xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกา...จะถึงขั้น“ล่มสลาย”หรือไม่? อย่างไร?

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกรัฐสภา
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องย้อนกลับไปดูควันหลงเรื่องการ “บุกรัฐสภา”อเมริกัน ให้ละเอียดถ้วนถี่อีกสักครั้ง เพราะเหตุการณ์คราวนี้ ต้องเรียกว่า “ไม่ธรรมดา” คือถ้าหากไปเกิดในประเทศโลกที่สาม ประเทศด้อยพัฒนา กำลังพัฒนา หรือบรรดา “สาธารณรัฐกล้วย” ทั้งหลาย...ก็อาจถือเป็นเรื่องงั้นๆ!!! แต่นี่ดันเกิดในประเทศต้นแบบ แม่แบบประชาธิปไตยของแท้แต่ดั้งเดิม ที่บรรดาผู้ใฝ่หาเสรีภาพตามแบบฉบับประชาธิปไตยเสรี ต่างปรารถนาและต้องการเสียเหลือเกิน แม้แต่บ้านเราทุกวันนี้ ดังนั้น...จะปล่อยให้ผ่านตา ผ่านเลย แบบชนิดเลยตามเลย คงไม่น่าจะถูกเรื่อง หรือไม่น่าจะเข้าท่ากันสักเท่าไหร่นัก...

คือถ้าดูจากบรรดา “ปฏิกิริยา” ของผู้คนต่างๆ ทั่วทั้งโลก งานนี้...ประมุขโลก หรือจ้าวโลก อย่างคุณพ่ออเมริกา ออกจะเสียหมา เสียสุนัข ไปเป็นจำนวนไม่น้อย เอาง่ายๆ แค่ “มาตรฐาน” ตามแบบฉบับอเมริกันทั้งหลาย ต่างตกอยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรไปจาก “โถส้วม” หรือ “American Standard” ไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว หรือแทบจะเอามาใช้เป็น “มาตรฐาน” ใดๆ มิได้เลย เพราะเมื่อเกิดการบุกรัฐสภาฮ่องกง หรือที่ไหนๆ ก็แล้วแต่ ที่ไม่เป็นที่ต้องตา ต้องใจ ของผู้มีอำนาจการเมืองในอเมริกา อันนั้น...อาจถือเป็น “Beautiful Sight” หรือถือเป็นการแสดงออกอย่างสวยสดงดงามของความเป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อดันมาเกิดในอเมริกาซะเอง!!! มันเลยเป็นอะไรที่ไม่ถึงกับ “Beautiful” ได้มากมายสักเท่าไหร่ ต้องกลายสภาพเป็นอาชญากรรม เป็น “การจลาจล” เป็น “การก่อการร้าย” หรือ “การรัฐประหาร” ฯลฯ ฯลฯ อะไรไปโน่น...

ส่งผลให้ผู้ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองระบอบเผด็จการ อย่างบรรดา “พลเมืองชาวเน็ต” ของเมืองจีน...ที่ถือเป็นคู่แข่ง หรือคู่กัด ของคุณพ่ออเมริกา ต้องออกมารุม “ทวีต” แบบรัวๆ เรียกร้องให้ใครต่อใครหันมารวมหัว รวมตัว ประกาศ “แซงชั่น” อเมริกาตามแบบฉบับมาตรฐานอเมริกันเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยเฉพาะการควักปืนออกมายิงใส่พลเมืองผู้บริสุทธิ์ ผู้ปรารถนาและต้องการเสรีภาพชนิดเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ตายคาที่ ไปถึง 4 ศพ 4 รายด้วยกัน ต่างไปจากการฉีดน้ำปรี๊ดด์ด์ด์ๆ ใส่บรรดาผู้ประท้วงในประเทศกำลังพัฒนา อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่เพิ่งถูก ส.ส.และ ส.ว.อเมริกัน ออกมาเรียกร้องให้ปฏิบัติต่อบรรดาผู้ประท้วง ผู้ใฝ่เสรีภาพ ในแบบแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แม้แต่การอาศัยอำนาจตามกฎหมายเล่นงานก็เถอะ หรือไม่ว่าผู้คนเหล่านั้น จะดูหมิ่น เหยียดหยาม คุกคามผู้นำประเทศ ประมุขประเทศ กันในแบบไหน และเมื่อไหร่ ก็ตาม...

