ้นให้อิสราเอลตอบโต้ด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และนำมาซึ่งการปะทะครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014
ไบเดน ปกป้องอย่างหนักแน่นต่อสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล เพราะว่าพวกเขาถูกฮามาส กลุ่มที่สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำในฐานะองค์กรก่อการร้าย ยิงจรวดถล่มเป็นชุด แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลอเมริกาไม่สนับสนุนการทำลายล้างตึกสูงแห่งหนึ่งในฉนวนกาซาของอิสราเอล ด้วยอาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวเอพีและอัลจาซีราห์
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลไบเดนมองเหตุโจมตีอาคารดังกล่าวเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเปลี่ยนมุมมองที่มีต่ออิสราเอลของประชาชนบางส่วนในสหรัฐฯ นอกจากนี้เหตุการณ์ดังกล่าวยังกระตุ้นให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากเดโมแครตบางส่วนถึงกับออกมาประณามว่ามันเป็นสิ่งที่ “น่ารังเกียจ”
“การสูญเสียชีวิตพลเรือนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอล เป็นสิ่งที่ไร้สามัญสำนึกและไม่อาจยอมรับได้” โจอาควิน คาสโต ส.ส.จากพรรคเดโมแครตกล่าว “ผมรู้สึกปั่นป่วนใจอย่างยิ่งต่อการทิ้งบอมบ์อย่างไม่สมเหตุสมผลในฉนวนกาซา ซึ่งมีผู้หญิงและเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 92 ราย และมีเป้าหมายที่อาคารสำนักข่าวเอพี”
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่าเขาได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องหยุดความรุนแรงในอิสราเอง เวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา
ทางรัฐบาลของไบเดนกล่าวโทษอดีตรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกรณีตัดช่องทางการสื่อสารกับองค์การบริหารแห่งชาติปาเลสไตน์ เพื่อกระชับนโยบายฝักใฝ่อิสราเอล ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ามันเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมภาวะไร้เสถียรภาพในปัจจุบัน
ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ ช่วยเจรจาสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับ 4 ชาติอาหรับ แต่ขณะเดียวกัน เขาได้ตัดเงินช่วยเหลือปาเลสไตน์
(ที่มา: รอยเตอร์)