วันนี้...ยังไงๆ คงหนีไม่พ้นต้องกลับไปสำรวจตรวจสอบ บรรยากาศ “ความเป็นประชาธิปไตย”ของแท้แต่ดั้งเดิม ตามแบบฉบับคุณพ่ออเมริกากันอีกนั่นแหล่ะทั่น!!! เพราะแม้เรื่องการ “บุกรัฐสภา” ของพวก “ชู3 นิ้ว” ในอเมริกา หรือบรรดาพวกผู้สนับสนุน “ทรัมป์บ้า” ทั้งหลาย จะจบสิ้นลงไปแล้ว ตายไปแล้ว4 หรือ5 ถูกจับและตั้งข้อหาไปแล้วกว่าครึ่งร้อย แต่อะไรต่อมิอะไรอาจไม่ถึงกับ “จบ” ลงไปได้ง่ายๆ เพราะเห็นว่า...เมื่อช่วงวันเสาร์(9 ม.ค.) ที่เพิ่งผ่านมานี่เอง พวกสนับสนุน“ทรัมป์บ้า” กับพวกปีกซ้ายหรือบรรดาพวก “ต่อต้านฟาสซิสต์”ในเมืองซานดิเอโกแคลิฟอร์เนีย ก็ออกมาไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ
ซึ่งกันและกันอย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก เอาเลยแม้แต่น้อย...
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย หรือแต่ละสี จะยังคงกระเหี้ยนกระหือรือในการไล่บด ไล่บี้ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ ระหว่างกันและกันไปถึงขั้นไหน สิ่งที่ถือเป็น “หัวใจ”หรือเป็น “แก่นสาระ”ในการดำรงคงอยู่ของ “ความเป็นประชาธิปไตย” ในอเมริกาคงขึ้นอยู่กับองค์ประกอบประมาณ 3 สิ่งเป็นอย่างน้อย คือ 1. ระบอบการเมือง-การปกครองแบบประชาธิปไตย 2. เสรีภาพส่วนบุคคล ในการพูด การจาใดๆ ได้โดยอิสระและเสรี และ 3. การให้ค่า ให้ราคากับสิ่งที่เรียกว่าสิทธิมนุษยชน หรือคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ทั้งหลาย นั่นแล...
ซึ่งทั้ง 3 สิ่ง 3 อย่างที่ว่านี้ คงมิอาจปฏิเสธได้ว่าระบบการเมือง-การปกครองแบบที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย”ของอเมริกาทุกวันนี้ น่าจะกลายสภาพเป็น “ประชาธิป...ตาย” ยิ่งเข้าไปทุกที และสิ่งที่กำลังจะตายโหง ตายห่า ตามไปด้วยอย่าง “ช่วย-ม่าย-ล่าย”อีกไม่นานนับจากนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องเสรีภาพส่วนบุคคล ตลอดไปจนสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์ ที่อาจไม่หลงเหลือติดปลายนวมของบรรดาผู้ที่คิดต่าง เห็นต่าง ไปจากผู้ซึ่งกำลังขึ้นมามีอำนาจเป็นรัฐบาล รวมทั้งจากบรรดา “สื่อ” ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Twitter, Facebook, Google, Apple, Amazon ฯลฯ และล่าสุดเห็นว่าแม้แต่ผู้ที่มีบทบาทหน้าที่ ในการ “แชร์” อะไรต่อมิอะไรในโลกโซเชียล มีเดีย อย่าง Pinterest ก็เอาด้วย ในการรวมหัว รวมตัว เพื่อหาทางกีดกัน เล่นงาน ไม่ว่าตัวประธานาธิบดี “ทรัมป์บ้า” ไปจนบรรดาผู้สนับสนุนรายใดก็แล้วแต่ ไม่ให้มีโอกาสถ่มถุย ด่าว่า แสดงออกถึงความรุนแรง อันไม่ต่างไปจากการ “ก่อการร้าย” หรือการเป็น “ศัตรูประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานของนักการเมืองแห่งพรรคเดโมแครต และบรรดาสื่อเหล่านี้...
