ทั้งมือเปื้อนเลือดและ กลิ้งกลอกสุดๆ

ความเร่าร้อนของกลุ่มสาวกทรัมป์ ที่บุกเข้าก่อจลาจล และยึดอาคารรัฐสภาที่ตั้งอยู่บนเนินสูงเด่นกลางกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธที่ 6 มกราคม...1 วันหลังการเลือกตั้งรอบสอง สำหรับ ส.ว. 2 ที่นั่งที่รัฐจอร์เจีย เป็นภาพสยดสยองเมื่อฝูงม็อบบ้าคลั่งที่พกพาอาวุธปืนทั้งระเบิดควัน และเชือกรัดเพื่อแขวนคอ บุกเข้าขัดขวางทำลายการประชุมร่วม 2 สภาในวาระสำคัญของชาติ ที่จะทำพิธียอมรับอย่างเป็นทางการสำหรับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ทั้ง 50 รัฐที่ได้ลงคะแนนไว้แล้วให้โจ ไบเดนได้ 306 คะแนน, กมลา แฮร์ริส ได้ 306 คะแนน, ให้โดนัลด์ ทรัมป์ และไมค์ เพนซ์ คนละ 232 คะแนน

ทั้ง ส.ส., ส.ว.ที่กำลังประชุมและอภิปรายในพิธีกรรมที่จะยอมรับผล (ของ Electoral College) เลือกตั้ง ต้องรีบเผ่นหนีตายหัวซุกหัวซุนเมื่อตำรวจสภาได้รีบปิดประตูห้องประชุมสภา ขณะที่ผู้ก่อการจลาจลที่กำลังบ้าคลั่ง ได้ทุบประตูห้องประชุม และพยายามใช้กำลังของฝูงชน เพื่อพังประตูเข้าไปทำลายการประชุม

ตำรวจจำนวนหนึ่งได้รีบพา ส.ส., ส.ว.ที่กำลังประชุมให้รีบวิ่งไปทางอุโมงค์ลับ เพื่อหนีออกมาจากการประชุมอย่างทุลักทุเล พร้อมกับรีบปิดหีบเหล็กที่เก็บแผ่นลงคะแนนของ Electoral College ที่ถือว่าเป็นเอกสารสำคัญที่สุดของชาติ หอบออกมาได้อย่างปลอดภัย

ในกล้อง CCTV ของสภาที่ได้บันทึกไว้ ปรากฏมีผู้ก่อการร้ายหรือก่อการจลาจลที่บ้าคลั่ง ได้ปาระเบิดควันและเข้าทำร้ายตำรวจ เพื่อเปิดทางเข้าไปควานหาผู้ที่เขามีเป้าหมายจะแขวนคอด้วยอุปกรณ์ที่นำมาด้วยคือ เชือกพลาสติกแขวนคอ พวกฝูงชนบ้าคลั่งเหล่านี้วิ่งเข้าไปตามห้องทำงานของเหล่า ส.ส., ส.ว. ตามหาประธานแนนซี เพโลซี และรองปธน.ไมค์ เพนซ์ พร้อมตะโกนจะแขวนคอคนทั้งสอง และบางกลุ่มได้บุกเข้าไปในห้องของ ส.ส., ส.ว.ได้ทำลายข้าวของเสียหาย ทั้งคอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ในห้องทำงานเหล่านั้น รวมทั้งมีการลักขโมยสิ่งของเครื่องใช้สำนักงาน ขนาดนำแป้นปราศรัย (Podiam) ของประธานสภาผู้แทนแนนซี เพโลซี ลากขโมยออกไป แล้วไปโพสต์ขายในตลาดแอมะซอน ดอทคอม ซึ่งทางตำรวจท้องถิ่นและเอฟบีไอได้ติดตามจนหาที่อยู่ และเจ้าตัวเหล่าผู้ก่อการร้ายก่อจลาจลพยายามล้มประชาธิปไตยเหล่านี้ได้เป็นหลายร้อยคน และตามตัวพบได้หมดจากภาพในกล้องวงจรปิดของสภาเอง และผ่านการติดต่อสื่อสารของเหล่าผู้ประท้วงที่ได้ถ่ายเซลฟี และโพสต์เอาไว้ตามแอปต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของเหล่าผู้ประท้วง (หรือผู้ก่อการร้ายในประเทศ)

