เหตุการณ์ที่โรงนิวเคลียร์นาทันซ์ของอิหร่านเมื่อวันอาทิตย์ (11 เม.ย.) มีต้นตอจากพฤติกรรม “ก่อการร้ายทางนิวเคลียร์” ตามคำกล่าวอ้างของอาลี อัคบาร์ ซาเลฮี หัวหน้านิวเคลียร์ของประเทศ พร้อมระบุว่าเตหะรานขอสงวนสิทธิ์จัดการกับพวกผู้ก่อเหตุ
Kan สถานีวิทยุแห่งรัฐของอิหร่านอ้างแหล่งข่าวด้านข่าวกรองซึ่งไม่เปิดเผยสัญชาติ ระบุว่าหน่วยข่าวกรอง (Mossad) ของอิสราเอล เป็นผู้ลงมือโจมตีทางไซเบอร์โรงนิวเคลียร์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ทางโฆษกขององค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่าน (AEOI) เปิดเผยว่าปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับระบบจ่ายไฟฟ้าที่โรงงานนาทันซ์ คือต้นตอของเหตุการณ์นี้ สื่อมวลชนอิหร่านรายงาน
เบห์รูซ คามัลวันดี โฆษกระบุว่า เหตุการณ์นี้ไม่ก่อความสูญเสียหรือการปนเปื้อนใดๆ ขณะที่สื่อมวลชนรายงานในเวลาต่อมาว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่ คามัลวันดี กำลังเดินทางเยือนโรงงานพอดี และเขา “ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและขา” อย่างไรก็ตาม รายงานไม่ได้ให้รายละเอียดว่าอะไรคือสาเหตุ
โรงงานแห่งนี้ตั้งอยูในเขตทะเลทรายของจังหวัดอิสฟาฮาน ทางภาคกลางของประเทศ มันเป็นแก่นกลางของโครงการแปรรูปยูเรเนียมของอิหร่านและอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะผู้ตรวจสอบของทบวงพลังงานปรมาณูสากล หน่วยงานเฝ้าระวังทางนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ
“ในขณะที่เราขอประณามความเคลื่อนไหวที่น่ารังเกียจนี้ อิหร่านของเน้นย้ำว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับประชาคมนานาชาติและทบวงพลังงานปรมาณูสากล ที่ต้องจัดการกับก่อการร้ายทางนิวเคลียร์นี้ และขอสงวนสิทธิ์จัดการกับพวกมือโจมตี” ซาเลฮีกล่าว
อิสราเอล ซึ่งกล่าวหาอิหร่านกำลังหาทางสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อใช้เล่นงานพวกเขา ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการต่อเหตุการณ์นี้ ซึ่งเกิดขึ้น 1 วันหลังจากเตหะราน เริ่มยกระดับกระบวนการหมุนเหวี่ยงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่โรงนิวเคลียร์นาทันซ์
สถานีวิทยุ Kan อ้างแหล่งข่าวข่าวกรอง บอกว่าความเสียหายที่โรงนิวเคลียร์นาทันซ์นั้นมีความกว้างขวางมากกว่าที่รายงานในอิหร่าน
เมื่อวันอาทิตย์ (11 เม.ย.) กองทัพและเหล่าหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล ได้ร่วมกันจัดพิธีฉลองวาระอิสราเอลจะครบรอบ 73 ปีแห่งการก่อตั้งประเทศในสัปดาห์หน้า แต่ระะหว่างนั้นนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ไม่ได้พาดพิงถึงเหตุการณ์ที่โรงนิวเคลียร์นาทันซ์ของอิหร่านแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่า “การต่อสู้กับนิวเคลียร์ของอิหร่าน คือภารกิจใหญ่หลวงมาก”
อิหร่านยืนกรานมาตลอดว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อสันติ
ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เคยเกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงนิวเคลียร์แห่งนี้มาแล้ว หนนั้นอิหร่านกล่าวหาว่ามันเป็นความพยายามบ่อนทำลายโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ
เมื่อปี 2010 มีการพบไวรัสคอมพิวเตอร์ Stuxnet ซึ่งเชื่อว่าพัฒนาโดยสหรัฐฯ และอิสราเอล หลังจากมันถูกใช้โจมตีโรงนิวเคลียร์นาทันซ์
เหตุการณ์ที่โรงนิวเคลียร์นาทันซ์มีขึ้นท่ามกลางความพยายามของเตหะรานและวอชิงตัน ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งอิหร่านทำไว้กับเหล่าชาติมหาอำนาจ หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงดังกล่าวเมื่อ 3 ปีก่อน แล้วหันกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกรอบ นอกจากนี้แล้วเขายังยกระดับคว่ำบาตรเตหะรานเพิ่มเติมอีกด้วย
ที่กรุงวอชิงตัน ทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวเหตุโจมตีที่โรงนิวเคลียร์นาทันซ์
ในปฏิกิริยาตอบสนองมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อิหร่านค่อยๆ ละเมิดข้อจำกัดต่างๆ ในเงื่อนไขของข้อตกลงตามลำดับ ทั้งนี้ ทั้งสองชาติเน้นย้ำจุดยืนของตนเองอย่างหนักแน่น ณ การเจรจาทางอ้อมที่กรุงเวียนนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเปิดหารือกันเพื่อหาทางดึงทั้งสองฝ่ายกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง
“การลงมือกับโรงงานนาทันซ์ แสดงให้ห็นถึงความล้มเลวในความพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและทางการเมืองของอิหร่าน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสกัดพัฒนาการของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน” ซาเลฮีกล่าว “เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกที่บงการพฤติกรรมก่อการร้ายนี้บรรลุเป้าหมาย ด้านหนึ่งอิหร่านจะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว และอีกด้านจะหาทางยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอันกดขี่ของสหรัฐฯ”
อิหร่านกล่าวโทษอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหาร โมห์เซน ฟาครีซาเดห์ ผู้ที่หน่วยข่าวกรองตะวันตกมองว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ผู้มีบทบาทสำคัญในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
อิสราเอลทั้งไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารดังกล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์)