คือพูดง่ายๆ ว่า...โดยอาศัย “อำนาจ” ภายใต้การตัดสินใจของ “ตัวกูเอง” นั่นเอง กระทำการปิดปาก ปิดจมูก “ทรัมป์บ้า” และพวกไม่ให้มีโอกาสเสนอหน้า เสนอตา เสนอสิ่งที่แตกต่างไปจากมาตรฐานของบรรดากลุ่มคนเหล่านี้อีกต่อไป หรือทำให้สิ่งที่อภิมหานักเขียนและนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ผู้มีนามกรว่า “Francois-Marie Arouet” หรือที่รู้จักกันนาม “วอลแตร์” (Voltaire) ที่เคยได้พูด ได้เอ่ยเป็นวาทะ จนกลายมาเป็น “หัวใจ” ของระบอบการเมือง-การปกครองในอเมริกาตั้งแต่เริ่มแรก นั่นคือคำพูดประโยคที่ว่า “I disapprove of what you say, but I will defend to the death your right to say it.” หรือ “แม้ข้าพเจ้าจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่าน แต่ข้าพเจ้าจะปกป้องสิทธิในการพูดของท่าน จนตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่” อะไรประมาณนั้น แต่มาถึงทุกวันนี้...โอกาสที่ “ทรัมป์บ้า” หรือผู้สนับสนุน จะพูดอะไรตามที่ตัวเองปรารถนาและต้องการ ในโลกออนไลน์ โลกโซเชียล มีเดีย อันมีบรรดาบรรษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ ควบคุมไปในแต่ละเม็ด แต่ละประโยค คง “เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย”อีกต่อไปแล้ว เพราะการสั่งปิดปาก ปิดจมูก บรรดาผู้คนเหล่านี้ไม่ว่าอย่างชั่วคราว หรืออย่างเป็นการถาวร...
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้องค์ประกอบสำคัญในส่วนที่ 2 หรือในแง่ “เสรีภาพส่วนบุคคล” ของบรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย หรืออาจปาเข้าไปไม่น้อยกว่า 70-80 ล้านคน ที่เป็นผู้ติดสอยห้อยตามความคิด ความเห็นของ “ทรัมป์บ้า” ในโลกโซเชียล มีเดีย ทั้งหลาย ต้องถูกจำกัดสิทธิ หรือถูกล่วงละเมิด จนอาจเรียกว่า...กำลัง “ตาย” ไปพร้อมๆ กับความเป็นประชาธิปไตยในอเมริกา อย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรือแทบไม่หลงเหลือ “สิทธิแห่งความเป็นมนุษย์”ตามองค์ประกอบส่วนที่ 3 เมื่อเทียบกับบรรดาผู้ที่ไม่ใช่เป็นสาวกของ “ทรัมป์บ้า” ในแต่ละราย ที่ยังสามารถโพสต์โน่น โพสต์นี่ แชร์โน่น แชร์นี่ ได้แบบสบายๆ ไม่ถูกบล็อก ถูกล็อก ถูกสั่งไม่ให้แฮชถ่ง แฮชแทค อะไรต่อมิอะไร แบบชนิดที่ผู้สื่อข่าวและอดีตนักกฎหมาย อย่าง “นายGlenn Greenwald” ที่เคยมีบทบาทในการต่อต้าน คัดค้าน การล่วงละเมิดเสรีภาพและสิทธิส่วนบุคคล ของรัฐบาลอเมริกันยุค “บุชและเชนีย์” หรือยุคที่มีความพยายามอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “สงครามกับการก่อการร้าย” เป็นข้ออ้างในการกีดกัน เล่นงานใครต่อใครมาโดยตลอด ถึงกับต้องสรุปว่า... “Media & Democrats are launching second War of Terror- against Americans” หรือถือเป็นการประกาศสงครามกับการก่อการร้ายครั้งที่ 2 ของสื่อและพรรคเดโมแครต ต่อชาวอเมริกัน หรือถือเป็น “The Big Tech crusade” เป็น “สงครามครูเสด” ของบรรดาสื่อยักษ์ใหญ่แห่งโซเชียล มีเดีย เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
