xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกา-ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเป็นไป!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องแวะไปดูบรรยากาศ การทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง “ผู้นำโลก” หรือประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีอเมริกาอย่างเป็นทางการ ของ “ผู้เฒ่าโจ” และ “นางกมลา แฮร์ริส” ที่จะเริ่มต้นขึ้นในอีกวัน-สองวัน หรือวันพุธที่ 20 ม.ค.นี้นั่นแหละทั่น เพราะแม้จะเป็นแค่ “พิธีการ” ไม่ใช่ “กระบวนการ” ที่สลักสำคัญอะไรมาก แต่โดยสีสันบรรยากาศ ก็อาจเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงเบื้องลึก เบื้องหลัง เบื้องหน้า เบื้องกลาง และอาจไปถึงเบื้องปลายของความเป็นไปทางการเมืองภายในสังคมอเมริกัน ที่ออกอาการเละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ว่ามันจะเละไปถึงขั้นไหน หรือจะสามารถกอบโจ๊กเละๆ มาปั้นใหม่ให้เป็นรูป เป็นร่าง ไปในแนวไหน อย่างไร???

เพราะแม้ว่าการทำพิธีสาบานตนคราวนี้...โดยสีสันบรรยากาศภายนอก อาจไม่ถึงกับผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมๆ เท่าที่เคยมีมามากมายสักเท่าไหร่ บรรดา “คนดัง” ประเภทนักร้อง นักแสดง ต่างมากันครบหมด ไม่ว่าดาราตุ๊กตาทองอย่างคุณน้า “ทอม แฮงค์” (Tom Hanks) นักร้อง อย่าง “บอง โจวี” (Jon Bon Jovi) หรือผู้ที่จะลุกขึ้นมาขับขานบทเพลงระหว่างการทำพิธี อย่างคุณป้า “เจนนิเฟอร์ โลเปซ” (Jennifer Lopez) ฯลฯ แต่สิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คือ ต่างต้องโหยหวน ครวญคราง ต้องกู่ร้องปองรักกันภายใต้การประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” โดยนายกเทศมนตรีวอชิงตัน “นายMuriel Bowser” ที่สั่งห้ามไม่ให้ผู้คนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ห้ามออกมาเสนอหน้าใดๆ เป็นเด็ดขาด ไปจนกว่าจะถึงวันที่ 21 มกราคม หรือหลังจากพิธีสาบานตนผ่านพ้นไปแล้ว เป็นอย่างน้อย ขณะที่ผู้ซึ่งมีโอกาสนั่งฟัง นอนฟัง เสียงสดๆ จากบรรดานักร้อง นักแสดง หรือบรรดาคนดังทั้งหลาย ก็เห็นจะมีแต่บรรดากองกำลังแห่งหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติ หรือที่เรียกๆ กันว่า “National Guards” จำนวนถึงเกือบ 20,000 คนที่ต้องกระจายกำลังออกดูแลรักษาความปลอดภัย ระหว่างพิธีสาบานตนคราวนี้ แบบชนิด “หลับไม่ลง” หรือต้องแหกหู แหกตา เอาไว้ในทุกๆ ระยะ ทุกๆ วินาที เอาเลยก็ว่าได้...