แต่ถ้าไม่ได้มองกันในแง่ “เสรีภาพ” หรือมองเป็น “การก่อการร้าย” “การรัฐประหาร” ใดๆ ก็แล้วแต่ ผู้ที่ “ทวีต” ออกมาเป็นภาษาโปรตุเกสรายหนึ่ง ก็ได้ทวีตไว้ชนิดแสบสันเอามากๆ คือสรุปว่า... “นี่คือความพยายามก่อรัฐประหารครั้งแรกของโลกในอเมริกา ที่ไม่ได้มีสถานทูตอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย” หรือพูดง่ายๆ ว่า...เท่าที่ระบอบประชาธิปไตยเจ๊งแล้ว เจ๊งอีก เพราะการรัฐประหารในประเทศต่างๆ นั้น ล้วนแล้วแต่มี “สถานทูตอเมริกัน” อยู่เบื้องหลังไปด้วยกันทั้งสิ้น อะไรประมาณนั้น แต่ที่ออกจะให้ความหมาย คำจำกัดความ ค่อนข้างลึกซึ้ง ตรึงใจ เอามากๆ เห็นจะไม่มีใครเกินไปกว่าสมาชิกถาวรของประเทศเลบานอนประจำสหประชาชาติ “นายMohamad Safa” ที่ออกมาสรุปว่า... “ถ้าหากรัฐบาลอเมริกันได้เห็นสิ่งที่ชาวอเมริกันกระทำต่อประเทศอเมริกา (บุกรัฐสภา) คราวนี้...รัฐบาลอเมริกันควรจะต้องบุกประเทศอเมริกา เพื่อปลดปล่อยอเมริกาออกจากความเป็นทรราชย์ของอเมริกาเอาเลยก็ไม่แน่” เรียกว่า...คล้ายๆ กับที่เคยบุกอิรัก บุกอัฟกานิสถาน หรือบุกที่ไหนๆ ต่อไหนๆ เพื่อที่จะเอาเสรีภาพแบบบรรดาอเมริกันชน ไปมอบ ไปประทาน ให้กับบรรดาประเทศนั้นๆ จนผู้คนต้องตายโหง ตายห่า กันไปเป็นแสนๆ ล้านๆ มาโดยตลอดนั่นเอง...

อย่างไรก็ตาม...นอกเหนือไปจากความแสบๆ คันๆ ของบรรดาผู้คนทั่วทั้งโลก ที่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศอเมริกาคราวนี้ ผู้ที่พยายามมองลึก มองอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ ก็น่าจะมีอยู่ไม่น้อยทีเดียว อย่างเช่นอดีตผู้นำจักรวรรดิสังคมนิยม “สหภาพโซเวียต” ก่อนหน้า หรือระหว่างที่เกิดการล่มสลาย หรืออดีตประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต “นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ” อันถือเป็นผู้ที่มี “ประสบการณ์โดยตรง” ต่อฉากเหตุการณ์การล่มสลายของรัฐชาติ เมื่อช่วงไม่กี่สิบปีมานี้เอง มาคราวนี้...แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ซึ่งมี “ทัศนคติ” ในแง่ดีต่อชาวอเมริกัน หรือสังคมอเมริกันมาโดยตลอด แต่คุณน้า “กอร์บาชอฟ” ยังอดไม่ได้ ที่จะต้องเริ่ม “ตั้งคำถาม” ต่อเสถียรภาพแห่งความเป็นชาติ เป็นสาธารณรัฐของประเทศอเมริกา ว่าจะมีสิทธิเจ๊ง...กับ...เจ๊ง แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับอดีตสหภาพโซเวียต หรือไม่ อย่างไร???

หรืออย่าง “บทบรรณาธิการ” ของสื่อทางการจีน อย่าง “Global Times” เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ที่พยายามมองลึก มองไกล ถึงขั้นว่า... “Capitol mob represents an internal collapse of US politic system” ไปโน่นเลย หรือมองว่าการเกิดม็อบ เกิดการบุกรัฐสภาของบรรดาอเมริกันชนผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี “ทรัมป์” คราวนี้ อาจถือเป็นตัวแทนทางความรู้สึก หรือถือเป็น “สัญญาณ” แห่งความล่มสลายของระบบการเมืองในอเมริกาเอาเลยก็ไม่แน่!!! เพราะอย่างน้อย...ก็ไม่อาจลืมเลือนได้เลยว่า ผู้ที่เห็นควรด้วย เห็นดี เห็นงาม กับผู้นำประเทศอเมริกาอย่างประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” นั้น มีจำนวนไม่น้อยไปกว่า 70 ล้านคนเป็นอย่างน้อย ที่ยังพร้อมเข้าคูหา กาบัตร เลือกผู้นำรายนี้ให้กลับมาเป็นประธานาธิบดีระลอกสอง และบรรดาผู้คนเหล่านี้ คงมีอารมณ์-ความรู้สึก ไม่ต่างอะไรไปจากพวก “ชู 3 นิ้ว” ในอเมริกา หรือผู้ที่ตัดสินใจบุกรัฐสภาคราวนี้นี่เอง...

