ผู้จัดการรายวัน360- "เพนกวิน" ประกาศเดินหน้าปฏิรูปสถาบันฯ ยกเลิก ม.112 ลั่นจัดม็อบต่อ แถไม่ผิดเงื่อนไขศาล ย้ำอุดมการณ์ยังเหมือนเดิม "แรมโบ้"อัดยับทั้งเพนกวิน-แม่ คนหนักแผ่นดิน สันดานไม่เคยเปลี่ยน ขณะที่ศาลอาญา อนุญาตให้ประกัน “พอร์ท ไฟเย็น” คดีม.112 โพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท พร้อมวางเงื่อนไขห้ามทำกิจกรรมก่อความวุ่นวายหรือกระทำให้เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์
วานนี้ (12พ.ค.) นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ” หลังได้รัยการประกันตัววันแรก โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ที่ถือเป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ และไม่เข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ระบุว่า
การคุมขังผม 93 วัน และการอดอาหารประท้วงความอยุติธรรมเป็นเวลา 57 วันของผมสิ้นสุดลงแล้ว โดยที่เมื่อวันที่ 11 ศาลได้คืนสิทธิประกันตัวให้ผมและพี่แอมมี่แล้ว แม้จะเป็นการประกันตัวโดยที่ศาลกำหนดเงื่อนไขมาบางประการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเพื่อสกัดกั้นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมจะถือว่าการที่ศาลเอาเรื่องทางการเมืองมาตั้งเงื่อนไขนี้ เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาตัวเองว่าดำรงตนในความยุติธรรม หรือไม่ อย่างไรก็ดี นี่คือการวางบรรทัดฐานว่าคดี มาตรา 112 ก็มีสิทธิได้รับการประกันตัว จากเดิมที่ในอดีตนั้นแทบไม่มีการได้ประกันตัวเลย และผมเชื่อว่ากฎหมายป่าเถื่อนมาตรานี้ จะถูกยกเลิกไปในไม่ช้า
ในส่วนของเงื่อนไขนั้น ผมเห็นว่าไม่ได้ขัดข้องอะไรต่อการเคลื่อนไหว เพราะเงื่อนไขข้อที่ว่า ห้ามมิให้สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์นั้น ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะสร้างความเสื่อมเสียอะไรให้สถาบันกษัตริย์ เพราะผมไม่คิดว่าสถาบันกษัตริย์จะเสื่อมเสียลงเพียงเพราะการที่ประชาชนพูดความจริง เช่นเดียวกับเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิก มาตรา 112 ทวงคืนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เช่น หุ้น SCB)ยกเลิกกองกำลังส่วนพระองค์ เหล่านี้ผมไม่เห็นว่าจะสร้างความเสื่อมเสียให้สถาบันกษัตริย์ได้อย่างไร หากจะมองว่าการเรียกร้องให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ก็คงจะต้องถามกันต่อว่า ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข หรือปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กันแน่
ดังนั้นแล้ว สำหรับผมการต่อสู้เพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ จะดำเนินต่อไป
สำหรับเงื่อนไขเรื่องห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น ผมยืนยันว่า ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา ผมยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรง การชุมนุมที่ผมเข้าร่วม หรือได้มีส่วนร่วมจัดนั้น ล้วนแต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธทั้งสิ้น เท่าที่เห็นก็มีแต่จะไม่สงบบ้าง เพราะถูกเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุมฝ่ายรัฐ และผู้ไม่ประสงค์ดีมาใช้กำลังเพียงเท่านั้น
ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าเงื่อนไขข้อนี้ จะไม่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้ของผมเช่นกัน และผมพร้อมที่จะเข้าร่วมทุกกิจกรรมหลังจากที่วิกฤติการณ์โรคระบาดระลอกนี้ (ซึ่งเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะยังดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้น และเข้มแข็ง การต่อสู้ของเราดำเนินอยู่บนสัจธรรมความจริง เพราะไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่เท่าพลังแห่งความจริง และความจริงย่อมเป็นสิ่งนิรันดร์ประดุจดวงดาว เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่มุมใดของฟ้า ดวงดาวก็จรัสแสง เช่นเดียวกับความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงที่ทรงพลังและไม่มีวันตาย