ช่วงที่มีการรายงานข่าวสดจากสื่อต่างๆ ที่ไปปักหลักทำข่าวที่หน้าอาคารรัฐสภา ขณะกำลังบุกเข้ายึดสภา ปรากฏว่า ปธน.ทรัมป์ และครอบครัว มีทั้งลูกสาว อีวองกา ลูกชาย ดอนจูเนียร์ และคู่รัก รวมทั้งเหล่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้รับชมภาพสยดสยองการจลาจลเลือดอาบภายในอาคาร และนอกอาคารรัฐสภา ผ่านทางจอยักษ์ภายในห้อง War Room ที่ทำเนียบขาว ซึ่งเป็นการชื่นชมผลงานปลุกระดมที่ทรัมป์และพวกได้ปลุกเร้า ณ เวลาเที่ยงวันของวันพุธที่ 6 มกรา ที่หน้าทำเนียบขาว

ทรัมป์ได้ทวีตก่อนหน้าการจลาจลมาเป็นหลายอาทิตย์แล้ว ให้ฝ่ายที่ลงคะแนนให้เขา ให้พร้อมใจกันเดินทางมากดดันอย่างแข็งกร้าวต่อเหล่า ส.ส., ส.ว.รีพับลิกันเพื่อให้ลงคะแนนคัดค้านในกรรมวิธีสุดท้ายที่จะไม่รับรองชัยชนะของไบเดนอย่างเป็นทางการ

ทรัมป์ปลุกเร้าด้วยการราดน้ำมันเข้าไปในเพลิงแค้นของเหล่าสาวก ตั้งแต่ตอนเที่ยงที่หน้าทำเนียบขาว โดยตอกลิ่มว่า คะแนนของพวกคุณถูกปล้นไป เพราะทรัมป์เป็นฝ่ายชนะแบบถล่มทลาย แต่พวกไบเดนหรือเดโมแครตได้ปล้นคะแนน, ปล้นชัยชนะ, ล้มล้างประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง

และเป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้ประท้วง (หรือผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ) ที่จะต้องออกไปช่วงชิงชัยชนะที่ถูกปล้นคืนมา ด้วยการกดดันอย่างแข็งกร้าวต่อ ส.ส., ส.ว.รีพับลิกันให้คัดค้านชัยชนะของไบเดน

มีทั้งทนายจูลีอานี ที่บอกว่าต้องเป็นปฏิบัติการรบ (Combat) เป็นยุทธการทวงคืนชัยชนะ รวมทั้งลูกชาวดอนจูเนียร์ ที่เรียกผู้ประท้วงว่า ท่านผู้รักชาติทั้งหลาย (Patnots) และอีวองกาทวีตเรียกแขกให้มาชุมนุมแบบแข็งกร้าวมากๆ เพื่อปกป้องประชาธิปไตย

ยังมี ส.ว.เท็ด ครู๊ซ ซึ่งเป็นจอมกลับกลอกอย่างหาตัวจับยาก ที่มองเห็นช่องจะต้องตะครุบคะแนนของฐานเสียง (ผิวขาวระดับล่าง) ของทรัมป์ เอาไว้ไม่ให้หลุดไป เพื่อเตรียมที่เขาจะลงสมัครในตำแหน่งปธน.ในอีก 4 ปีข้างหน้า

และ ส.ว.รัฐมิสซูรี ส.ว.จอร์ช ฮาวลีย์ ซึ่งเคยเป็นระดับอัยการรัฐ ก็จับมือกับ ส.ว.เท็ด ครู๊ซ อย่างหนักแน่น ที่นำลงคะแนนคัดค้านคะแนนของ Electoral College...แม้หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจลอลหม่านเลือดสาดในการพยายามยึดรัฐสภาของม็อบบ้าคลั่งของทรัมป์แล้วก็ตาม!! ด้วยหวังความนิยมของฐานเสียงของทรัมป์สำหรับการเลือกตั้งในสมัยหน้าเช่นกัน

