ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เตรียมเป็นเจ้าของสำนัก หลังลาออกจากพรรคเพื่อไทยมาสักระยะหนึ่ง "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในวัยที่จะแซยิด ปี2564 นี้ ทางการเมืองพร้อมลงปักฐาน สร้างบ้านหลังใหม่ ตอนนี้ลงเสาเข็มพรรคการเมืองของตัวเองเรียบร้อย
เบื้องต้นจะจดทะเบียนในชื่อ "ไทยสร้างไทย" ที่มีชื่อ ว่าที่ ร.ต.สอิสร์ โบราณ เกษตรจังหวัดขอนแก่น เป็นหัวหน้าพรรค และ วัลลภ ไชยไธสง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบัวแดงวิทยา ต.หนองเม็ก อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เด็กของ พงศกร อรรณนพพร อดีต ส.ส.ขอนแก่น เป็นผู้ยื่นคำขอจัดตั้งพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ปีที่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อสมาชิกตั้งต้น 500 คน
แต่แบรนด์ "ไทยสร้างไทย" เป็นแค่ชื่อเบื้องต้น เพราะมันไปพ้องกับสถาบันสร้างไทย ที่อยู่ภายใต้มูลนิธิไทยพึ่งไทย ที่ "เจ๊หน่อย" เป็นประธาน จะกระทบกับการดำเนินการของมูลนิธิฯได้ โดยไทม์ไลน์หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง และประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีการจัดประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่ถึงคราวตัวจริงอย่างเจ๊ และเหล่านักการเมืองจะมากุมบังเหียนอยู่เบื้องหน้าเต็มตัว และตั้งชื่อพรรคกันใหม่อย่างเป็นทางการ
ใครดูถูกดูแคลน "เจ๊หน่อย" ไว้เยอะ อาจต้องคิดใหม่ เพราะตั้งแต่ออกจากบ้านเอเอฟ พรรคเพื่อไทย เนื้อตัวหอมฉุย มีแต่คนอยากจะร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นชักชวนให้ไปร่วมสร้างอาณาจักรกันใหม่ หรืออยากจะขอไปร่วมขบวนการด้วย
โดยมีข่าวว่า อุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มีโปรเจกต์จะสร้างพรรคการเมือง โดยใช้ที่ทำการพรรคหลังเก่าของพรรคพลังประชารัฐ อย่างอาคารปานศรี เป็นที่ทำการพรรคใหม่ พยายามขายขนมจีบไปร่วมสถาปนากลุ่ม
แต่มันยากตรงที่ "เจ๊หน่อย" กับหัวหน้ากลุ่มอีก 4 กุมาร อย่าง "เฮียกวง" สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยจะถูกจริตกัน
ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายกลุ่มการเมืองที่ตั้งใจจะปักธงในศึกชิงผู้ว่าฯเมืองหลวง พยายามชักชวนเจ๊ไปเป็นแนวร่วมจัดตั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร เพราะรู้ว่า ชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ ยังพอขายได้ในหมู่คนไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์
เพียงแต่ว่า เจ๊หน่อยลงสมัครเองไม่ได้ เพราะกระแสไม่ได้กระฉูดที่เขื่อว่า จะคว้าชัย
ขณะที่คนเคยร่วมงานในพรรคเพื่อไทยหลายชีวิต อยากจะติดสอยห้อยตามมาอยู่กับเจ้าแม่วังทองหลางหลายคน มีทั่วทุกภาค เหนือ อีสาน และใต้ มีทั้งที่ลาออกตามกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “วัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “โภคิน พลกุล” อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร “ต่อพงษ์ ไชยสาส์น” อดีต รมช.สาธารณสุข “วิจักร อากัปกริยา” อดีตอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
หรือคนที่ตัวยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่ใจติดสอยห้อยตามเจ๊ไปนานแล้วนั้น เป็นประเภทรอเวลา โดยเฉพาะบรรดา ส.ส.ที่ไม่พอใจกับการบริหารงานของผู้บริหารพรรคเพื่อไทยชุดปัจจุบัน แต่วันนี้ยังยื่นใบลาออกไม่ได้ เพราะต้องรักษาสมาชิกภาพ ส.ส.เอาไว้ ยุบสภาเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ เก็บข้าวของเครื่องใช้ ลากกระเป๋าไปอยู่บ้านใหม่กับเจ๊แน่
ส.ส.เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ได้ดิบได้ดีในยุคคุณหญิงสุดารัตน์ เรืองอำนาจในพรรคเพื่อไทย กับพวกเด็กเจ๊จ๋าๆ ที่พอๆ เห็นหน้าคร่าตากันอยู่ว่าใครเป็นใคร จุดสังเกตดูไม่ยาก ตอนเจ๊อยู่ในพรรค ใครเด่น ใครดัง แต่ตอนนี้ใครดับ นั่นแหละอยู่ในข่ายบ๊ายบายบ้านใหญ่
เผลอๆ ไม่ต้องรอยุบสภา แต่อาจถึงแก่เวลาได้สิทธิย้ายบ้านโดยไม่ต้องลาออก โดยเฉพาะกรณีพรรคเพื่อไทย เจออุบัติเหตุ "ยุบพรรค" บ้านแตกสาแหรกขาด ภาค 3 ต่อจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน
ตามคิว กกต.ตั้งท่าง้างเท้าอยากจะเชือด ปม "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร โพสต์จดหมายน้อยลงเฟซบุ๊ก และอัดคลิปขอเสียงสนับสนุนให้เลือก พิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก๊อง ในศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการร้องว่า อาจจะขัดต่อระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียง
และไม่ได้มีที่ จ.เชียงใหม่ ที่เดียว แต่ "นายใหญ่" ยังเขียนจดหมายน้อยช่วยผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงราย อีกแห่ง ซึ่งมีการตรวจสอบในทะเบียนของ กกต. พบว่า ทักษิณไม่ถือเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเมื่อตรวจสอบจาก กกต.เชียงราย ก็ไม่พบว่า ผู้สมัครได้แจ้งว่าทักษิณเป็นผู้ช่วยหาเสียงแต่อย่างใด
งานนี้ถ้า กกต.ยึดตัวบทกฎหมายแบบไม่มีผ่อนผัน ประกอบกับผู้มีอำนาจส่งซิก บอกได้คำเดียว ผึ้งแตกรังกันอีกรอบ เป็นจังหวะที่ ส.ส.ที่อยู่แต่ตัว แต่ใจตามเจ๊ มีโอกาสได้ตามไปอยู่ด้วย
สำหรับบ้านหลังใหม่ของ "เจ๊หน่อย" ไม่ได้เน้นดูดของเก่าจากพรรคเพื่อไทย แต่ใครมีใจก็ตามมา ขณะเดียวกัน ยังเน้นเปิดกว้างรับผู้สมัครหน้าใหม่ๆ ผสมผสานกันไปให้ตรงเทรนด์ทุกช่วงวัย เพราะประเมินแล้วว่า กติกาแบบจัดสรรปันส่วนผสมคงไม่ได้มีการแก้ง่ายๆ หากยังใช้ระบบเลือกตั้งนี้ มีโอกาสโกย ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้ไม่น้อยเหมือนกัน
ส่วนแนวนโยบายสไตล์เจ๊ในพรรคใหม่ จะชูธงกลางๆ แบบเหลียวเข้าใครก็ได้ บนหลักการยึดมั่นฝั่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลทหาร เน้นหารฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ใช่พวกสุดโต่ง ซ้ายจัด เพื่อสร้างเซฟตี้โซนให้กับตัวเอง
พรรคใหม่เจ๊ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาแข่งกับพรรคเพื่อไทย เพราะวันนี้ที่เก็บกระเป๋าออกจากบ้านเอเอฟ ก็เพราะน้อยอกน้อยใจ "นายใหญ่" เท่านั้น ประกอบกับไม่ถูกกับผู้บริหารชุดปัจจุบันที่นำโดย "เสี่ยอ้วน" ภูมิธรรม เวชชยชัย แต่กับ "นายใหญ่" ไม่ได้ถึงขั้นหักกัน
วันข้างหน้าหากมีโอกาสพลิกขั้วตั้งรัฐบาล ด้วยความสัมพันธ์มีกันมานานปี ย่อมตัดไม่ขาดสามารถร่วมงานกันได้
แต่ถึงวันนั้นพลังอำนาจต่อรองของเจ๊จะมีมากกว่าตอนอยู่ในพรรคเพื่อไทย ที่ต้องหารกันหลายก๊กหลายกลุ่ม