ก้าวต่อไปเฉพาะหน้า เราจะต้องช่วยกันปลดปล่อยผู้พูดความจริงอีกหลายคนที่ยังถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็น ทนายอานนท์ พี่ไมค์ ระยอง แฟรงค์ ณัฐชนน และอีกหลายๆ ท่าน เราผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายยังจะต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นอย่างสมบูรณ์ว่าการพูดความจริงไม่ผิด และความเท็จไม่อาจคุมขังปิดบังความจริงได้ตลอดไป
ผมยังคงเป็นผม และยังคงศรัทธาในความจริงที่ว่า ไม่มีใครหมุนเข็มนาฬิกากลับได้ และสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งกำลังพัดโบกจะพาเราไปสู่อีกด้านหนึ่งของขอบฟ้าในไม่ช้านี้
ส่วนในระหว่างนี้ ตัวผมขอพักฟื้นร่างกาย และหาอะไรกินก่อนจะเดินไปกับพี่น้องทุกท่านอีกครั้ง ผมยังคงเป็นคนเดิม สู้เพื่ออุดมการณ์ดังเดิม และจะมุ่งมั่นต่อการต่อสู้มากกว่าเดิมครับ
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึง ท่าทีของนายพริษฐ์ หลังได้รับการประกันตัวว่า ทีแรกก็มองด้วยเจตนาดีว่า จะกลับตัวกลับใจหลังจากติดคุกติดตะรางมา ก็คงจะสำนึกผิดที่ได้ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง แต่พอเห็นข่าว และภาพ นายเพนกวินชูสามนิ้วกับแม่ และสวมเสื้อ ยกเลิก ม.112 และมีข้อความปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เท่านั้นแหละ ตนและประชาชนส่วนใหญ่ที่ปกป้องสถาบันฯ มีความรู้สึกตรงกันว่า ทำไมนายเพนกวิน จึงยังไม่มีจิตสำนึก ที่ศาลท่านเมตตาปล่อยออกมา ราชทัณฑ์เขาก็ไม่อยากขัง เพราะกลัวจะไปตายคาเรือนจำเพราะไปอดข้าวประท้วง แต่นายเพนกวิน ออกมาไม่ถึง 24 ชม. ก็แสดงสันดานแบบเดิม คือ ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงเหมือนเดิม ทั้งๆที่ได้ยืนยันต่อศาลแล้ว แบบนี้เป็นการโกหกหลอกลวงศาล และต้มคนทั้งประเทศกันชัดๆ
อยากให้หน่วยงานความมั่นคงจับตาให้ดีๆ เพราะคนเหล่านี้คงจะมีท่อน้ำเลี้ยง เพราะเงินทองไม่ขาดมือ พอออกมากันหมด จะมาก่อการใหญ่สร้างความรุนแรงขึ้นมาอีก เพราะมี “นายทุน”ใหญ่เป็นแบ็กคอยหนุนหลังเพื่อต้องการที่จะล้มล้างสถาบันฯ จาบจ้วงก้าวล่วง อยู่ตลอดเวลา
"คนพวกนี้หนักแผ่นดิน อยู่ไปก็ทำลายความสุขและบรรยากาศที่ดีของประเทศไทย ทำไมไม่ย้ายประเทศไปให้หมดๆ เสียที บ้านเมืองจะได้สูงขึ้น นี่ขนาดนายเพนกวิน ยังโกหกใครต่อใครอีก มิหนำซ้ำคนเป็นแม่ ยังพลอยส่งเสริมลูก ทำไมไม่เคยคิดห้ามปรามลูกบ้าง แล้วตอนที่ขอกับศาลว่าอย่างไร วันนี้ทำไมลืมหมดแล้ว คงอีกไม่นานถ้าถูกถอนประกันอีก อย่ามาโทษว่ากฎหมายหรือกระบวนการศาลไม่เป็นธรรมก็แล้วกัน" นายเสกสกล กล่าว
ศาลอาญาให้ประกัน "พอร์ท ไฟเย็น"
ในวันเดียวกันนี้ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ผ่านระบบ Video Conference ไปยังโรงพยาบาลสนามราชทัณฑ์ นายปริญญา ชีวินปฐมกุล หรือ "พอร์ท ไฟเย็น" อายุ 36 ปี ในคดีโพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Richadan Port เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2559 เป็นภาพข่าวการทำรัฐประหารในประเทศตุรกี พร้อมข้อความประกอบ...กับวันที่ 30 มิ.ย.2559 ได้โพสต์เนื้อหาเพลง สถาบัน … และวันที่ 27 เม.ย.2559 ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันและกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ต่อมาวันที่ 5 มี.ค.2564 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ที่บ้านพักแขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ จึงได้แจ้งข้อหานำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ ตาม ป.อาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 ม.14 (3) (5) ในชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวน ตีราคาหลักประกัน 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยทำกิจกรรมหรือใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทางที่จะเกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตและให้มาศาลตามกำหนดนัด
