สำหรับแนวรบต่อมา...คือ “แนวรบตะวันออกกลาง” นั้น ไม่ว่าในแง่แนวโน้มของความร้อน ความเป็นวัตถุไวไฟ ยังไงๆ ย่อมไม่น่าจะน้อยกว่าแนวรบแถบทะเลจีนใต้ จีนตะวันออกอยู่แล้วแน่ๆ เพราะโดยพื้นฐานความเป็นมา-เป็นไปของ 2 ประเทศ “คู่กัดตลอดกาล” อย่างสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับไซออนิสต์แห่งอิสราเอลนั้น หนักไปทางแตะต้องแทบไม่ค่อยจะได้ หรือ “แตะเธอเมื่อไหร่...โลกแตกแน่” ไปด้วยกันทั้งคู่...
ช่วงระหว่างนี้...หรือไม่กี่เดือน ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ โดยสีสันบรรยากาศของแนวรบด้านนี้ จึงเต็มไปด้วยความเข้มขมึงตึงเครียดของการ “ล้างแค้น-เอาคืน” ระหว่าง 2 ประเทศคู่กัดตลอดกาล ระดับหนักหนา-สาหัสซะยิ่งกว่า “เสือล้างสิงห์เจอลิงล้างก้น” ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ใครที่มีโอกาสติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของทั้ง สองประเทศโดยสม่ำเสมอ คงพอได้รับรู้รับทราบถึงบรรยากาศของการล้างแค้น-เอาคืนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี คือตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หรือราวๆ เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ข่าวคราวการระเบิดเรือสินค้า เรือบรรทุกน้ำมันของทั้งสองประเทศ ด้วยจรวดลึกลับของผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม หรือด้วยการวางระเบิดแบบการก่อวินาศกรรมก็แล้วแต่ มันจึงปรากฏให้เห็นแบบถี่ๆ หรือแบบเป็นระลอกมาโดยตลอด...
ช่วงเดือนกุมภาฯ นั้น...เรือบรรทุกสินค้า “MV Helios Ray” ของอิสราเอล ที่แล่นจากแทนซาเนียไปยังอินเดีย จู่ๆ ก็ต้องเจอกับระเบิดหรือจรวด ก็ยังไม่เป็นที่สรุปชัดเจน แต่หลังจากตูมๆ-ตามๆ ขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูง ระดับล่าง หรือระดับรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลโน่นเลย ต่างหันไปชี้นิ้วที่อิหร่านเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก และแม้ว่าทางการอิหร่านจะออกมาปฏิเสธ ยืนหยัด ยืนกราน ว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง เกี่ยวพันใดๆ ก็ตาม แต่อีกเดือนต่อมาหรือช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านที่แล่นไป-แล่นมาอยู่แถวๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือเรือ “Shahr-e Kord” ก็ต้องเจอกับระเบิดหรือจรวดของผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแต่ประสงค์มิดี-มิงามอยู่แล้วแน่ๆ ชนิดไปไม่ได้-ไปไม่เป็นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...
ดังนั้น...ในช่วงปลายๆ มีนาฯ เรือบรรทุกสินค้าอิสราเอล คือเรือ “Lori” ที่กำลังแล่นไป-แล่นมาอยู่แถวๆ ทะเลอาหรับ หรืออ่าวโอมาน ก็เลยต้องเจอกับจรวดหรือระเบิดเข้าไปอีกดอก จนเมื่อถึงต้นเดือนเมษาฯ หนุ่มบ้านนาแห่งอิหร่าน ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งฝันใดๆ ต่อไปอีก เพราะเรือ “MV Saviz” หรือบรรทุกสินค้าของอิหร่าน ที่ถูกกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามนำมาดัดแปลงให้เป็นเรือที่ช่วยควบคุม ดูแล ปฏิบัติการของบรรดาโจรสลัดในน่านน้ำแถบนั้น ก็ถูกจรวดลูกเบ้อเร่อขณะออกปฏิบัติการในแถบทะเลแดง แถวๆ จงอยแห่งแอฟริกา หรือแถบใกล้ๆ ประเทศจิบูตี เมื่อช่วงวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมานี่เอง และแทนที่จะเถียงกันไป-เถียงกันมา กล่าวหากันไป-กันมา เมื่อช่วงที่ 14 เมษายน หรือเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีข่าวคราวปรากฏออกมาว่า เรือ “Hyrerion Ray” ของอิสราเอลที่จอดอยู่ที่เมืองท่า “Fujairah” ของประเทศยูเออี ก็ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีและไม่ประสงค์จะออกนามเล่นงานจนไปไม่เป็น-ไปไม่ออก อีกเช่นกัน...ฯลฯ ฯลฯ...
