ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน ยังคงโฟกัสที่ซาอุดีอาระเบียสัญญาจะลดกำลังผลิตเพิ่มเติม ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก เมินสถานการณ์ความรุนแรง ฝูงชนฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ขณะที่ทองคำฟื้นตัว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 20 เซ็นต์ ปิดที่ 50.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 8 เซ็นต์ ปิดที่ 54.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ หลังซาอุดีอาระเบีย ชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก เผยว่าจะปรับลดกำลังผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม
เมื่อวันพุธ (6 ม.ค.) ม็อบผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา หลังเขาเรียกร้องให้บรรดาผู้สนับสนุนขัดขวางสภาคองเกรสรับรองผลการเลือกตั้งที่เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันขยับลงแค่ช่วงสั้นๆ ระหว่างเกิดสถานการณ์ความไม่สงบ
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุบุกโจมตีรัฐสภาของม็อบสนับสนุนทรัมป์ โดยยังเดินหน้าทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ นักลงทุนคาดหมายว่าคองเกรสที่เดโมแครตกุมเสียงข้างมาก จะคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของอเมริกาก้าวผ่านภาวะขาลง สืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 211.73 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 31,041.13 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 55.65 จุด (1.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,803.79 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 326.69 จุด (2.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,067.48 จุด
ทั้งดัชนีดาวโจนส์, เอสแอนด์พี 500 และแนสแดค ต่างทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องหนักหน่วงขึ้นให้ถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่นานก่อนพ้นวาระ หนึ่งวันหลังจากพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ ปิดล้อมและบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ในเหตุโจมตีประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ครั้งเลวร้าย
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เรียกร้องให้ถอดถอน ทรัมป์ พ้นจากตำแหน่งในทันทีผ่าน บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 (25th Amendment) ซึ่งอนุญาตให้รองประธานาธิบดี และคณะรัฐมนตรี สามารถทำหนังสือแจ้งต่อสภาคองเกรสเพื่อขอถอดประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง ในกรณีที่เชื่อว่าผู้นำสหรัฐฯ ไม่สามารถใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม
ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวหา ทรัมป์ ปลุกปั่นความรุนแรงและบอกว่าเมื่อวันพุธ (6 ม.ค.) เป็นหนึ่งในวันที่มืดมิดที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นที่เชื่อมโยงกับภาคการเงิน ส่วนภาคอุตสาหกรรมและวัสดุ ทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ ท่ามกลางความคาดหมายว่า ไบเดน จะนำเสนอแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าเดิม และเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน หลังเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งสอง 2 สภา
ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.) ปิดบวกพอสมควร ฟื้นตัวจากขยับลงหนักหนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,913.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)