วานนี้ (12พ.ค.) นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ” หลังได้รัยการประกันตัววันแรก โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ที่ถือเป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ และไม่เข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ระบุว่า
การคุมขังผม 93 วัน และการอดอาหารประท้วงความอยุติธรรมเป็นเวลา 57 วันของผมสิ้นสุดลงแล้ว โดยที่เมื่อวันที่ 11 ศาลได้คืนสิทธิประกันตัวให้ผมและพี่แอมมี่แล้ว แม้จะเป็นการประกันตัวโดยที่ศาลกำหนดเงื่อนไขมาบางประการ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเพื่อสกัดกั้นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ผมจะถือว่าการที่ศาลเอาเรื่องทางการเมืองมาตั้งเงื่อนไขนี้ เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาตัวเองว่าดำรงตนในความยุติธรรม หรือไม่ อย่างไรก็ดี นี่คือการวางบรรทัดฐานว่าคดี มาตรา 112 ก็มีสิทธิได้รับการประกันตัว จากเดิมที่ในอดีตนั้นแทบไม่มีการได้ประกันตัวเลย และผมเชื่อว่ากฎหมายป่าเถื่อนมาตรานี้ จะถูกยกเลิกไปในไม่ช้า
ในส่วนของเงื่อนไขนั้น ผมเห็นว่าไม่ได้ขัดข้องอะไรต่อการเคลื่อนไหว เพราะเงื่อนไขข้อที่ว่า ห้ามมิให้สร้างความเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์นั้น ผมก็ไม่เห็นว่าผมจะสร้างความเสื่อมเสียอะไรให้สถาบันกษัตริย์ เพราะผมไม่คิดว่าสถาบันกษัตริย์จะเสื่อมเสียลงเพียงเพราะการที่ประชาชนพูดความจริง เช่นเดียวกับเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิก มาตรา 112 ทวงคืนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (เช่น หุ้น SCB)ยกเลิกกองกำลังส่วนพระองค์ เหล่านี้ผมไม่เห็นว่าจะสร้างความเสื่อมเสียให้สถาบันกษัตริย์ได้อย่างไร หากจะมองว่าการเรียกร้องให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ก็คงจะต้องถามกันต่อว่า ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข หรือปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กันแน่
ดังนั้นแล้ว สำหรับผมการต่อสู้เพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ จะดำเนินต่อไป
สำหรับเงื่อนไขเรื่องห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น ผมยืนยันว่า ตลอดการต่อสู้ที่ผ่านมา ผมยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรง การชุมนุมที่ผมเข้าร่วม หรือได้มีส่วนร่วมจัดนั้น ล้วนแต่เป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธทั้งสิ้น เท่าที่เห็นก็มีแต่จะไม่สงบบ้าง เพราะถูกเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุมฝ่ายรัฐ และผู้ไม่ประสงค์ดีมาใช้กำลังเพียงเท่านั้น
ดังนั้น ผมจึงเห็นว่าเงื่อนไขข้อนี้ จะไม่เป็นอุปสรรคในการต่อสู้ของผมเช่นกัน และผมพร้อมที่จะเข้าร่วมทุกกิจกรรมหลังจากที่วิกฤติการณ์โรคระบาดระลอกนี้ (ซึ่งเกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะยังดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้น และเข้มแข็ง การต่อสู้ของเราดำเนินอยู่บนสัจธรรมความจริง เพราะไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่เท่าพลังแห่งความจริง และความจริงย่อมเป็นสิ่งนิรันดร์ประดุจดวงดาว เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่มุมใดของฟ้า ดวงดาวก็จรัสแสง เช่นเดียวกับความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงที่ทรงพลังและไม่มีวันตาย
