คาดหมายว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะเริ่มพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งที่ 2 ในวันพุธ (13 ม.ค.) จากการเปิดเผยของสมาชิกระดับสูงพรรคเดโมแครตในวันจันทร์ (11 ม.ค.) หลังประธานาธิบดีถูกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ฐานปลุกปั่นจลาจล ก่อนเกิดเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน มีรายงานว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเตรียมส่งกำลังพล 15,000 นาย เข้าคุ้มกันพิธีสาบานตนของ โจ ไบเดน ท่ามกลางคำเตือนว่าพวกผู้ประท้วงติดอาวุธมีแผนชุมนุมกันในเมืองเอกทั้ง 50 รัฐ และในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงไม่กี่วันก่อนถึงพิธี
สเตนีย์ โฮเยอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตของเขาในสภาผู้แทนราษฎร จะเริ่มกระบวนการถอดถอนในวันพุธ (13 ม.ค.) หากว่ารองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ไม่ตอบกลับคำร้องขอให้ใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ในการถอดถอนทรัมป์พ้นจากตำแหน่ง
ถ้าญัตติให้ดำเนินการถอดถอนทรัมป์ผ่านความเห็นชอบ เขาจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ถูกถอดถอนถึง 2 ครั้ง
สำนักงานของเพนซ์ ไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ถอดถอนทรัมป์ ขณะที่แหล่งข่าวเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว
พวกผู้ประท้วงสนับสนุนทรัมป์ บุกจู่โจมสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บีบให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาที่กำลังให้การรับรองชัยชนะในศึกเลือกตั้งของ โจ ไบเดน ต้องหาที่หลบซ่อนตัวจากเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายต่อแก่นกลางประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
เหตุความรุนแรงเกิดขึ้นไม่นานหลังจาก ทรัมป์ เร่งเร้าผู้ประท้วงให้เดินขบวนไปยังอาคารรัฐสภา ระหว่างขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุมตอกย้ำคำกล่าวหามีการโกงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน
สมาชิกพรรคเดโมแครตเสนอญัตติถอดถอนทรัมป์เมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.) กล่าวหาประธานาธิบดีรายนี้ยุยงปลุกปั่นจลาจล “เรามีประธานาธิบดี ที่เราเกือบทั้งหมดเชื่อว่ามีส่วนร่วมในการยุยงจลาจล และโจมตีอาคารแห่งนี้ โจมตีประชาธิปไตย และพยายามล้มล้างผลการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดี” โฮเยอร์ กล่าว
ระหว่างการประชุมสภาในวันจันทร์ (11 ม.ค.) สมาชิกรีพับลิกันขัดขวางความพยายามเปิดพิจารณาญัตติหนึ่งที่ขอให้รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ในการถอดถอนประธานาธิบดีผู้ไม่มีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจะลงมติในช่วงค่ำวันอังคาร (12 ม.ค.) ต่อญัตติสำหรับใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ซึ่งอนุญาตให้รองประธานาธิบดีและรัฐบาลถอดถอนประธานาธิบดี ที่เป็นบุคคลไร้ความสามารถไม่สามารถทำหน้าที่ได้
เพนซ์และสมาชิกรีพับลิกัน ไม่ใคร่สนใจใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 เท่าไหร่ แต่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกเดโมแครตคนอื่นๆ พยายามยกระดับกดดันพวกเขาให้ดำเนินการกับทรัมป์ โดยขีดเส้นตายให้ เพนซ์ ตอบสนองภายใน 24 ชั่วโมง หลังญัตติให้ดำเนินการถอดถอนทรัมป์ผ่านความเห็นชอบ
ทรัมป์ ยอมรับว่า รัฐบาลใหม่จะเข้าทำหน้าที่ในวันที่ 20 มกราคม ในถ้อยแถลงที่วิดีโอที่เผยแพร่ออกมาหลังเหตุโจมตีรัฐสถา ในขณะที่ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กระงับบัญชีของเขา อ้างถึงความเสี่ยงที่ประธานาธิบดีรายนี้จะปลุกปั่นความรุนแรง
วอชิงตันยังคงอยู่การเฝ้าระวังขั้นสูงก่อนหน้าพิธีสาบานตนของไบเดนในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งลดระดับลงอย่างมาก สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเปิดเผยในวันจันทร์ (11 ม.ค.) ได้รับมอบหมายให้ส่งทหาร 15,000 ราย เข้าคุ้มกันพิธีสาบานตน และมีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมอนุสาวรีย์วอชิงตัน สืบเนื่องจากมีความเสี่ยงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกจากฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์
ความกังวลดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางคำเตือนของเอฟบีไอ ที่ทราบข่าวมาว่า พวกผู้ประท้วงติดอาวุธมีแผนชุมนุมกันในเมืองเอกทั้ง 50 รัฐ และในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงไม่กี่วันก่อนถึงพิธีสาบานตนของไบเดน โหมกระพือความหวั่นกลวว่าจะมีเหตุการณ์เสียเลือดเสียเนื้อเพิ่มเติม ตามหลังเหตุบุกยึดรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
เอกสารภายในของเอฟบีไอ เตือนว่า การประท้วงทั่วประเทศอาจเริ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และยืดเยื้อจนถึงพิธีสาบานตนของไบเดนวันที่ 20 มกราคม โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าพวกผู้ประท้วงบางส่วนเป็นสมาชิกของกลุ่มหัวรุนแรง “พวกผู้ประท้วงติดอาวุธมีแผนชุมนุมในทุกเมืองเอกทั้ง 50 รัฐ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ไปจนถึงอย่างน้อยวันที่ 20 มกราคม และที่อาคารรัฐสภา จากวันที่ 17 มกราคม ไปจนถึง 20 มกราคม” เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามบอกกับเอพี
พวกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่ร่างข้อกล่าวหาถอดถอน บอกว่าพวกเขารวบรวมเสียงสนับสนุนได้อย่างน้อย 214 เสียงจากสมาชิกทั้งหมด 222 เสียงของเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร บ่งชี้ว่ามันมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ญัตติให้ดำเนินการถอดถอนทรัมป์จะผ่านความเห็นชอบ ขณะเดียวกัน ไดอานา เดเกตต์ ส.ส.จากเดโมแครต เผยด้วยว่ามีสมาชิกรีพับลิกันบางส่วน ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนถอดถอนอย่างลับๆ
ทรัมป์ เคยถูกสภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมโดยเดโมแครต ถอดถอนพ้นจากตำแหน่งมาแล้วครั้งหนึ่งในเดือนธันวาคมปี 2019 ตามคำกล่าวหากดดันผู้นำยูเครน สืบสวนและเล่นสกปรกทางการเมืองกับโจ ไบเดน แต่วุฒิสภา ซึ่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ลงมติให้เขาพ้นผิดจากทุกข้อกล่าวหา
แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติถอดถอนทรัมป์อีกครั้ง แต่กว่าที่วุฒิสภา ซึ่งปัจจุบันรีพับลิกันยังครองเสียงข้างมาก จะรับข้อกล่าวหาไปพิจารณา อย่างเร็วที่สุดคงต้องรอจนถึงวันที่ 19 มกราคม
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี)