ในขณะนี้กำลังรอผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ว.ที่รัฐจอร์เจีย ที่จะตัดสินว่า พรรคเดโมแครตจะสร้างปรากฏการณ์บลูเวฟ (หรือคลื่นน้ำเงิน-สีของพรรคเดโมแครต) คือ ครองทั้งทำเนียบขาว, ครองทั้งสภาล่าง และครองทั้งวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้นโยบายที่ไบเดนหาเสียงจะเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นงบก้อนโตที่จะควบคุมการระบาดของโควิด รวมทั้งงบฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเหมือนก่อนถูกโควิดโจมตี, การเปลี่ยนทิศทางการใช้พลังงานของประเทศไปสู่พลังงานสีเขียวแทนพลังงานจากฟอสซิลที่ทรัมป์ได้ให้การสนับสนุน และอุดหนุนมาตลอด 4 ปี และยังหมายถึงการปฏิรูปประกันสุขภาพที่จะต่อยอดจากของเดิมที่โอบามาทำไว้ เป็นต้น
รวมทั้งการขยายจำนวนผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่ตาชั่งกำลังเอียงไปทางรีพับลิกัน จากความเจ้าเล่ห์ของทรัมป์ที่เร่งรีบแต่งตั้งผู้พิพากษาขวาสุดขั้วเข้าไปรับตำแหน่งในปีเลือกตั้ง
ปรากฏการณ์ที่ไบเดนได้รับชัยชนะที่รัฐจอร์เจีย เป็นเรื่องที่เกินคาด เพราะรัฐนี้แม้จะเป็นบ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ (พรรคเดโมแครต) แต่เดโมแครตไม่เคยได้ชัยชนะในการแข่งปธน.มาตั้งแต่ปธน.คลินตันเมื่อ 28 ปีที่แล้ว
แม้ว่าส่วนหนึ่งที่ไบเดนชนะที่จอร์เจีย เป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของประชากร โดยเป็นรัฐทางใต้ที่มีการอพยพกลับเข้ามาของชนกลุ่มน้อยในรอบ 10-15 ปีนี้ถึงประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเป็นการไหลกลับของประชากรโดยเฉพาะคนผิวดำหนุ่มสาว ซึ่งรุ่นพ่อแม่ของเขาได้หนีความรุนแรงของการเหยียดผิวทางภาคใต้ (Deep South และ Rim South) ไปตั้งถิ่นฐานที่ตอนเหนือ (นิวยอร์ก, นิวเจอร์ซี, ชิคาโก) เป็นต้น หรือทางตะวันตกตั้งแต่แคลิฟอร์เนียไปจนถึงรัฐวอชิงตัน
ปรากฏการณ์ที่หนุ่มสาวชนกลุ่มน้อยอพยพกลับมาที่จอร์เจีย เพราะเป็นรัฐที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ-ทำให้หางานทำได้ง่าย โดยรัฐนี้เป็นบ้านของโคคา-โคลา และสำนักงานใหญ่ของสถานีซีเอ็นเอ็น เป็นต้น
รวมทั้งค่าครองชีพก็ถูกกว่าเมืองใหญ่ๆ ของรัฐทางตอนเหนือและทางตะวันตก ตลอดจนที่อยู่อาศัยก็ราคาถูกกว่าด้วย
การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของประชากรในรอบเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มีส่วนทำให้เกิดเมืองใหม่ขึ้นในหลายรัฐ ที่เคยเป็นสีแดง (สีของรีพับลิกัน) ก็กลายเป็นสีน้ำเงิน ในการเลือก ส.ส., ส.ว. และปธน.ที่กำลังเกิดขึ้นทั้งในรัฐเนวาดา, แอริโซนา, เซาท์แคโรไลนา รวมทั้งเท็กซัส
นอกจากการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนประชากรแล้ว อีกเหตุผลที่สำคัญที่ไบเดนกวาดคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตไปถึง 82-83 ล้านเสียง ก็เพราะมีพวกอินดิเพนเดนท์หรือสวิงโหวตที่หันมาเลือกไบเดน รวมทั้งรีพับลิกันที่เบื่อหน่ายต่อทรัมป์ ในด้านการจัดการกับโควิด
เพราะยอดผู้ติดเชื้อของสหรัฐฯ สูงสุดในโลกจำนวนถึง ¼ ของผู้ป่วยทั้งโลก และยอดคนตายก็กำลังทะยานไปสู่ 4 แสนคน ซึ่งเป็นการสูญเสียคนใกล้ชิดของเหล่ารีพับลิกันด้วย
ขนาดว่าที่ ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐลุยเซียนา ผู้เป็นสาวกคลั่งไคล้ทรัมป์ก็ยังเสียชีวิต เพียงไม่ถึง 1 อาทิตย์ (ด้วยโควิด) ก่อนเข้าสาบานตนเพื่อรับตำแหน่ง ส.ส.
ในเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในต้นเดือนมีนาคม (ตอนเริ่มต้นของการระบาด) ที่สหรัฐฯ มีแค่ 15 ราย และยังไม่มีคนตาย...แต่เวลาผ่านไป 8-9 เดือนจากการจัดการอย่างไร้ประสิทธิภาพ, ไร้น้ำยา, ไร้ปัญญา และไร้คุณธรรมของทรัมป์ ตัวเลขคนตายพุ่งไปเกือบ 4 แสน...และนี่คือเหตุผลที่คะแนนไบเดนชนะขาดลอยต่อทรัมป์
มีหลายสื่อหลักของสหรัฐฯ เรียกการบริหารของทรัมป์ต่อโควิดว่าเป็น AWOL ซึ่งเป็นศัพท์ที่ใช้ในราชการทหาร (โดยเฉพาะช่วงสงคราม...เช่น สงครามกับโควิด...สงครามเวียดนาม) ว่าเป็นการหนีทหาร-หนีราชการ-หนีภารกิจหลัก มีคำเต็มว่า Absent Without Leave
เพราะทรัมป์มองข้ามสงครามกับโควิด เขาเคยพูดว่า โควิดเป็นเรื่องโกหก, เป็นเรื่องที่เดโมแครตกุขึ้นเพื่อหาทางให้คนลงคะแนนเสียงการเลือกตั้งปธน.ด้วยทางไปรษณีย์ เพื่อหาทางโกงการเลือกตั้ง ตอนท้ายๆ เขาก็ให้น้ำหนักกับวัคซีน แต่เมื่อวัคซีนทยอยคลอดออกจากค่ายต่างๆ เป็นช่วงหลังเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน ซึ่งเขาก็หมกมุ่นแต่กับการพลิกคะแนนเลือกตั้ง เพื่อให้เขาพลิกมาชนะไบเดน โดยไม่นำพากับการบริหารกระจายวัคซีนให้ได้ผล
ตลอดปีที่ผ่านมากับการระบาดรอบแรกของโควิด เขากลับไปให้น้ำหนักกับตลาดทุนที่ทำลายสถิติแล้วสถิติเล่า (กับหุ้นกลุ่มไอทีที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ยามผู้คนต้องทำงานจากบ้าน) ทรัมป์กลายเป็น AWOL หรือหายตัวไปจากการจัดการกับโควิด แม้แต่ทำเนียบขาวก็กลายเป็น Hot Spot หรือ Super Spreader จากการจัดกิจกรรมใหญ่ๆ รวมทั้งการหาเสียงที่ละเลยกับกฎเกณฑ์การป้องกันการระบาด ด้วยการสวมหน้ากาก
หันมาทางประเทศไทย เราก็มีผู้บริหารที่เป็น AWOL กับภารกิจหลักที่จะควบคุมการระบาดของโควิดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับ Super Spreader อย่างบ่อนการพนัน (ที่ยังปล่อยให้เจ้าของลอยนวลอยู่เหนือกฎหมาย) และขบวนการค้ามนุษย์แอบนำแรงงานข้ามชาติจากเพื่อนบ้าน เข้ามาเติมเชื้อระบาดไม่รู้จบ
ทั้งสองกิจกรรม Super Spreader ที่อยู่เหนือกฎหมายของรัฐไทยนี้ สร้างความเสียหายเป็นแสนล้านแก่เศรษฐกิจไทย และชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องตายด้วย
เราโชคร้ายที่มีผู้นำที่เหมือนทรัมป์ ที่เป็น AWOL ที่ไร้ประสิทธิภาพ, ไร้น้ำยา, ไร้ปัญญา และไร้คุณธรรม! และยังรับเงินเดือนเต็มพิกัด ทั้งๆ ที่วางตัวอยู่เหนือปัญญา ท่ามกลางการสูญเสียทางเศรษฐกิจ และชีวิตของผู้คน