เดโมแครตเร่งยื่นถอดถอนทรัมป์คดีปลุกม็อบ ทวิตเตอร์ปิดบัญชีถาวรหวั่นยั่วยุความรุนแรง

เอเจนซีส์ – แม้เหลือเวลาในทำเนียบขาวอีกเพียงไม่กี่วัน แต่ทรัมป์ที่ถูกทวิตเตอร์ยกเลิกบัญชีถาวร และสมาชิกชั้นนำของพรรครีพับลิกันจำนวนมากขึ้นพากันถอยห่าง กำลังจะถูกพรรคเดโมแครตยื่นถอดถอนเป็นรอบที่สอง จากการที่เขายั่วยุปลุกปั่นผู้สนับสนุนบุกลุยรัฐสภาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วเพื่อขวางการรับรองชัยชนะของไบเดนจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตำรวจสภา และขณะนี้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมม็อบที่ก่อกวนคองเกรสเพิ่มอีกหลายคน

พรรคเดโมแครตประกาศว่า จะเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์ (11 ม.ค.) นี้ ถึงแม้กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลาสอบสวนดำเนินการกันนานหลายสัปดาห์ ขณะที่โจ ไบเดน มีกำหนดทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาในวันที่ 20 ที่จะถึง

แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นชาวพรรคเดโมแครต กล่าวเตือนเมื่อวันเสาร์ (9) ว่า จะเริ่มกระบวนการถอดถอน เว้นแต่ทรัมป์ยอมลาออกเอง หรือรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อให้คณะรัฐมนตรีปลดทรัมป์

ขณะที่ ส.ส.เท็ด หลิว ของพรรคเดโมแครต เผยว่า ภายในร่างถอดถอนซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างน้อย 180 คน ร่วมลงชื่อแล้วนั้น กล่าวโทษทรัมป์ว่า ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รัฐบาล ตลอดจนถึงระบอบประชาธิปไตย อีกทั้งขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นท่ามกลางความกราดเกรี้ยวในสหรัฐฯจากกรณีที่ผู้สนับสนุนทรัมป์บุกลุยเข้าไปในอาคารรัฐสภา เมื่อวันพุธ (6) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ซึ่งรวมถึงตำรวจรัฐสภา 1 นาย

ในวันเสาร์(9) เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้เพิ่ม คนหนึ่งคือ จาค็อบ แชนส์ลีย์ ชายที่มีรอยสักที่อกและสวมเขาบนศีรษะ อ้างตัวเป็นหมอผีของกลุ่มขวาจัดเชื่อทฤษฎีสมคบคิด “คิวเอนอน” นอกจากนั้นยังรวบผู้ต้องหาอีก 2 คนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นชายที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาล่างของรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย

กระนั้น ทรัมป์ที่ยุยงให้ผู้สนับสนุนเดินขบวนไปยังรัฐสภาเมื่อวันพุธเพื่อกดดันคองเกรสให้ปฏิเสธการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน ยังไม่มีท่าทียอมจำนน โดยแม้ให้สัญญาในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสฯ (7) ว่า จะถ่ายโอนอำนาจให้ไบเดนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแค่การเริ่มต้นการต่อสู้เท่านั้น

ทวิตเตอร์ซึ่งได้ประกาศระงับบัญชีทรัมป์ชั่วคราวภายหลังเกิดเหตุบุกรัฐสภา แถลงเมื่อวันศุกร์ (8) ว่า เนื่องจากภาษาที่ยั่วยุท้าทายของทรัมป์คราวนี้ จึงต้องประกาศระงับบัญชีทรัมป์เป็นการถาวร ทำให้เจ้าตัวโกรธแค้นหนักและกล่าวหาว่า แพลตฟอร์มยอดนิยมนี้ซึ่งตัวเขามีผู้ติดตามกว่า 88 ล้านคน ร่วมมือกับเดโมแครตและพวกซ้ายสุดโต่ง

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ไม่ได้ระงับบัญชีของตัวทรัมป์คือ @realDonaldTrump เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบัญชีของผู้ใกล้ชิดทรัมป์หลายคน และบัญชี @POTUS (ย่อมาจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ)

มีสมาชิกเดโมแครตหลายคนและสมาชิกสภาสังกัดรีพับลิกันอย่างน้อย 1 คนคือ วุฒิสมาชิกลิซา เมอร์โคสกี จากรัฐอะแลสกา เรียกร้องให้ทรัมป์ลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการถอดถอน แต่ทรัมป์ยังไม่มีทีท่ายอมแพ้ เขายืนยันว่า ไม่ตั้งใจให้กองเชียร์โจมตีอาคารรัฐสภา แต่ต้องการแค่การประท้วงอย่างสันติ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ ผู้สนับสนุนทรัมป์คนหนึ่งถูกยิงตาย และตำรวจรัฐสภาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้น ขณะที่สมาชิกสภา นักข่าว และเจ้าหน้าที่ต้องหาที่หลบภัยระหว่างที่ม็อบบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในสภา โดยที่หลายฝ่ายมองว่านี่เป็นความพยายามถึงขั้นก่อกบฎทำรัฐประหารยึดอำนาจ

กระนั้น เนื่องจากกระบวนการถอดถอนต้องใช้เวลายาวนาน รวมทั้งหลังจากผ่านขั้นตอนการตั้งข้อกล่าวหาของสภาล่าง ซึ่งต้องการเสียงสนับสนุนแค่เกินกึ่งหนึ่งแล้ว ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของวุฒิสภา และสภาสูงต้องลงมติด้วยเสียง 2 ใน 3 จึงจะสามารถถอดถอนทรัมป์ได้จริงๆ ดังนั้น เห็นกันว่าอย่างเก่งเดโมแครตก็คงทำได้แค่ให้สภาผู้แทนราษฎรที่พรรคนี้ครองเสียงข้างมากอยู่ ผลักดันให้มีการตั้งข้อกล่าวหาออกมาเท่านั้น ก็จะถึงเวลาที่ไบเดนเข้ามาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

อย่างไรก็ดี มีผู้เสนอข้อถกเถียงทางกฎหมายว่า กระบวนการถอดถอนยังจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ถึงแม้ทรัมป์พ้นตำแหน่งไปแล้ว โดยโทษที่ทรัมป์อาจจะได้รับแม้ออกจากเก้าอี้ ก็คือ จะไม่มีสิทธิเข้ารับเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ต่อไปในอนาคต ขณะที่ทรัมป์เองประกาศว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งใน 4 ปีข้างหน้า

แม้สมาชิกรีพับลิกันหลายคนประณามเหตุการณ์ม็อบบุกสภาเมื่อวันพุธ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเห็นชอบกับกระบวนการถอดถอนทรัมป์ โดยผู้สนับสนุนประธานาธิบดีที่กำลังจะพ้นตำแหน่งผู้นี้ ซึ่งรวมถึงวุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม เรียกร้องให้ไบเดนแทรกแซงให้เดโมแครตยกเลิกความพยายามในการยื่นถอดถอนเพื่อไม่ให้ประเทศชาติแตกแยกไปมากกว่านี้

ทว่า ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาให้สัมภาษณ์นักข่าวสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ควรปล่อยให้รัฐสภาตัดสินใจเอง