ก้าวต่อไปเฉพาะหน้า เราจะต้องช่วยกันปลดปล่อยผู้พูดความจริงอีกหลายคนที่ยังถูกจองจำอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็น ทนายอานนท์ พี่ไมค์ ระยอง แฟรงค์ ณัฐชนน และอีกหลายๆ ท่าน เราผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายยังจะต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นอย่างสมบูรณ์ว่าการพูดความจริงไม่ผิด และความเท็จไม่อาจคุมขังปิดบังความจริงได้ตลอดไป
ผมยังคงเป็นผม และยังคงศรัทธาในความจริงที่ว่า ไม่มีใครหมุนเข็มนาฬิกากลับได้ และสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งกำลังพัดโบกจะพาเราไปสู่อีกด้านหนึ่งของขอบฟ้าในไม่ช้านี้
ส่วนในระหว่างนี้ ตัวผมขอพักฟื้นร่างกาย และหาอะไรกินก่อนจะเดินไปกับพี่น้องทุกท่านอีกครั้ง ผมยังคงเป็นคนเดิม สู้เพื่ออุดมการณ์ดังเดิม และจะมุ่งมั่นต่อการต่อสู้มากกว่าเดิมครับ
ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวถึง ท่าทีของนายพริษฐ์ หลังได้รับการประกันตัวว่า ทีแรกก็มองด้วยเจตนาดีว่า จะกลับตัวกลับใจหลังจากติดคุกติดตะรางมา ก็คงจะสำนึกผิดที่ได้ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง แต่พอเห็นข่าว และภาพ นายเพนกวินชูสามนิ้วกับแม่ และสวมเสื้อ ยกเลิก ม.112 และมีข้อความปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เท่านั้นแหละ ตนและประชาชนส่วนใหญ่ที่ปกป้องสถาบันฯ มีความรู้สึกตรงกันว่า ทำไมนายเพนกวิน จึงยังไม่มีจิตสำนึก ที่ศาลท่านเมตตาปล่อยออกมา ราชทัณฑ์เขาก็ไม่อยากขัง เพราะกลัวจะไปตายคาเรือนจำเพราะไปอดข้าวประท้วง แต่นายเพนกวิน ออกมาไม่ถึง 24 ชม. ก็แสดงสันดานแบบเดิม คือ ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงเหมือนเดิม ทั้งๆที่ได้ยืนยันต่อศาลแล้ว แบบนี้เป็นการโกหกหลอกลวงศาล และต้มคนทั้งประเทศกันชัดๆ
อยากให้หน่วยงานความมั่นคงจับตาให้ดีๆ เพราะคนเหล่านี้คงจะมีท่อน้ำเลี้ยง เพราะเงินทองไม่ขาดมือ พอออกมากันหมด จะมาก่อการใหญ่สร้างความรุนแรงขึ้นมาอีก เพราะมี “นายทุน”ใหญ่เป็นแบ็กคอยหนุนหลังเพื่อต้องการที่จะล้มล้างสถาบันฯ จาบจ้วงก้าวล่วง อยู่ตลอดเวลา
"คนพวกนี้หนักแผ่นดิน อยู่ไปก็ทำลายความสุขและบรรยากาศที่ดีของประเทศไทย ทำไมไม่ย้ายประเทศไปให้หมดๆ เสียที บ้านเมืองจะได้สูงขึ้น นี่ขนาดนายเพนกวิน ยังโกหกใครต่อใครอีก มิหนำซ้ำคนเป็นแม่ ยังพลอยส่งเสริมลูก ทำไมไม่เคยคิดห้ามปรามลูกบ้าง แล้วตอนที่ขอกับศาลว่าอย่างไร วันนี้ทำไมลืมหมดแล้ว คงอีกไม่นานถ้าถูกถอนประกันอีก อย่ามาโทษว่ากฎหมายหรือกระบวนการศาลไม่เป็นธรรมก็แล้วกัน" นายเสกสกล กล่าว
ศาลอาญาให้ประกัน "พอร์ท ไฟเย็น"
ในวันเดียวกันนี้ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ผ่านระบบ Video Conference ไปยังโรงพยาบาลสนามราชทัณฑ์ นายปริญญา ชีวินปฐมกุล หรือ "พอร์ท ไฟเย็น" อายุ 36 ปี ในคดีโพสต์เฟซบุ๊กชื่อ Richadan Port เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2559 เป็นภาพข่าวการทำรัฐประหารในประเทศตุรกี พร้อมข้อความประกอบ...กับวันที่ 30 มิ.ย.2559 ได้โพสต์เนื้อหาเพลง สถาบัน … และวันที่ 27 เม.ย.2559 ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันและกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ต่อมาวันที่ 5 มี.ค.2564 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ที่บ้านพักแขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ จึงได้แจ้งข้อหานำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ และนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ ตาม ป.อาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 ม.14 (3) (5) ในชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวน ตีราคาหลักประกัน 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยทำกิจกรรมหรือใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในทางที่จะเกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมใดที่อาจก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตและให้มาศาลตามกำหนดนัด