ด้วยเหตุเพราะนอกเหนือไปจากการก่อม็อบชู 3 นิ้ว บุกรัฐสภาอเมริกัน เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา (6 ม.ค.) อันเป็นสิ่งที่ทำให้ “ประชาธิปไตยอเมริกัน” แทบกลายเป็น “ประชาธิป...ตาย” ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว โดยข้อมูล คำเตือน จากหน่วยงานความมั่นคงอย่าง “FBI” ที่ออกมาระบุถึง “ความเป็นไปได้” ในอันที่จะเกิดการก่อความรุนแรงตามมา โดยบรรดาพวก “ฝ่ายขวา” ที่สนับสนุนผู้ซึ่งหนีไม่พ้นต้องกลายเป็น “อดีตประธานาธิบดี” อย่าง “ทรัมป์บ้า” ด้วย “กำลังอาวุธ” เอาเลยถึงขั้นนั้น ภายในรัฐต่างๆ ของอเมริกาไม่น้อยกว่า 50 รัฐ หรือทั่วทั้งประเทศเอาเลยก็ว่าได้ หรืออาจถึงขั้น “บุกกรุงวอชิงตัน” เพื่อหาทางเล่นงาน “ผู้ทรยศ” รายต่างๆ เช่น อดีตรองประธานาธิบดี “ไมค์ เพนซ์” อาจถึงขั้นถูกจับ ถูกลักพาตัว หรือกระทั่งถูกฆ่า ถูกลอบสังหารเอาง่ายๆ จริง-ไม่จริง...ก็คงไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัด!!! แต่การประกาศภาวะฉุกเฉิน ปิดบ้าน ปิดเมือง และต้องระดมกองกำลังเนชั่นแนล การ์ด ออกสอดส่องดูแลกันถึง 20,000 คนเป็นอย่างน้อย ต้องถือเป็นหลักฐานและข้อพิสูจน์ ว่าอะไรต่อมิอะไรมันน่าจะ “เอาเรื่อง” อยู่พอสมควรเหมือนกัน...

หรืออย่างที่หน่วยงาน องค์กรเอกชน ที่เฝ้าเกาะติดความเคลื่อนไหวของบรรดาพวก “ขวาจัด” เหล่านี้มาโดยตลอด คือองค์กรที่เรียกกันย่อๆ ว่า “SPLC” หรือ “Southern Poverty Law Center” ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1971 โน่นเลย เพื่อคอยช่วยเหลือผู้ที่ถูกพวกขวาจัด พวกเหยียดผิว อย่างประเภทพวก “Ku-Klux-Klan” อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย เล่นงานด้วยกรรมวิธีต่างๆ เมื่อช่วงวันศุกร์ (15 ม.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง ทั้งตัวประธาน “นางMargaret Huang” และโฆษก “นายMichael Edison Hayden” ต้องออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ว่าโดยการ “เจาะ-เกาะ-ติด” หรือติดตามความเคลื่อนไหวของพวกฝ่ายขวาเหล่านี้มาเป็นระยะๆ แม้จะถูกปิดปาก-ปิดจมูก ปิดเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯลฯ แต่ยังพยายามชิทๆ แชทๆ อยู่ในช่องทางใหม่ๆ อย่าง “Parler” ทำให้พอสรุปได้ว่า ได้เกิดการรวมตัว เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิค การร่วมวางแผนเพื่อก่อการต่างๆ ของบรรดาพวกขวาจัดอย่างชนิดที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” เพื่อหาทางเล่นงานผู้ซึ่งมีแนวคิดการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ว่าในระหว่างพิธีสาบานตัวของประธานาธิบดีอเมริกัน หรือนับจากนั้นเป็นต้นไป ชนิดพร้อมที่จะ “สู้...และตาย” ในนามของ “ทรัมป์บ้า” อย่างไม่คิดเสียดายชีวิตเอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

ส่วนจะสู้แบบไหน? สู้อย่างไร? คงเป็นรายละเอียดที่บรรดาหน่วยงานความมั่นคงทั้งหลายของอเมริกา ต้องไปควานหากันเอาเอง จะแบบ “ปาระเบิดปิงปอง” ใส่กองร้อยควบคุมฝูงชนหน้าห้างสรรพสินค้าจามจุรีสแควร์เหมือนอย่างบ้านเรา หรือจะดุเดือดเลือดพล่านยิ่งไปกว่านั้น อันเนื่องมาจากบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ต่างก็มีปืนผาหน้าไม้ ติดไม้ ติดมือ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เฉพาะแค่ “สมาชิกสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ” ก็มีจำนวนปาเข้าไปเป็นล้านล้านคน อันนี้...ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการประเมิน การวาดฉากสถานการณ์ต่างๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ของบรรดาผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบทั้งหลายในอเมริกา ซึ่งคงมิอาจปฏิเสธได้อีกเช่นกัน ว่าเต็มไปด้วยบรรดา “ตำรวจแตงโม” หรือแม้กระทั่ง “ทหารแตงโม” ปะปนอยู่ด้วยมิใช่น้อย...

