ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพลพรรครีพับลิกันตลอดการหาเสียง ระบุวานนี้ (9 ธ.ค.) ว่า ตนเองกำลังถูกสำนักงานอัยการแห่งรัฐเดลาแวร์ตรวจสอบเรื่องการเสียภาษี
“ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และผมก็มั่นใจว่า หากมีการตรวจสอบอย่างมืออาชีพและตรงไปตรงมาก็จะพิสูจน์ได้เองว่าผมทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาด้านภาษีซึ่งเป็นมืออาชีพ” บุตรชายวัย 50 ปี ของว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ระบุในถ้อยแถลง
ไบเดน ผู้ลูกเผยด้วยว่า ตนเพิ่งจะทราบข่าวนี้เมื่อวันอังคาร (8) หลังจากอัยการได้แจ้งมายังทนายความส่วนตัว
คณะทำงานเปลี่ยนผ่านของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (9) ว่า ไบเดน “มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในตัวบุตรชายของเขา ซึ่งได้ต่อสู้ฝ่าฟันปัญหาต่างๆ มามากมาย รวมถึงถูกใส่ร้ายโจมตีอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แต่ก็ผ่านพ้นมาได้อย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม”
สื่อ CNN รายงานว่า พนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบธุรกรรมการเงินหลายอย่างของ ฮันเตอร์ ไบเดน รวมถึงดูว่าเขาและบุคคลใกล้ชิดได้กระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายละเมิดกฎหมายภาษีและกฎหมายฟอกเงินระหว่างทำธุรกิจกับต่างชาติ โดยเฉพาะ “จีน” หรือไม่
แหล่งข่าว 2 คนยืนยันกับซีเอ็นเอ็นว่า การสอบสวนนี้ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2018 หรือก่อนที่ วิลเลียม บาร์ จะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน
ทรัมป์ และคนในพรรครีพับลิกันพยายามตั้งคำถามเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” จากการที่ ฮันเตอร์ ไบเดน มีรายชื่ออยู่ในบอร์ดบริหารของบริษัทพลังงาน Burisma ของยูเครน ในช่วงที่บิดาของเขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในยุคของ บารัค โอบามา
เรื่องนี้ยังกลายเป็นสาเหตุให้ ทรัมป์ ถูก ส.ส.เดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอนจากตำแหน่ง (impeachment) ในความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบและขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส จากการที่เขาใช้อิทธิพลกดดันให้รัฐบาลยูเครนขุดคุ้ยความผิดของบุตรชายไบเดน ทว่ามติถอดถอนดังกล่าวได้ถูกปัดตกในชั้นวุฒิสภา
ทรัมป์ ยังเคยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจีนตรวจสอบ ฮันเตอร์ ไบเดน ว่าใช้สถานะความเป็นบุตรชายรองประธานาธิบดีระดมเงินทุนในจีนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ วัย 74 ปี ไม่เคยแสดงหลักฐานยืนยันข้อครหาเหล่านี้ ขณะที่บุตรชายของ ไบเดน ก็ยืนกรานว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิด
โจ ไบเดน ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา และแม้ว่า ทรัมป์ จะพยายามฟ้องศาลเพื่อพลิกผลเลือกตั้งในหลายรัฐ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ที่มา: รอยเตอร์