สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสขู่เดินหน้ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หากเจ้าตัวปฏิเสธที่จะลาออกเอง ขณะที่ทวิตเตอร์ประกาศปิดบัญชี @realDonaldTrump เป็นการถาวร เพียง 2 วันหลังม็อบผู้สนับสนุน ทรัมป์ บุกป่วนอาคารรัฐสภา ซึ่งถูกมองว่าเป็นการโจมตีต่อระบอบประชาธิปไตยอเมริกันอย่างร้ายแรง
ทรัมป์ ใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสารกับมวลชนและเผยแพร่ข้อกล่าวอ้างต่างๆ นานาเกี่ยวกับการโกงเลือกตั้ง และปัจจุบันมีผู้ติดตามในบัญชีส่วนตัวของเขาเกือบ 90 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม เหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ทำให้ทั้งทวิตเตอร์และบริษัทสื่ออื่นๆ เผชิญแรงบีบอย่างหนักให้ต้องสกัดกั้นการยุยงและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนของ ทรัมป์
ผู้นำสหรัฐฯ วัย 74 ปี เรียกร้องให้แฟนคลับหลายพันคนเดินขบวนไปยังรัฐสภาระหว่างที่สภาคองเกรสเตรียมประกาศรับรองชัยชนะให้กับ โจ ไบเดน แต่ปรากฏว่าฝูงชนที่โกรธแค้นได้ฝ่าด่านตำรวจรัฐสภาเข้าไปถึงภายในอาคาร จนต้องมีการอพยพ ส.ส.และ ส.ว.กันอย่างจ้าละหวั่น รวมถึงมีตำรวจ 1 นายและผู้สนับสนุนทรัมป์อีก 4 คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้
ทวิตเตอร์ออกมาแถลงชี้แจงว่า “หลังจากที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบถึงทวีตในช่วงหลังๆ ของ @real DonaldTrump และบริบทของข้อความเหล่านั้น เราจึงตัดสินใจระงับบัญชีนี้เป็นการถาวร เนื่องจากสุ่มเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงตามมาอีก”
ทวิตเตอร์ยังพบว่ามีกลุ่มคนที่ใช้แพลตฟอร์ม รวมถึงสื่อโซเชียลอื่นๆ เป็นช่องทางนัดหมายชุมนุมประท้วงด้วยอาวุธ รวมถึงมีการเรียกร้องให้บุกโจมตีรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 17 ม.ค.
ล่าสุด ทำเนียบขาวยังไม่มีถ้อยแถลงต่อมาตรการปิดบัญชีส่วนตัวทรัมป์ ขณะที่ ทรัมป์ เองก็ยังคงสามารถเข้าถึง @POTUS ซึ่งเป็นบัญชีทวิตเตอร์ทางการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ต่อไปจนกว่าจะพ้นตำแหน่ง
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (8 ม.ค) ว่า หาก ทรัมป์ ไม่ยอมลาออกเอง เธอได้สั่งการให้คณะกรรมการด้านกฎระเบียบของสภาผู้แทนราษฎร (House Committee on Rules) เดินหน้ายื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดี และขอใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 (25th Amendment) ซึ่งเปิดทางให้รองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีสามารถลงมติปลดประธานาธิบดีที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม
สมาชิกพรรคเดโมแครตชี้ว่า กระบวนการโหวตถอดถอน ทรัมป์ ในสภาผู้แทนราษฎรอาจมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นแรงบีบให้รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรีต้องยอมใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 25 สั่งปลด ทรัมป์ ก่อนที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงในวันที่ 20 ม.ค.
อย่างไรก็ดี จัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาว ได้ออกมาเตือนว่า “การถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเหลือเวลาดำรงตำแหน่งอีกเพียงแค่ 12 วันจะยิ่งทำให้สังคมอเมริกันแตกแยกหนักขึ้น”
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ว่ากระบวนการถอดถอน ทรัมป์ จะสำเร็จได้หรือไม่ เนื่องจากญัตตินี้จะต้องผ่านขั้นตอนการไต่สวนของวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และจะต้องให้ ส.ว. 100 คนลงมติสนับสนุนเกิน 2 ใน 3 จึงจะปลดประธานาธิบดีได้
ที่มา: รอยเตอร์