แต่การล้างแค้น-เอาคืนในลักษณะทำนองนี้...ยังไม่หนักหนา-สาหัสเท่ากับการวินาศกรรม หรือการ “ก่อการร้าย” ต่อโรงงานแปรรูป หรือโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมอิหร่าน ที่อยู่ห่างไปทางใต้ของกรุงเตหะรานประมาณ 250 กิโลเมตร นั่นก็คือโรงงาน “นาทานซ์” (Natanz) นั่นเอง จะโดยอาศัยความสามารถของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ หรือการวางระเบิด การโจมตีใดๆ ก็ยังไม่เป็นที่สรุปแน่ชัด แต่นอกจากส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของผู้คนในโรงงานแห่งนี้จำนวนไม่น้อย แต่ยังกลายเป็นการลดทอนศักยภาพ สมรรถภาพ ในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ที่ต้องอาศัยโรงงาน “นาทานซ์” แห่งนี้นี่เองเป็นศูนย์กลางของโครงการดังกล่าว หรือทำให้ “อำนาจต่อรอง” ของอิหร่านลดลงไปแบบฮวบๆ ฮาบๆ ขณะที่กำลังใกล้จะพบปะเจรจา ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน ในเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน หรือ “JCPOA” ที่กรุงเวียนนา...
โดยเหตุการณ์คราวนี้...ไม่ว่าจะเป็นฝีมือ-ฝีตีนของใครก็ตาม แต่โดยคำพูด คำจา ของผู้นำอิสราเอล หรือของนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” ระหว่างการพบปะหารือกับ “พล.อ.ลอยด์ ออสติน” (Lloyd Austin) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่เดินทางไปเยือนอิสราเอลอย่างเป็นทางการ หลังเหตุการณ์ระเบิดคราวนี้เพียงแค่ 1 วันเท่านั้นเอง ก็ดูจะเป็นตัวให้ “คำตอบ” ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคำพูดประโยคที่ว่า “เรา(อิสราเอล)จะไม่อนุญาตให้อิหร่าน...มีขีดความสามารถทางนิวเคลียร์ได้โดยเด็ดขาด!!! เพราะสิ่งเหล่านี้...อาจนำมาซึ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือการคิดลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่” ขณะที่ฝ่ายอิหร่าน นอกจากจะเรียกร้องไปยังทบวงปรมาณูสากล หรือ “IAEA” (International Atomic Energy Agency) ให้หาทางจัดการกับการ “ก่อการร้าย” แบบดื้อๆ ทื่อๆ เช่นนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายจาวาด ชารีฟ” (Javad Zarif) ยังได้ประกาศ “สงวนสิทธิ์” ที่จะตอบโต้-เอาคืน ต่อผู้ใดก็ตามที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการคราวนี้ โดยจะเป็น “เมื่อไหร่” และ “อย่างไร” อันนั้น...คงต้องไปจินตนาการเอาเองก็แล้วกัน...