ชนิดถึงขั้นที่ทำให้อดีตผู้นำโซเวียตรัสเซีย อย่าง “นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ” ผู้เคยถูกก่อการรัฐประหารโดยพวก “ซ้ายจัด” อย่างอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียต จนสุดท้าย...นำมาสู่การแตกกันเละเทะ กลายเป็นรัฐเล็ก รัฐน้อย เป็น “ประเทศเกิดใหม่” อุบัติขึ้นมาในสหภาพโซเวียต ไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบประเทศ ถึงขั้นอดไม่ได้ที่ต้อง “ตั้งคำถาม” ทำนองว่า ฉากสถานการณ์ในอเมริกานับจากการ “บุกรัฐสภา” คราวนี้ จะนำไปสู่แนวโน้มแบบเดียวกับอดีตสหภาพโซเวียตหรือไม่ เพราะในทัศนะของ “กอร์บาชอฟ” แล้ว ออกจะเห็นว่าการบุกรัฐสภาอเมริกัน น่าจะมีการเตรียมตัว เตรียมแผน ไม่ต่างไปจากความพยายามก่อรัฐประหารในโซเวียตเมื่อครั้งอดีต เพียงแต่ถูกตัดต่อ ตัดตอน โดยใครก็ไม่รู้??? ก่อนที่จะเกิดเหตุลุกลามบานปลายเกินไปกว่านี้...

แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าเบื้องลึก เบื้องหลัง เบื้องหน้า เบื้องกลาง และเบื้องปลายของการเมืองในอเมริกาจะเป็นไปในรูปใดก็ตามที สิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ ก็คือว่า...ด้วยความน่าเกลียด น่าชัง น่าทุเรศ ของบรรดาพวก “ฝ่ายขวา” เหล่านี้นี่เอง ที่กำลังถูกหยิบไปใช้เป็น “เงื่อนไข” และ “ข้ออ้าง” ให้กับความพยายาม “ควบคุม” และ “บังคับ” บรรดาอเมริกันชน ตามแนวทางที่ถูกเรียกขานโดยตัวประธาน “World Economic Forum” หรือโดยมกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ ว่า “The Great Reset” หรือ “Build Back Better” ตามคำขวัญ หรือสโลแกนหาเสียงของ “ผู้เฒ่าโจ” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้นี่เอง อันเป็นแนวทางที่ออกจะได้รับการ “ขานรับ” อย่างเต็มสูบ เต็มที่ ไม่ว่าโดยบรรดานักการเมืองแห่งพรรคเดโมแครต ตลอดไปจนบรรดาสื่อยักษ์ใหญ่ไม่ว่าสื่อกระแสหลัก หรือสื่อไฮเทค ประเภททวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก กูเกิล ฯลฯ ทั้งหลาย จนถึงขั้นพร้อมที่จะเปิดศึก เปิดสงครามครูเสด (The Big Tech Crusade) หรือ “เปิดฉากสงครามกับก่อการร้ายครั้งที่ 2” ต่อบรรดาชาวอเมริกันด้วยกันเอง ดังที่นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน อย่าง “นายGlenn Greenwald” ได้ให้คำนิยามเอาไว้ อันอาจส่งผลให้สังคม “ประชาธิปไตยเสรี” เท่าที่เคยเป็นมาโดยตลอดในประเทศอเมริกา อาจต้องกลายสภาพไปเป็น “เผด็จการทุนนิยมเสรี” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้!!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น