แนนซี เพโลซี ได้รับเลือกอย่างฉิวเฉียดเมื่อวันอาทิตย์ (3 ม.ค.) กลับเข้ามานั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯอีกสมัย ระหว่างการประชุมของสภาคองเกรสชุดใหม่ ที่ยังคงเต็มไปด้วยความแตกแยกอย่างรุนแรง ในสัปดาห์ท้ายๆ ในวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์
เพโลซี วัย 80 ปี เผชิญกับความกังวลเล็กน้อย หลังมีสมาชิกเดโมแครต 5 คนแปรพักตร์ โหวตงดออกเสียงหรือเลือกคนอื่นระหว่างการลงมติ อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดผู้นำลำดับที่ 3 ของเดโมแครต ก็ได้นั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นหนที่ 4 ซึ่งบางทีอาจเป็นครั้งสุดท้าย หลังเธอได้รับเสียงสนับสนุน 216 เสียง มากกว่า เควิน แม็คคาร์ธีย์ แกนนำรีพับลิกัน ที่ได้คะแนน 209 เสียง
“เราเริ่มสภาครองเกรสใหม่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเป็นพิเศษ” เพโลซีบอกกับที่ประชุมสภา เน้นย้ำยอดผู้เสียชีวิต 350,000 คน และติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ “ลำดับความสำคัญที่เร่งด่วนที่สุดของเรา คือ จะเดินหน้ากำราบโคโรนาไวรัส และเอาชนะมัน เราจะเป็นผู้ชนะ”
การลงคะแนนครั้งนี้ใช้เวลานานหลายชั่วโมง เนื่องจากบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องลงคะแนนแยกกันเป็นกลุ่มหลายสิบกลุ่ม ภายใต้กฎระเบียบเว้นระยะห่างทางสังคมที่กำหนดออกมาระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่
เพโลซี คือ คู่ปรับคนสำคัญของทรัมป์ในสภาคองเกรส ทั้งสองคนปะทะกันอย่างเผ็ดร้อนมาตลอดช่วง 2 ปีหลังสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครั้งที่ เพโลซี ประกาศเดินหน้ากระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทรัมป์ ถูกสภาผู้แทนราษฏรลงมติถอดถอนในเดือนธันวาคม 2019 แต่วุฒิสภาลงมติให้เขาพ้นผิดจากทุกข้อกล่าวหาในช่วงต้นปี 2020
ในขณะที่ เพโลซี พยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรหัวก้าวหน้าจำนวนหนึ่ง วิพากษ์วิจารณ์ความเป็นผู้นำของเธอ แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ลงคะแนนโหวตให้เธอเมื่อวันอาทิตย์ (3 ม.ค.)
ปกติแล้วสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจะมีทั้งสิ้น 435 เสียง แต่มีเพียง 427 เสียง ที่ลงคะแนนโหวตเมื่อวันอาทิตย์ (3 ม.ค.) เนื่องจากบางส่วนอยู่ในมาตรการกักกันโรคโควิด-19 และศึกเลือกตั้ง ส.ส.ในนิวยอร์กอันคู่คี่สูศี ยังไม่ได้บทสรุปอย่างเป็นทางการ
ส่วน ลุค เลตโลว์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากลุยเซียนา เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนหลังติดเชื้อโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่กี่วันก่อนถึงกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง นั่นทำให้ เดโมแครต ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรฉิวเฉียดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ด้วนจำนวน 222 ต่อ 211 ที่นั่ง และยังว่างอยู่ 2 ที่นั่ง
(ที่มา:เอเอฟพี)