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ในเมื่อแค่นั้น-ยังแค่นี้ แล้วถ้าแค่นู้น แค่โน้น-มันจะไปไกลถึงแค่ไหน??? อันนี้นี่แหละที่ออกจะเป็นอะไรที่หนักใจ น่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง คือมันอาจไม่ใช่แค่การระเบิดเรือ ไปๆ-มาๆ กันในแต่ละลำ เพราะสิ่งที่ประเทศอย่างอิสราเอลได้สร้างโจทย์เอาไว้ให้กับอิหร่านในแต่ละข้อๆ นั้น ออกจะหนักหนา-สาหัส ระดับต้อง “เบิ่งตา...จนหางตาฉีกขาด” แบบพระเอกหนังจีน หรือหนังกำลังภายใน เอาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่ากรณีลอบสังหารผู้นำทหารอิหร่าน อย่าง “พล.อ.กอเซ็ม สุไลมานี” ที่ทางการอิสราเอลย่อมต้องมีส่วนรู้เห็นไม่มากก็น้อย การลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ ผู้ได้รับยกย่องถึงขนาดถือเป็น “บิดาแห่งนิวเคลียร์อิหร่าน” คือ “นายโมห์เซน ฟาครีซาดาห์” ในใจกลางประเทศอิหร่านแท้ๆ ไปจนถึงความพยายามกวาดล้าง ทำลายกองกำลังอิหร่าน หรือผู้สนับสนุนอิหร่านไม่ว่าในซีเรีย อิรัก เยเมน อย่างชนิดไม่ไล่-ไม่เลิก...
ภายใต้สภาพเช่นนี้...บรรดา “บ้องข้าวหลามยักษ์” หรือจรวดสัญชาติอิหร่านพิสัยต่างๆ ที่ถูกแจกจ่ายไปยังบรรดาพันธมิตรในแต่ละราย ไม่ว่าขบวนการ “ฮามาส” ในปาเลสไตน์ “เฮซบอลเลาะห์” ในเลบานอน และโดยเฉพาะพวกกบฏ “ฮูตี” ในเยเมน ฯลฯ ล้วนทำให้ประเทศอิสราเอลรวมทั้งพันธมิตรในตะวันออกกลาง แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ตำบลกระสุนตก” โดยเฉพาะถ้าหากพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอล อย่างคุณพ่ออเมริกา ที่ถูกยกระดับจาก “พันธมิตร” ให้กลายเป็น “ครอบครัว” โดยนายกรัฐมนตรี “เนทันยาฮู” ไปเรียบร้อยแล้ว เกิดเพลี่ยงพล้ำขึ้นมาในแนวรบด้านใด ด้านหนึ่ง อย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรือเกิดการ “เดินหมากพลาด” ไปในตาหนึ่ง ตาใดก็ตาม “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ในระยะยาวอีเหลนเป๋นของจีน หรือตลอดช่วงระยะ 25 ปีข้างหน้า อย่างอิหร่าน ย่อมพร้อมแก้แค้น-เอาคืน ในระดับ “ลูกผู้ชาย...ล้างแค้นอีก 10 ปียังไม่สาย” หรือแบบพระเอกหนังจีนกำลังภายในได้เสมอๆ...
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ “แนวรบ” ในแต่ละด้าน ต่างมีความเกี่ยวโยง เกี่ยวพัน ระหว่างกันและกันอย่างชนิดแทบแยกออกจากกันไม่ได้โดยเด็ดขาด!!! ไม่เพียงแต่ “ใคร?” ที่จะเป็นผู้ “ลั่นกระสุนนัดแรก” ขึ้นมาในแถบช่องแคบไต้หวัน หรือในแนวรบทะเลจีนใต้-จีนตะวันออก จนอาจลุกลามมาถึงแนวรบในตะวันออกกลาง อันเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการ “ล้างแค้น-เอาคืน” ของแต่ละฝ่าย ที่นับวันจะเพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังต้องโยงไปถึง “แนวรบในยุโรปตะวันออก” หรือแถบๆ ทะเลดำที่บรรดา “เรือรบ” ของอภิมหาอำนาจอย่างอเมริกาและรัสเซีย แล่นกันขวักไขว่-ไปมา ไม่น้อยกว่าแนวรบด้านอื่นๆ โดยจะมีรายละเอียดเป็นเช่นใดนั้น พรุ่งนี้...ลองมาสรุปกันอีกที...