ยิ่งบรรดานักการเมืองพรรคฝ่ายตรงกันข้าม ที่กำลังขึ้นมามีอำนาจ อย่างพรรคเดโมแครต ต่างออกโรงมาไล่บด ไล่บี้ ไล่ขยี้ “ทรัมป์บ้า” และพวก อย่างไม่คิดจะลดราวาศอก เตรียม “Impeachment” หรือเตรียมถอดถอนรอบ 2 หรือถึงขั้นไปปรึกษาหารือกับประธานเสนาธิการร่วม “พลเอกมาร์ค มิลลีย์” เพื่อหาทางระงับการใช้รหัสอาวุธนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีไว้ก่อนล่วงหน้า ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “เงื่อนไข” และ “เหตุปัจจัย” ที่ทำให้ “ประชาธิปไตยอเมริกา” กำลังใกล้ตายโหง ตายห่า เข้าไปทุกที เช่นปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความรวย-ความจน ระหว่างอภิมหาเศรษฐีอเมริกันที่มีอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แต่กลับมีอำนาจ อิทธิพล โดยเฉพาะในวงการสื่อทั้งหลาย ไม่ว่าประเภทออนไลน์ หรือออฟไลน์ก็ตามที กับบรรดาอเมริกันชนอีกประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ ที่นับวันจะยิ่งเต็มไปด้วย “ช่องว่าง” ที่ถูกถ่างให้กว้างยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือปัญหาของการนำเอา “มาตรฐาน” ของตัวเอง ที่ออกไปทาง “โถส้วม” (American Standard) หรือแทบไม่ได้เป็นมาตรฐานใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ไปวัดตัดสิน ไปชี้ขาดชะตากรรมของบรรดาเพื่อนมนุษย์แต่ละประเทศ แต่ละซีกโลก จนก่อให้เกิดความสับสนปั่นป่วน และวุ่นวายไปแทบจะทั่วทั้งโลก...
ความพยายามที่จะเปลี่ยนการปะทะ ขัดแย้ง หรือการ “บุกรัฐสภา” ของบรรดาผู้สนับสนุน “ทรัมป์บ้า” คราวนี้ ไปสู่การหาทางควบคุม และบังคับ ใครต่อใครในสังคมอเมริกันเอง หรืออย่างที่นักเป่านกหวีด “นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน” (Edward Snowden) ต้องออกมาเตือนเอาไว้ล่วงหน้าว่าเป็นความพยายาม “Turning point in the battle for control”อะไรประมาณนั้น จึงอาจยิ่งกลายเป็น “ตัวเร่ง” ให้เกิดความรุนแรง และการขยายตัวของความขัดแย้ง แตกต่าง จนนำไปสู่ “ความแตกแยก” ชนิดไม่เพียงแต่ประชาธิปไตยอเมริกา ต้องกลายสภาพไปเป็นประชาธิป...ตาย!!! แต่เพียงเท่านั้น แต่อาจนำไปสู่ “สงครามกลางเมือง” ยุคใหม่ อุบัติขึ้นมาในประเทศนี้ได้เสมอ ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าถึงกับไปคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้ “จบ” ลงไปแล้ว หลังจาก “ทรัมป์บ้า” ยอมสารภาพ หรือยอมส่งมอบอำนาจโดยดุษณี เพราะตราบใดที่ “เงื่อนไข” และ “เหตุปัจจัย” ที่ทำให้สังคมอเมริกัน หรือประชาธิปไตยอเมริกา ยังเป็นไปในแบบ “ของพ่อค้า-โดยพ่อค้า-และเพื่อพ่อค้า” ไม่ใช่ “ของประชาชน-โดยประชาชน-และเพื่อประชาชน” อย่างคำโฆษณา ไม่ได้เป็น “ประชาธิปไตยที่เป็นธรรม” หรือถ้าพูดตามสำนวนของ อาเฮีย “สนธิ ลิ้มฯ” ของหมู่เฮาทั้งหลาย คือไม่ได้ “มีธรรมนำหน้า” ซะอย่างแล้ว โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะฉิบหายกับฉิบหาย หรือเจ๊งกับเจ๊ง ยังย่อมมีความเป็นไปได้...สูงเอามากๆ!!!