ดังนั้น...การหาทางปกครอง ควบคุมบรรดาผู้คนเหล่านี้ จึงย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะสำหรับว่าที่ประธานาธิบดีรายใหม่ อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ที่ทั้งแก่ ทั้งชรา ทั้งหงำเหงอะมิใช่น้อย หรือเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อฝีมือการบริหารจัดการของ “โจ ไบเดน” ไม่ต่างอะไรไปจากยุคที่บ้านเราต้องเจอกับการหาทางดูแลและปกครอง ผู้ที่เห็นดี เห็นงาม กับ “พรรคเผาไทย” จำนวนนับเป็นสิบๆ ล้านนั่นแล ต้องหาทางขจัดกวาดล้าง พวก “ขอนแก่นโมเดล” ให้สิ้นซาก ต้องดึงเอาแรมโบ้ แรมบ้า ดึงเอารัฐมนตรีแป้ง ไปจนถึงผู้นำหมู่บ้านเสื้อแดงฯลฯ หรือใครต่อใครให้ต้องเปลี่ยนสี แปรธาตุ กันเป็นปีๆ ถึงจะพอเข้าร่อง-เข้ารอย ได้มั่ง และโดยเฉพาะถ้าหากแนวคิด แนวทางของ “ผู้เฒ่าโจ” ออกไปในแนวเดียวกับพวก “อีลีตโลก” หรือบรรดาพวก “เสรีนิยมใหม่” ที่กำลังพยายามปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ระบบทุนนิยมทั้งระบบ ให้กลายเป็น “ทุนนิยมที่มีความรับผิดชอบ” เพื่อหวังต่ออายุทุนนิยมให้ยาวไกลออกไปอีกสักคืบ สักศอก นั่นคือ...การหันมาหาทาง “ควบคุม” และ “บังคับ” อะไรต่อมิอะไรตามแบบฉบับ “เผด็จการทุนนิยมเสรี” ดังที่กล่าวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หรือที่นักเป่านกหวีดระดับโลก ในเรื่องการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ยุคนี้ อย่าง “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” ได้ออกมาเตือน หลังเห็นเหตุการณ์ “เซ็นเซอร์” ประธานาธิบดีอเมริกาในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ แบบชนิดดื้อๆ ทื่อๆ อันเนื่องมาจากการบุกรัฐสภาคราวนี้ ว่าอาจกลายเป็น “จุดเปลี่ยนแห่งการปะทะที่จะนำไปสู่การควบคุม” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ หรืออาจส่งผลให้ระบบการเมืองอเมริกา สังคมอเมริกัน ไปจนความเป็นชาติ เป็นประเทศ “แตกดังโพละ” แบบเดียวกับสหภาพโซเวียต เอาง่ายๆ...

และคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ข้อเสนอ ข้อชี้แนะ ในบทบรรณาธิการ “Global Times” เขาออกจะน่าคิด น่ารับฟัง มิใช่น้อย โดยเฉพาะที่สรุปเอาไว้ว่าทุกๆประเทศนั่นแหละ ต่างก็มี “จุดอ่อน” และ “ปัญหา” ของตัวเองไปด้วยกันทั้งสิ้น แม้ว่าความหยิ่งยะโส หยิ่งทะนง ว่าชาติตัวเองดีกว่าชาติอื่น ยิ่งใหญ่กว่าชาติอื่น จนทำให้ตัวเองสามารถเป็นผู้ชี้ถูก-ชี้ผิดให้กับชาติใดๆ ก็ได้ ของ “นักการเมืองอเมริกัน” ที่กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับระบบการเมืองอเมริกาไปแล้ว จะเป็นสิ่งแก้ไขได้ยากเย็นพอสมควร แต่ภายใต้กระบวนการพัฒนาสังคมของมวลมนุษย์ทั้งหลาย ต่างเรียกร้องและต้องการ ให้แต่ละประเทศ ต้องรู้จัก “ถ่อมตัว” ต้องพยายามเรียนรู้ถึงจุดอ่อน-จุดแข็ง ระหว่างกันและกัน ไม่ควรมีผู้หนึ่ง ผู้ใด ชาติหนึ่ง ชาติใด ที่คิดจะนำเอาความแตกต่างของตัวเอง ไปวัดตัดสินผู้อื่น จนส่งผลให้ “โลกยุคอเมริกา” หรือโลกที่ต้องไหลไปตามกระแสตะวันตกก็แล้วแต่ จึงกลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ไหลไปสู่ความฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย หรือเจ๊ง...กับ...เจ๊ง ไม่ต่างไปจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศอเมริกาทุกวันนี้...นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น