เหล่าผู้ยุยงปลุกปั่น ปลุกระดม ปลุกเร้าให้คนขาวระดับล่างที่ขาดข้อมูล และเหตุผล จนกระทำการอย่างไร้สติขนาดจะแขวนคอรองปธน.เพนซ์ โดยบอกว่าเพนซ์เป็นผู้ทรยศต่อชาติ ทรยศต่อทรัมป์ เพราะไม่ยอมคัดค้านผลการลงคะแนนของ Electoral College

ยังมีเหล่ารีพับลิกันที่มือเปื้อนเลือด เช่นเดียวกับทรัมป์ และครู๊ซ ก็คือ ประธานเสียงข้างมากของวุฒิสภา ส.ว.มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้โอบอุ้มปกป้องทรัมป์ตั้งแต่วันแรกที่ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่ง โดยไม่ยอมทัดทานความบ้าคลั่งเหยียดผิว, ลุแก่อำนาจของทรัมป์ตลอดเวลาที่ผ่านมา

ส.ว.ลินซีย์ แกรมม์ แห่งรัฐเซาท์แคโรโลนา ก็เป็นผู้ที่กลิ้งกลอก จากที่เคยวิพากษ์ทรัมป์ก่อนมาเป็นปธน.ว่า เป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้ ไม่เหมาะกับตำแหน่งปธน. แต่เกรแฮมก็เปลี่ยนกลับกลอกมาข้างทรัมป์อย่างไม่ลืมหูลืมตา

และผู้นำเสียงข้างมากของสภาล่าง ส.ส.เควิน แมคคาร์ธี แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็อุ้มทรัมป์มาตลอด แม้จะเกิดจลาจลบ้าเลือดครั้งนี้ที่รัฐสภา เขาก็ยังออกมาแก้ตัวให้ทรัมป์ว่า ทรัมป์เปรยกับเขาว่า ทรัมป์ไม่ใช่คนที่ปลุกเร้าให้เกิดจลาจล เพราะทรัมป์ต้องการการชุมนุมอย่างสงบ

นายทรัมป์เองออกมาอ่านเทเลพรอมพ์เตอร์หลังการจลาจลยุติลง (ชั่วคราว)...เขาบอกว่า ขอให้ผู้ประท้วงกลับบ้าน ผมรักพวกคุณทุกคน โดยต้องเป็นการประท้วงอย่างสงบ! และยังโกหกว่า เขาได้สั่งให้กองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) ออกมารักษาความสงบ...ทั้งๆ ที่รองปธน.เพนซ์ ทนไม่ไหว ช่วงจลาจลรุนแรงขึ้น และเพนซ์เป็นคนติดต่อกองกำลังนี้มารักษาความสงบต่างหาก!!

และยังกลิ้งกลอกว่า ผู้ก่อจลาจลที่ทำความรุนแรงจะต้องถูกลงโทษ

เหล่าบรรดานักการเมืองมือเปื้อนเลือดนี้ ยังมิวายออกมากลิ้งกลอกโกหกเพื่อเอาหน้ากับประชาชนว่า พวกเขาไม่ใช่ผู้โหมไฟบ้าคลั่ง ไร้สติให้รุนแรงอย่างยิ่ง

เหตุการณ์บุกยึดรัฐสภาก่อจลาจลนี้ละม้ายเหตุการณ์บุกโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช ทำลายการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทย และการเผาบ้านเผาเมืองที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งฝ่ายนำของเสื้อแดงออกมาปฏิเสธว่า ผู้ใช้ความรุนแรงไม่ใช่พวกตน คล้ายกับที่ทรัมป์และพวกมือเปื้อนเลือดออกมากลิ้งกลอก โดยโยนความผิดว่า มีฝ่าย Antifa (ซ้ายจัด) ปลอมตัวเข้ามาเพื่อก่อความรุนแรงนั่นเอง

นักการเมืองมือเปื้อนเลือด และกลิ้งกลอกของสหรัฐฯ ก็คล้ายกับของไทยเราเช่นกัน